บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 413 มืออันดำมืดที่อยู่เบื้องหลัง

โม่โยวเอานิ้วแกะมือใหญ่ที่คว้าคอเธออยู่อย่างโรยแรง อากาศที่ลอดผ่านหลอดลมนั้นค่อยๆ ไหลผ่านช้าลงเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงทีละนิดๆ ทรมานอย่างที่สุด

“แค่ก แค่กแค่ก ปล่อยนะ……”

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้น รถยนต์สีดำคันหนึ่งก็พุ่งชนทะลุผ่านประตูเหล็กของคฤหาสน์ตระกูลโม่เข้ามา

เสียงชมโครมที่ดังกึกก้องตามขึ้นมา ประตูเหล็กถูกชนจนเปิดออก การมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ทำให้บรรดาคนใช้ที่กำลังทำงานอยู่บริเวณด้านนอกตกใจจนส่งเสียงแหลมกรีดร้องไม่หยุด

โม่เทียนยวี๋ที่อยู่ชั้นสองเองก็ตกใจเช่นกัน เพียงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ตอนที่ร่างของลู่จิ้นยวนก้าวลงมาจากรถนั้น นัยน์ตาของโม่เทียนยวี๋สั่นคลอน ตัวเขาไม่รับรู้ถึงความหวาดผวาเลย แรงที่อยู่ในมือก็คลายออกลงในทันที

อากาศสดชื่นไหลลงสู่ปอดอีกครั้ง โม่โยวผลักตัวโม่เทียนยวี๋ออกไป เนื่องด้วยแรงฝืนของตนเองทำให้ร่างทั้งร่างร่วงลงไปจากหน้าต่าง

“อ๊าา……..”

ลู่จิ้นยวนลงมาจากรถก็เห็นฉากที่อยู่ตรงหน้าพอดี นัยน์ตาของเขาหดเล็กลง หัวใจกระตุกวูบราวกับหยุดทำงาน สมองยังคงไม่กลับมาตอบสนอง แต่ร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวในทันที รีบพุ่งเข้าไปหาโดยพลัน

เคราะห์ดีที่หน้าต่างจากชั้นสองนั้นอยู่ไม่ห่างจากสวนที่อยู่ด้านล่าง ลู่จิ้นยวนพุ่งเข้าไปช้อนตัวของโม่โยวได้อย่างทันท่วงที อาศัยแรงช่วยแล้วกลิ้งลงไปบนสนามหญ้า

โม่โยวได้หมดสติลงไปแล้ว ลู่จิ้นยวนมองดูใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเปื้อนของเลือด จึงรีบถอดเสื้อนอกของตัวเองคลุมร่างของเธอเอาไว้ ในดวงตาปรากฏแววแห่งความเจ็บปวดออกมา

เขาเงยหน้าขึ้นมา ประจวบเหมาะพอดีกับโม่เทียนยวี๋ที่อยู่ชั้นและกำลังสองมองลงมาที่ข้างล่างนี้ โดยเขาพลันก้าวถอยหลังไปอย่างลุกลี้ลุกลน รีบเปิดประตูออกไปในทันที

ลู่จิ้นยวนตอนนี้มีแต่ความคิดที่อยากจะฆ่าโม่เทียนยวี๋ให้ตายเพื่อระบายความโกรธ แต่นั่นมันจะถือว่าเมตตาเขาจนเกินไป อีกทั้งตอนนี้เขาเป็นกังวลกับสถานการณ์ของโม่โยวเสียมากกว่า หันไปมองอันเฉินหนึ่งที แล้วก็อุ้มโม่โยวขึ้นรถแล้วจากไป

อันเฉินออกคำสั่งกับบรรดาลูกน้อง ให้ทำให้โม่เทียนยวี๋สลบแล้วพากลับไปด้วย แล้วจึงออกไปจากที่นั่นตาม

คฤหาสน์ตระกูลลู่

โม่โยวนอนไม่ได้สติยู่บนเตียง

“คุณลู่ ผู้ป่วยมีบาดแผลภายนอกเพียงหนึ่งแห่ง ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วครับ บนร่างกายไม่มีบาดแผลอื่นๆ ที่ร้ายแรง ที่สลบไปในตอนนี้อาจเนื่องด้วยอาการตกใจขีดสุด รอให้เธอฟื้นขึ้นแล้วทำการดูแลไม่กี่วันก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ”

หลังจากที่อันเฉินส่งคุณหมอกลับไป แล้วกลับมาที่ห้องอีกครั้งก็พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “บอสครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องรายงานให้ท่านทราบครับ”

ลู่จิ้นยวนหันมามองเขาหนึ่งที รู้ว่าในช่วงเวลาแบบนี้ถ้าหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อันเฉินไม่มีทางมาคุยกับเขาเด็ดขาด พลันมองไปที่โม่โยว ห่มผ้าห่มให้เธอดีๆ แล้วจึงเดินออกไป

“เรื่องอะไร”

อันเฉินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “รถคันนั้นที่เราไล่ตาม ผู้ชายสองรายได้เสียชีวิตลงแล้วครับ ส่วนโม่เทียนยวี๋ก็เสียสติไปแล้ว”

สีหน้าของเขาขรึมลงมาในทันที คิ้วขมวดยุ่งแล้วมองไปที่อันเฉินอ“เกิดอะไรขึ้น”

“ผมให้คนไปดูแล้ว ผู้ชายสองรายนั้นใช้สารพิษชนิดหนึ่ง จากการวิเคราะห์ สารพิษจะออกฤทธิ์หลังจากผ่านไปสิบสองชั่วโมง หรือพูดได้ว่า ในช่วงเวลาสิบสองช่วงโมงก่อนหน้า ทั้งสองคนก็ได้มีการใช้สารพิษไปแล้วครับ”

“สองคนนั้นน่าจะไม่ทราบว่าในร่างกายของตนเองมีสารพิษชนิดนี้อยู่”

“สถานการณ์ทางด้านของโม่เทียนยวี๋เองก็เหมือนกันครับ สิ่งที่เป็นสาเหตุการเสียสติของเขา ก็เป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่จะทำลายระบบประสาทซึ่งเราได้พบในร่างกายของเขาครับ โดยออกฤทธิ์หลังจากผ่านมาแล้วสิบสองชั่วโมง”

สีหน้าของลู่จิ้นยวนไม่สู้ดีเลย ไม่ว่าจะเป็นที่โม่เทียนยวี๋เสียสติแล้ว หรือว่าที่ทั้งสองคนนั้นเสียชีวิตไป ล้วนต่างก็เป็นปัญหาเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังมีเรื่องมืออันดำมืดที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้อีก

แน่นอนว่า เรื่องนี้เขาได้ทำการตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่า ไม่เคยตรวจพบอะไรเลย

เมื่อดูตอนนี้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่โยว คงจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคาดเอาไว้ ความรู้สึกแย่ที่ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมนั้น ลู่จิ้นยวนไม่ได้สัมผัสมันมานานมากแล้ว

………

โม่โยวหมดสติไป ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาในวันที่สอง แต่ว่า ผ่านไปแล้วกว่าสองวัน โม่โยวกลับยังไม่ฟื้นขึ้นมา

ลู่จิ้นยวนเรียกแพทย์หลายท่านให้เข้ามาตรวจ แพทย์ทุกท่านต่างให้ผลการวิเคราะห์ไม่ต่างกันมากนัก สภาพร่างกายของโม่โยวปกติดี สถานการณ์ตอนนี้ของเธอก็เหมือนกับว่าหลับไปเฉยๆ เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจึงหลับไปนานไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ในตอนนี้พวกเขาก็ยังคงหาสาเหตุไม่พบ

เนื่องด้วยเหตุนี้ อารมณ์ของลู่จิ้นยวนในช่วงเวลานี้จึงหงุดหงิดงุ่นง่านมาก

เวลาค่อยๆ ผ่านไปแต่ละวัน โม่โยวได้นอนทอดกายอยู่บนเตียงมาแล้วถึงหกวัน เธอหายใจยาวสม่ำเสมอ ใบหน้ามีเลือดฝาด บาดแผลตามร่างกายก็รักษาจนหายดีแล้ว

ถ้าหากไม่ทราบว่าเธอได้นอนมาหลายวันแล้ว ใครต่างก็ต้องคิดว่าเธอนอนหลับอยู่เฉยๆ เท่านั้นเอง

เมื่อมาถึงวันที่ 7 เปลือกตาของโม่โยวก็ค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ

ในห้องไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว โม่โยวกระพริบตาอยู่หลายที ดวงตาทั้งสองข้างดูเลือนลางราวกับขึ้นไปอยู่บนชั้นของหมอกเมฆ มองเห็นอะไรไม่ชัดเลย

เธอยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน สายตาจับจ้องไปที่เพดานห้องโดยไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ โม่โยวไม่รู้ว่าตนได้สลบไปหลายวันแล้ว แต่การลืมตาขึ้นมาในครั้งนี้ ให้ความรู้สึกราวกับเวลาได้ผ่านไปนานนับทศวรรษแล้ว

เพราะว่า…….ความทรงจำที่หายไปของเธอนั้น ได้กลับคืนมาจนหมดแล้ว

เรื่องราวในอดีตเธอนึกมันออกขึ้นมาแล้ว และเรื่องราวห้าปีทั้งหมดที่ผ่านมานี้เธอก็ไม่ได้ลืมมันไป

เธอนอนอยู่แบบนี้บนเตียง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นมาเบาๆ ลู่จิ้นยวนเห็นว่าเธอลืมตาอยู่ ก็ดีใจจนแทบบ้า พุ่งปรี่เข้ามาหาในทันที

“โม่โยว ในที่สุดเธอก็ตื่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนไหม”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น นัยน์ตาของโม่โยวสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เธอไม่รู้ว่าตนควรพูดอะไรออกไปดี เป็นชั่วขณะที่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับลู่จิ้นยวน จึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงไม่มองหน้า

แต่ท่าทางดังกล่าวของโม่โยว กลับทำให้ลู่จิ้นยวนตกใจขวัญผวา นึกว่าเธอไม่สบายตัวตรงไหน เตรียมจะเรียกให้หมอเข้ามา โม่โยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจึงเอ่ยปากออกห้ามเขาเอาไว้

“ไม่ต้อง” น้ำเสียงแหบพร่า

ลู่จิ้นยวนถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเล็กน้อย แล้วจึงรีบหยิบน้ำอุ่นที่เตรียมเอาไว้แล้วที่อยู่ด้านข้าง ขณะที่กำลังจะป้อนให้ ก็ถูกโม่โยวยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน

เธอใช้แรงเอามือยันกายคิดที่ลุกขึ้นนั่ง เนื่องจากว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ไม่ได้ทานอาหารเลย ล้วนแล้วแต่เป็นการให้สารอาหารของเหลวที่จำเป็นต่อร่างกายเข้าไปเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีแรง

ลู่จิ้นยวนคิดที่อยากจะช่วยพยุงเธอ แต่โม่โยวก็ปฏิเสธออกมาอีกครั้ง อารมณ์ของเธอดูหนักแน่นเอามากๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ท่าทางของโม่โยวโดยรวมแล้วดูแปลกอยู่เล็กน้อย แต่ชั่วขณะนั้นเขาก็สรุปว่าเป็นผลเนื่องจากที่เธอพึ่งฟื้นคืนสติ หรือไม่ก็อาจจะตกใจจากเหตุการณ์ที่โม่เทียนยวี๋ทำลงไป จึงยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

ลู่จิ้นยวนสั่งให้ผู้ดูแลนำเอาโจ๊กและอาหารจานเบาไม่กี่อย่างเข้ามา โม่โยวไม่ปฏิเสธ แต่เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ให้เขาออกไปเสีย

เขาไม่กล้ายั่วอารมณ์เธอ จึงตอบตกลงไปโดยดี

ห้องทั้งห้องเงียบสงบลงอีกครั้ง โม่โยวมองดูห้องที่ว่างเปล่า แล้วหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย กินโจ๊กลงไปเงียบๆ ไม่อาจทราบได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ตกบ่าย เธอฟื้นคืนแรงขึ้นมาแล้วส่วนหนึ่ง จึงอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาที่ชั้นล่าง ลู่อันหรานวิ่งอย่างดีอกดีใจเข้ามาหา

“แม่”

ตั้งแต่ที่เธอฟื้นขึ้นมา บนใบหน้าก็ไม่ได้มีการแสดงสีหน้าอะไรออกมามากนัก แต่ในที่สุดก็ได้ยิ้มออกมาแล้ว เธอนั่งลงบนโซฟา แล้วกอดร่างน้อยของลู่อันหรานอย่างแนบแน่น

เจ้าตัวน้อยสงสัย “คุณแม่?”

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าไม่ได้เจออันหรานมานานมากแล้ว แม่คิดถึงหนูนะ” โม่โยวยิ้มออกมา

ลู่อันหรานไม่ได้คิดอะไรมาก ทำปากยื่นออกมา โม่โยวสลบไปตั้งหลายวันจึงถือได้ว่าเป็นเวลานานเช่นกัน

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset