จอมยุทธคนนั้นเดินโซเซและวิ่งออกจากโรงแรมด้วยความตื่นตระหนก เขาขึ้นรถและรีบโทรหาใครบางคน
เบอร์นี้เป็นเบอร์ของเสียวหยู่เชี้ยน
ตอนนั้นเสียวหยู่เชี้ยนกำลังอยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลซู ในงานมีโต๊ะใหญ่ 8 โต๊ะ คุณปู่ซูนั่งอยู่ด้านหน้าสุด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซูฉีไห่ขมวดคิ้วทันที
เสียวหยู่เชี้ยนหน้าเจื่อนๆ และรีบทำให้โทรศัพท์ให้เงียบ
“นี่มันงานอะไร ไม่รู้เหรอไง” ซูฉีไห่พูดอย่างเย็นชา
เสียวหยู่เชี้ยนตอบ “ต่อไปจะไม่ให้มีอีกแล้ว…”
เธอเหลือบมองสายที่โทรเข้า จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กระซิบบอกซูฉีไห่
หลังจากที่ซูฉีไห่ได้ยิน ดวงตาของเขาหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว
“ไปรับที่ห้องน้ำ” ซูฉีไห่กล่าว
“ค่ะ” เสียวหยู่เชี้ยนรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
ทันทีที่โทรติด เสียวหยู่เชี้ยนถามอย่างกังวล: “เสร็จเรื่องแล้วเหรอ?”
จอมยุทธคนนั้นก็ตัวสั่นและพูดว่า “ล้ม…ล้มเหลว! คุณซู พี่น้องของเราทั้งหมดสิบเอ็ดคนตายแล้ว! เจ้าสำนักไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวพวกเรา . . ”
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนเปลี่ยนไป และเธอก็ขมวดคิ้ว “พวกนายเป็นถึงจอมยุทธระดับเจ็ด แต่ไม่สามารถสังหารเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถได้ เสียแรง เสียงแรงจริงๆ!”
จอมยุุทธผู้นั้นพูดว่า “นายหญิง ตอนนี้ฉันก็เหมือนคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลซูของของคุณ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของฉัน … ”
“รับผิดชอบ?” เสียวหยู่เชี้ยนเยาะเย้ย “งานก็ทำไม่สำเร็จ ยังจะกล้ามาทวงเงิน? ฝันไปเถอะ ”
เมื่อจอมยุทธได้ยินดังนั้น เขาก็ตะโกนกลับไป “เพราะตระกูลซู พี่น้อง11คนของฉันเลยต้องมาตาย ตอนนี้พวกคุณกำลังจะพลิกลิ้นเสียวหยู่เชี้ยน ฉันบอกคุณนะ ถ้าฉันไม่ได้เงิน ฉันจะกระจายข่าวเกี่ยวกับการลอบสังหารเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถให้หมด ไม่เชื่อก็ลองดู!”
ใบหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนเย็นชาอย่างมาก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “งั้นไปรอที่สนามบินปีนัง ฉันจะเอากรีนการ์ดกับบัตรธนาคารไปให้ จำไว้ ซ่อนตัวเองให้ดีอย่าให้ใครเห็น”
“โอเค!” เมื่อจอมยุทธได้ยินดังนั้นจึงตอบรับ
เสียวหยู่เชี้ยนไม่พูดอะไร หลังจากวางสาย เธอก็โทรไปหาอีกคนหนึ่ง
เธอโทรไปหาคนของตระกูลซูอีกคน ซึงปกติเสียวหยู่เชี้ยนไม่ค่อยโทรหาเขา
หลังจากโทรติด เสียวหยู่เชี้ยนก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณกู้ ถึงเวลาที่้ต้องตอบแทนแล้ว ไปที่ปีนัง และช่วยฉันฆ่าใครซักคน”
“ได้” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากอีกฝั่ง
เสียวหยู่เชี้ยนเป็นผู้หญิงที่พิษสงร้ายกาจที่รู้จักกันดีในจิงตู เป็นไม่ไม่ได้ ถ้าทำงานไม่สำเร็จแล้วจะมารับเงินจากเธอไป
…
ที่โรงแรม ฉินเฉิงยืนอยู่ข้างเจ้าสำนัก
“ท่านเจ้าสำนัก ไม่ฆ่าเขาเพระาอยากเตือนคนที่อยู่เบื่้องหลังเหรอ?” ฉินเฉิงถาม
เจ้าสำนักพูดเบา ๆ “เขาคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อหรอก”
“ไม่มีชีวิตรอด?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
นอกจากเข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักถึงยอมปล่อยเขาไป ฉินเฉิงยังเข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักยังคงมีท่าทีที่สงบอยู่
เนื่องจากทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม คจึงสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องตื่นตระหนก
ที่สนามบินปีนัง จอมยุทธสวมหมวกสีน้ำตาล รอเสียวหยู่เชี้ยนนำเงินมาให้
สองชั่วโมงต่อมา ชายร่างสูงที่มีผมสีดำแกมหงอกก็เดินเข้ามาหาเขา
คนนี้คือคุณกู้
ไม่กี่นาทีต่อมา จอมยุทธผู้นั้นก็กลายเป็นศพอยู่ที่สนามบินปีนัง
….
ตอนค่ำ เจ้าสำนักกับฉินเฉิงขับรถไปที่โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเวลานี้เป็นช่วงไร้ผู้คน
“คุณฉิน” หลังจากเห็นฉินเฉิง เหล่าลูกน้องจินฮู่ก็รีบตะโกนเรียก
ฉินเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “สองสามวันนี้ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม”
“เรียนคุณฉิน เมื่อวานมีมีคนมาหาพี่ฮู่ แต่พวกเราก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ” ชายผมสั้นคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบ
ฉินเฉิงตอบรับไป เขาเชื่อว่าจินฮู่สามารถจัดการกับมันได้ดี
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็เปิดประตูของห้องแล้วกล่าวเชิญท่านเจ้าสำนัก “เชิญท่านเจ้าสำนัก”
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
“คนสวยนี่ใครกัน ดูมีออร่ามากๆ”
“ไม่รู้สิ น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต ไม่เห็นเหรอ คุณฉินยังดูเคารพเธอมากด้วย”
“หุบปากซะ มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาพูดกัน”
เจ้าสำนักนั่งข้างจินฮู่ เธอยกมือขึ้นและวางตรงกระดูกสันหลังของจินฮู่
พลังสีฟ้าอ่อนค่อยๆไหลออกมาจากมือของเธอ จากนั้นจึงไหลเข้าสู่ร่างกายของจินฮู่
กระดูกสันหลังของจินฮู่กำลังสร้างขึ้นใหม่ และเส้นประสาทที่แตกสลายกำลังเชื่อมต่อกันใหม่
เทคนิคนี้ซับซ้อนมาก เนื่องจากกระดูกสันหลังมีเส้นประสาทเยอะมากและความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดอันตรายได้
วิธีการของฉินเฉิง เขาสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ด้วยเทคนิคที่ง่ายๆ แต่เจ้าสำนักมีความละเอียดเหมือนกับศัลยแพทย์
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าสำนักก็ค่อยๆ เอามือออก
เธอกวักมือเรียก นักกลั่นยาหยิบยาออกมาอย่างรวดเร็ว และวางลงบนมือของเจ้าสำนัก
“หลังจากที่เขาตื่นแล้ว ป้อนยานี้ให้เขา” เจ้าสำนักพูดเบาๆ
ฉินเฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เสร็จแล้วเหรอ ท่านเจ้าสำนัก?”
นักกลั่นยาที่อยู่ข้างๆเขาและยิ้มเบา ๆ “ผู้อาวุโสฉิน ไม่รู้เหรอเจ้าสำนักนักถูกขนานนามเลยนะว่ามือวิเศษ”
เจ้าสำนักเหลือบมองมาที่เขา เขาจึงเงียบลง
“ขอบคุณ ท่านเจ้าสำนัก!” ฉินเฉิงกล่าวพร้อมยกมือประสาน
เจ้าสำนักลุกขึ้น เธอมองฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นว่า “อีกไม่กี่วันฉันจะเขาของบางอย่างให้นาย จำไว้ว่าต้องเก็บมันไว้ให้ดี ”
“หา? มันคืออะไร?” ฉินเฉิงถาม
“นายจะรู้เมื่อถึงเวลา” น้ำเสียงของเจ้าสำนักดูผ่อนคลาย “ฉันไปละ”
“หา จะไปแล้วเหรอ ฉันไปส่ง” ฉินเฉิงรีบลุกขึ้นแล้วพูด
“ไม่ต้องหรอก” เจ้าสำนักเดินออกไปพร้อมนักกลั่นยา
เมื่อเธอเดินไปถึงประตู เจ้าสำนักวังก็หยุดกะทันหัน
เธอหันหลังแล้วพูดกับฉินเฉิงว่า: “ห้ามตาย และอย่าทำให้ตำหนักเทพโอสถต้องขายหน้าหล่ะ”
ฉินเฉิงตกใจ เขาลุกขึ้นและโค้งคำนับเจ้าสำนัก “วางใจเถิดท่านเจ้าสำนัก ฉันต้องจัดการซูหยู่ให้ได้”
เจ้าสำนักไม่พูดอะไรมาก เธอเดินออกจากห้องเบาๆ
ในขณะนี้ จินฮู่ก็ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง พร้อมส่งเสียงร้องแปลกๆออกมา