หลิงฮันไม่เก็บมาใส่ใจและขยับเปิดทางให้ แต่คนคนขับรถม้านั้นอวดดีเป็นอย่างมาก มันกวัดแกว่งแส้ในข้าใส่หลิงฮันอย่างหยิ่งยโสและองอาจ
เป็นแค่คนขับรถม้าแท้ๆ
ขนาดขี้ข้ายังอวดดีขนาดนี้ เจ้านายของมันคือใครกันแน่?
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน เขายกมือขวาขึ้นมาและชี้นิ้วไปด้านหน้า ปราณที่มองไม่เห็นพุ่งออกไปใส่แส้ในมือของคนขับรถม้าจนแส้ของมันหยุดเคลื่อนไหว
“ช่างกล้านัก!” สายตาของคนขับรถม้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาและพยายามฟาดแส้อีกครั้ง
“ยังคิดจะโจมตีข้าอีกครั้ง?” หลิงฮันยื่นมือออกไปคว้าแส้ของอีกฝ่ายและออกแรงดึงอย่างรุนแรง “อ้ากก” ทันใดนั้นคนรับรถม้าก็ถูกเขาดึงลงมาจากจากรถม้า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้แส้เฉียดไปโดนหมาป่าปฐพีที่ลากรถอยู่จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
รถม้าหยุดเคลื่อนที่ทันทีพร้อมกับร่างของคนขับรถม้าที่หล่นลงพื้นด้วยเสียงร้องโอดครวญ
“หม่าถง ทำไมจู่ๆรถม้าถึงหยุด?” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาจากรถม้าอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “หรือว่าจะถึงจุดหมายแล้ว?”
“เรียนนายน้อย มีคนเถื่อนจำนวนหนึ่งมาขวางทางรถม้าของเรา ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยพยายามไล่พวกเขาออกไปแล้ว แต่กลับเป็นฝ่ายโดนหนึ่งในคนเถื่อนเหล่านั้นทำร้าย” คนขับรถม้าพยายามฝืนลุกขึ้นยืน
“ฮึ่ม!” ประตูรถม้าเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างผอมที่เดินออกมา เขายังเยาว์วัยโดยดูมีอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีเท่านั้น ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ ดูแล้วทรงพลังเป็นอย่างมาก รุ่นเยาว์ผู้นี้กวาดสายตาผ่านกลุ่มของหลิงฮันสามคนอย่างยิ่งยโส จนสุดท้ายก็กลายเป็นอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม
“กลุ่มคนต่ำต้อยที่ไม่มีแม้แต่รถม้า แต่คิดจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของธิดาอีหยุน?” ชายหนุ่มกล่าว
“แล้วจะทำไม?” หลิงฮันตอบอย่างไม่แยแส
“มันจะเป็นความเสื่อมเสียสำหรับข้าอย่างมากหากปล่อยให้คนเช่นเจ้าเข้าร่วมงานเลี้ยง!” ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “แถมเจ้ายังทำร้ายคนขับรถของข้าอีก ถ้าข้าไม่สั่งสอนบทเรียนแก่เจ้า ข้าจะมีหน้าไปพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างไร?”
เห็นได้ชัดว่าเจ้านายยิ่งยโสยังไง ขี้ข้าก็เป็นอย่างนั้น
หลิงฮันยิ้มและหันไปมองจูเสวียนเอ๋อ “เมื่อพบเจอกับคนอวดดีเช่นนี้ เราสมควรจะทุบตีพวกมันรึไม่?”
“แน่นอน!” จูเสวียนเอ๋อยิ้มและพยักหน้า นางเชื่อมั่นในพลังของหลิงฮันอย่างสุดหัวใจ แม้จะต้องพบเจอกับตัวตนระดับทลายมิติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่รึไง? ยิ่งกว่านั้นแล้วหลิงฮันก็ยังมีพี่ใหญ่อย่างเฟิงผั่วหยุนที่เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ
“ฮ่าๆๆ ช่างน่าสนใจจริงๆ คนต่ำต้อยเช่นพวกเจ้าจะทำอะไรได้แค่ไหนกันเชียว?” ชายหนุ่มกระโดดลงมาจากรถม้า
“อย่าหาว่าข้ารังแกพวกเจ้าเลย แต่ชื่อของข้าคือซั่วเฉียวเล่อเฉิง” เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้าควรตามน้ำไปกับเจ้าโดยแสร้งทำเป็นหวาดกลัว?”
“อะไรกัน เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของนายน้อยผู้นี้?” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงมีท่าทีมึนงงพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล “ยกโทษให้ไม่ได้ เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของนายน้อยผู้นี้ได้อย่างไร?”
‘ตูม’ เขาปล่อยหมัดโจมตีใส่หลิงฮัน มือขวาของเขาส่องประกายระยิบระยับสีเงินราวกับแขนของเขาเป็นเหล็กกล้า ลายเส้นอักขระมากมายถูกควบแน่นและปลดปล่อยอำนาจที่นาสะพรึงกลัวอออกมา
ถ้าจะให้พูดแล้ว พลังต่อสู้ของชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับแนวหน้าของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน
แต่โชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือหลิงฮัน
หลิงฮันคว้าจับไปที่หน้าอกของซั่วเฉียวเล่อเฉิงอย่างไม่แยแสและดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามา สีหน้าของซั่วเฉียวเล่อเฉิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ อีกมือหนึ่งของหลิงฮันยกขึ้น ‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ และเกิดเสียงตบตีอย่างรุนแรง
“บัดซบ ลืมนายท่านผู้นี้ไปได้อย่างไร!” เจ้ากระต่ายส่งเสียงดังขึ้นมาจากด้านข้าง มันควงอุ้งเท้าหน้าเล็กๆของมันไปมาราวกับต้องการเข้าร่วมการทุบตีด้วย
“เอาเลย ทุบตีหมอนั่นให้ตายไปเลย!” ฮูหนิวเองก็ส่งเสียงเชียร์เช่นกัน
หลิงฮันทุบตีและโยนร่างที่สะบักสะบอมของซั่วเฉียวเล่อทิ้งไปด้านข้างและพูด “ที่หมอนี่พูดก็ถูก ถ้าพวกเราไปงานเลี้ยงด้วยรถม้า สถานะของพวกเราจะดูดีขึ้นทันที เอาล่ะทุกคน ขึ้นไปบนรถม้ากันได้แล้ว”
“เจ้า…” ซั่วเฉียวเล่อเฉิงพูดอย่างเกรี้ยวกราดในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย คนกลุ่มนี้คิดจะยึดรถม้าของเขาไป? พวกเจ้ารู้รึเปล่าว่ารถม้านี้คือสมบัติที่สืบทอดมาหลายพันปีของตระกูลข้า
ซั่วเฉียวเล่อเฉิงทั้งรู้สึกหวาดกลัวและสับสน หลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเหมือนเขาแท้ๆ แต่ทำไมพลังถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้?
หรือว่าหลิงฮันจะเป็นอัจฉริยะระดับหัวกะทิที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์โดยตรง?
แต่หากเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหลิงฮันมาก่อน!
ภายใต้ความสับสนและหวาดกลัว เขาลืมตกตะลึงไปเลยว่าตรงหน้ามีกระต่ายที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้
จูเสวียนเอ๋อและฮูหนิวเดินขึ้นไปบนรถม้าอย่างมีความสุข และในขณะที่เจ้ากระต่ายกำลังจะเดินขึ้นไป มันก็ถูกหลิงฮันโยนไปที่ด้านหน้ารถม้าจนร่างตกไปอยู่ที่บริเวณเท้าของหมาป่าปฐพี ทันใดนั้นหมาป่าปฐพีก็เริ่มส่งเสียงร้องโหยหวนและพยายามไล่กัดกระต่าย
“บัดซบ!” เจ้ากระต่ายออกตัววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
หมาป่าปฐพีวิ่งไล่ตามกระต่ายไป ทำให้รถม้าเริ่มขยับเคลื่อนไหวไปด้านหน้า
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
เห็นได้ชัดว่าเจ้ากระต่ายสามารถบดขยี้หมาป่าปฐพีที่มีพลังระดับบุปผาผลิบานขั้นต้นได้อย่างง่ายดาย หรือไม่ก็หากใช้อำนาจกดขี่นิดหน่อย มันก็จะสามารถควบคุมหมาป่าปฐพีได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เลือกที่จะวิ่งหนีเพื่อที่จะทำให้ฮูหนิวรู้สึกสนุก
หรือว่าเจ้ากระต่ายนี้จะรู้ถึงต้นกำเนิดของฮูหนิว?
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น กระต่ายจอมป่าเถื่อนตนนี้คงไม่ทำดีเช่นนี้กับฮูหนิวเป็นแน่ แม้จะถูกฮูหนิวกัด มันก็ทำเพียงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเท่านั้น มันไม่ได้พูดจาตอบโต้อะไร แถมตอนนี้มันก็ยังไม่ลังเลที่จะพยายามสร้างเสียงหัวเราะให้กับฮูหนิวอีก
ซั่วเฉียวเล่อเฉิงนั้นน่าอนาจเป็นอย่างยิ่ง เขาถูกตบตีโดยหลิงฮันซึ่งทำให้เสื้อของมันทั้งเปราะเปื้อนและขาดรุ่ยจนเขาต้องนำเสื้อผ้าชุดใหม่จากแหวนมิติออกมาเปลี่ยน
รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนอยู่ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่แล้ว ในขณะที่รถม้ามาถึงจุดหมาย หลิงฮันก็ใช้พลังปราณเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของหมาป่าปฐพี
“นายน้อยซั่วเฉียว… หืม!” ตรงประตูที่พักมีทหารยามที่แข็งแกร่งสี่คนและพ่อบ้านชราคอยยืนต้อนรับอยู่ เมื่อเห็นรถม้ากำลังเคลื่อนที่เข้ามาจอด พวกเขาจึงเดินมาต้อนรับและอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นกลุ่มของหลิงฮันสามคนเดินลงมา
ไม่ใช่ว่ารถม้านี้สมควรเป็นของตระกูลซั่วเฉียวหรอกรึ?