‘ตูม’ ลูกศรถูกยิงออกไป
การต่อสู้ครั้งอดีตราชันกระบี่น้อยยังสามารถรอดจากคันศรไปได้ แต่ตอนนี้พลังของทั้งสองแทบจะไม่แตกต่างกัน แล้วราชันกระบี่น้อยจะหยุดยั้งทักษะศักดิ์สิทธิ์สามทักษะที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งการโจมตีได้อย่างไร?
ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์คือทักษะที่สังหารได้แม้แต่พระเจ้า!
เพียงแต่พลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนี้ยังต่ำเกินไป เขายังไม่สามารถสังหารพระเจ้าได้ แต่กับราชันกระบี่น้อยนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ร่างของราชันกระบี่น้อยส่องแสงสว่างออกมาสร้างเป็นโล่สองชั้นเพื่อป้องกันคันศรทั้งสองดอกของหลิงฮัน ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด กระดาษสมบัติที่คอยคุ้มของเขาตอนนี้สลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว มันไม่สามารถป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปให้เขาได้
ลูกศรดอกต่อไป คือสิ่งที่กำหนดชะตาความตายของเขา
การประลองครั้งนี้คือการประลองเป็นตาย มันจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายนึงตกตายอย่างสมบูรณ์ แม้จะเป็นสำนักสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจในการคัดค้าน ดังนั้นจึงไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเพื่อแทรกแซงพวกเขา
กฎก็ต้องเป็นกฎ ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ สำนักจะยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่อีกรึ?
ราชันกระบี่น้อยยังคงมีสภาวะจิตใจมั่นคงดั่งกระบี่ ในตอนนี้เขาไม่หวั่นเกรงความตายแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นตรงกันข้าม จิตวิญญาณนักสู้ของเขาก็ปะทุออกมาและสะบั้นกระบี่ไปยังหลิงฮันอย่างอ่อนแรง
‘ตูม’ กระบี่ของเขาส่องแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ กลิ่นอายแห่งอำนาจอันลึกลับถูกปลดปล่อยออกมา
“กะ…แก่นแท้กระบี่!” หนึ่งในผู้อาวุโสอุทานออกมา
“ไม่ใช่แก่นแท้กระบี่ที่สมบูรณ์ แต่มือข้างหนึ่งของเขาได้สัมผัสถึงแก่นแท้กระบี่แล้ว!” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งส่ายหัว
“การที่สามารถเข้าถึงหลักวิถีแห่งเต๋าของแก่นแท้กระบี่ เขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่อาจประเมินค่าได้!” ผู้อาวุโสคนที่สามกล่าว
“จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้!” ผู้อาวุโสคนที่สี่พูดอย่างหนักแน่น
‘พรึบ!’
หลิงฮันถือธนูตั้งตรงและยิงลูกศรออกไป ลูกศรแปรสภาพกลายเป็นเส้นแสงแห่งการทำลายล้าง ภายในพริบตามันก็ไปปรากฏที่หน้าผากของราชชันกระบี่น้อยและพุ่งทะลุหัวผ่านไป ลูกศรนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แม้จะพุ่งทะลุหัวของราชันกระบี่น้อยไปแล้ว มันก็ยังคงพุ่งทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีท่าทีว่าพลังจะเหือดหายไป
‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ปีศาจเฒ่าสามคนปรากฏตัว พวกเขาทุกล้วนมีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ลงมือช้าเกินไป ร่างของราชันกระบี่น้อยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า พลังชีวิตของเขาสลายหายไปจากร่างอย่างรวดเร็ว
ชายชราคว้าร่างของราชันกระบี่น้อยเอาไว้และเดินจากไป เขาคงคิดว่าบางทีอาจจะมีหนทางชช่วยชีวิตเขาได้
แต่ทว่า ด้วยการที่หลิงฮันเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยาในชีวิตที่แล้ว เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าลูกศรได้ทำลายจิตวิญญาณของราชันกระบี่น้อยจนสลายหายไปสิ้น ถึงจะมีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีสภาพเต็มร้อยได้ แต่มันก็ทำได้แค่ฟื้นฟูร่างกาย
จิตวิญญาณได้ตายได้แล้ว แม้จะฟื้นขึ้นมาราชันกระบี่น้อยจะยังคงเป็นราชันกระบี่น้อยอยู่อีกรึ? แม้จะสามารถทำให้ร่างฟื้นกลับมีชีวิตได้ แต่ราชันกระบี่น้อยก็คงไม่ต่างอะไรกับคบบ้า
ปีศาจเฒ่าอีกสองคนจ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชา พวกเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนแรกที่ทั้งสองคนตกลงประลองเป็นตายกัน พวกเขาก็ไม่ได้มาห้ามปราม แล้วตอนนี้พวกเขาจะทำอะไรได้?
“แยกย้ายกันไปได้แล้ว!” ชายชราจ้องมองหลิงฮันอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะสะบั้นแขนเสื้อกล่าวกับศิษย์ของสำนักรอบด้านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ทุกคนหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรและรีบสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ยังมีวิหารระดับปฐพีและระดับดำอีกมากมายที่ว่างอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องรีบไปจับจองให้ทัน ราชันกระบี่น้อยตกตายไปแล้วมันอย่างไร? เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขาเสียหน่อย
ไม่ใช่ว่าวิหารของราชันกระบี่น้อยว่างแล้วหรอกรึ? แต่ถึงอย่างนั้นใครกันจะมีความคิดกล้ายึดครองวิหารแห่งนี้เพราะกลัวว่าจะถูกหลิงฮันสังหาร
หลิงฮันจ้องมองไปยังปีศาจเฒ่าที่เดินจากไป ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ได้ก่อเกิดขึ้นในใจของเขา
สินสงครามของเขาถูกแย่งชิงไปแล้ว
แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าเขาตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า เขาจะทำอะไรได้? หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งปีศาจเฒ่าในใจ… พวกเจ้าอย่าทำเส้นผมหล่นแม้แต่เส้นเดียวล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสาปแช่งพวกเจ้าสามวันสามคืน
เขาทำใจให้สงบและกล่าว “เอาล่ะ ไปวิหารของราชันกระบี่น้อยกันเถอะ บางทีที่นั่นอาจจะมีอะไรบางอยางเหลือทิ้งเอาไว้”
ราชันกระบี่น้อยค้นพบคลังสมบัติของจักรวรรดิโบราณ สมบัติบางชนิดอาจจะใหญ่จนไม่สามารถใส่เข้าไปในแหวนมิติได้จึงต้องหาที่วางมันเอาไว้
พวกหลิงฮันไปตามคนรับใช้ถึงตำแหน่งวิหารของราชันกระบี่น้อยก่อนที่จะมุ่งหน้าไป
“หืม วิหารถูกติดตั้งรูปแบบอาคมรวมพลังวิญญาณเอาไว้”
“เป็นเช่นนี้เอง พลังวิญญาณในที่แห่งนี้เข้มข้นมากกว่าด้านนอกถึงสิบเท่า”
ทุกคนบอกเล่ากันว่าหากบ่มเพาะพลังที่นี่จะช่วยย่นเวลากว่าปกติครึ่งนึง หลิงฮันหายสงสัยแล้วว่าทำไมราชันกระบี่น้อยถึงได้ทะลวงผ่านระดับระดับก้าวสู่เทวาได้รวดเร็วเช่นนี้ เหล่าศิษย์ที่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมกับสำนักโดยตรงคงจะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว ด้วยการที่ได้บ่มเพาะพลังที่นี่มานานกว่าศิษย์คนอื่น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาและศิษย์คนอื่นๆจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วิหารแห่งนี้เพียงพอให้จอมยุทธบ่มเพาะพลังได้สามถึงสี่คน หากมากกว่านี้พลังวิญญารจะไม่เพียงพอ เพราะประสิทธิภาพของข่ายอาคมรวบรวมวิญญาณเองก็มีขีดจำกัด
“ที่นี่มีวิหารอยู่ประมาณห้าร้อยวิหาร แต่ศิษย์ที่ผ่านการทดสอบมาได้เกรงว่าจะมีราวๆสองพันคน”
ตามการคาดหวังของสำนักสวรรค์แล้ว พวกเขาตั้งใจจะรับศิษย์เข้าร่วมประมาณหนึ่งพันคน แต่เพราะหลิงฮันทำลายธงอาคมในการทดสอบแรก จอมยุทธที่ผ่านการทดสอบได้จึงเพิ่มขึ้นเท่าตัว
“วิหารมีน้อย การแข่งขันก็จะดุเดือดขึ้น”
“ถูกแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องการอาศัยอยู่ในวิหารที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น และจากที่ได้ยินมา มีเพียงศิษย์ที่อาศัยอยู่ในวิหารเท่านั้นถึงจะมีสิทธิได้รับทรัพยากรบ่มเพาะ”
“งั้นพวกเราก็คงต้องพยายามหน่อยแล้ว”
ทุกคนต่างมีคสามทะเยอทะยาน แม้จะไม่สามารถครอบครองวิหารระดับสวรรค์หรือวิหารระดับปฐพีได้ แต่พวกเขาจะครอบครองวิหารระดับดำหรือเหลืองไม่ได้เชียวหรือ?
หลี่เฟิงหยู่และฉินหยีเย่วกล่าวลา พวกเขาต้องรีบไปครอบครองวิหารที่เหมาะสม แม้จะต้องท้าประลองก็คงไม่อาจเลี่ยงได้ สำหรับอัจฉริยะอย่างพวกเขา ระยะเวลาสามเดือนนั้นเพียงพอที่จะพัฒนาพลังให้เพิ่มขึ้นมหาศาล
จูเสวียนเอ๋อและฮูหนิวไม่ได้ออกไปจากวิหาร พลังวิญญาณในวิหารแห่งนี้เพียงพอให้บ่มเพาะพลังได้สามคน หากพูดถึงทรัพยากรบ่มเพาะแล้ว หลิงฮันที่มีหอคอยทมิฬจะด้อยกว่าใครรึ?
“หลิงฮัน หนิวหิวแล้ว!” ฮูหนิวออดอ้อนหลิงฮัน
“งั้นก็มากินกันก่อนแล้วกัน!” หลิงฮันยิ้มและนำวัตถุดิบต่างๆออกมาเตรียม เขาไม่คิดจะไปหาจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงซักระยะ พวกเขาทั้งสามคนจะก่อตั้งกองกำลังของตนเองแล้วค่อยมารวมเป็นกองทัพกันทีหลัง
สำนักสวรรค์แบ่งระดับศิษย์ออกเป็นสี่ระดับ ซึ่งสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์คนไหนคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด มันจึงเป็นโอกาศดีที่หลิงฮันจะรับผู้ติดตามที่นี่