ขณะที่การผ่าตัดของถังหนิงกำลังอยู่ระหว่างการวางแผน โม่ถิงมีเวลาได้ปรึกษาเรื่องทางเลือกในการผ่าตัดของถังหนิงกับหมอด้วยตัวเอง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะบอกให้เพื่อนสนิทมาอยู่เป็นเพื่อนถังหนิงในเวลาอย่างนี้
วงการบันเทิงเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาและยังมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ชื่อถังหนิงจึงเริ่มถูกพูดถึงน้อยลง
หลงเจี่ยที่ยังทำงานในวงการบันเทิงก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดกันว่าไม่มีใครสนใจถังหนิงแล้ว ต่อให้จะรู้ว่าถังหนิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ก็ตาม
“คุณไม่รู้หรอกว่าธาตุแท้ของคนเป็นยังไง พอเขาเห็นคุณประกาศลาวงการ หลินเหว่ยเซินก็พาภรรยาของเขาไปเซ็นสัญญากับสังกัดใหม่ทันทีเลยล่ะค่ะ”
“ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“มันไม่ได้เห็นกันชัดๆ ว่าเขาเหยียบย่ำคุณตอนที่ตกต่ำเหรอคะ ยังไงเขาก็ฝากฝังให้คุณดูแลภรรยาของเขาต่อหน้าแขกทุกคนในงานแต่งงานของเขา การกระทำของเขามันก็ทำให้ทุกคนเห็นว่าคุณเป็นแค่อดีตใช่ไหมล่ะค่ะ”
“ฉันแค่หายออกมาไม่นานเธอก็เป็นอย่างนี้ซะแล้ว ถ้าฉันหายไปเลยจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย” ถังหนิงส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา “หลงเจี่ย ฉันรู้ว่าเธอทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อฉันมาตลอด แต่การถอนตัวออกจากวงการเป็นการตัดสินใจของฉันเอง ฉันเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้มาแล้ว ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรตามมา”
“ฉันเองก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก อีกอย่างจะมีสักกี่คนในวงการที่อยู่รอดเป็นสิบปีและยังโด่งดังเหมือนต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดไปกัน”
หลงเจี่ยเข้าใจในเหตุผลนี้…แต่เมื่อขาดถังหนิงไปเธอกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
“เดี๋ยวฉันก็จะกลับไปอยู่ดี… อย่ามองฉันด้วยสีหน้าหดหู่อย่างนั้นสิ”
“ว่าแต่หลังจากผ่านไปหนึ่งถึงสองปีคุณจะยังกลับมาได้อยู่เหรอคะ”
ถังหนิงจะกลับเข้าวงการเหมือนอย่างคราวที่เธอถูกหันอวี้ฝานหักหลังอย่างนั้นหรือ
หากแต่ตอนนั้นถังหนิงอายุยี่สิบหกและตอนนี้…
“ฉันก็ต้องมีแผนของฉันอยู่แล้วสิ”
หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชน สุดท้ายเธอจะข้ามผ่านไปไม่ได้หรืออย่างไร
อีกทั้งเธอยังทำใจกับการเสียชีวิตของซย่าหันโม่ไม่ได้จึงต้องการเวลาอีกสักพัก
“ไม่ว่าคนอื่นๆ จะลืมฉันไปขนาดไหน เธอก็อย่าลืมว่าผู้จัดการของฉันคือใคร ถ้าเธอไม่เชื่อในตัวฉัน เธอก็ไม่เชื่อในตัวเขาด้วยเหรอ”
เมื่อถังหนิงว่าเช่นนั้น หลงเจี่ยก็นึกถึงโม่ถิงได้ในที่สุด “มีเอเจนซี่ก่อตั้งขึ้นใหม่เยอะเลยค่ะ ส่วนใหญ่พวกเขาก็เอาวิธีของคุณไปปรับใช้กันทั้งนั้น มีที่หนึ่งที่ฉลาดเอาไปใช้กับธุรกิจของเขาและยังใช้ชื่อของคุณสร้างกระแสด้วยค่ะ”
“โอเค พอแล้วล่ะ ฉันเองก็ไม่ค่อยได้เจอเธอ ฉะนั้นก็เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ” ถังหนิงตัดบท “อีกสองวันฉันจะผ่าคลอดแล้ว ฉันอยากจะต้อนรับลูกสาวฉันด้วยสภาพร่างกายที่ดีที่สุดน่ะ”
“อ้อ ใช่ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องอื่นอีก แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกให้คุณรู้เอาไว้ว่ามีนักวาดการ์ตูนเพิ่งจะเข้าร่วมสังกัดจู้ซิงมีเดียเมื่อเร็วๆ นี้นะคะ เขาชื่อหันซิวเช่อค่ะ เป็นคนที่น่าสนใจดีนะคะ จริงๆ แล้วเขาเชี่ยวชาญเรื่องหนังไซไฟด้วยแหละค่ะ คุณอยากให้ฉันแนะนำเขาให้คุณไหมคะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะช่วยคุณได้นะ”
ถังหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ไว้คุยกันหลังจากผ่าตัดเถอะ”
“โอเคค่ะ”
หลงเจี่ยไม่รู้ตัวว่าเธอได้ปล่อยให้หมาป่าเข้ามาในบ้านเสียแล้ว
โชคดีที่ถังหนิงยังไม่ได้ตกลงพบกับชายคนนั้นเพราะการตั้งครรภ์ของเธอยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อีกทั้งเธอไม่ได้ต้องการนักวาดการ์ตูนเพราะตัดสินใจจะใช้ความคิดของเฉียวเซินเพื่อสานฝันของเขา
…
หลังจากหลงเจี่ยจากไป โม่ถิงก็กลับมาที่ห้องและบอกว่าการผ่าตัดจะมีขึ้นในอีกสองวัน ทว่าดูเหมือนว่าถังหนิงจะใจลอยไปที่อื่นเขาจึงเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอครับ”
“หลงเจี่ยมาบ่นสารพัดเรื่องในวงการแล้วก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ให้ฟังน่ะค่ะ ฉันยังไม่ทันได้คิดเรื่องพวกนี้ไว้เลย”
“ดูเหมือนว่าผมคงต้องจำกัดการมาเยี่ยมของเธอซะแล้ว” โม่ถิงตอบ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องที่เธอเล่าก็สนุกแล้วก็น่าสนใจดี ฉันรู้เรื่องใครถูกโกงและใครหนีไปเมืองไทยกับใครหมดเลย จริงๆ แล้วมันก็ฆ่าเวลาได้ดีนะคะ” ความจริงแล้วถังหนิงไม่ได้ต้องการตัดขาดกับวงการ
อย่างที่หลงเจี่ยว่าไว้ การลาวงการเป็นเรื่องง่ายหากแต่การกลับมานั้นคืออุปสรรคที่แท้จริง
หลังได้ฟังคำตอบของถังหนิง โม่ถิงนั่งลงพลางกุมมือเธอไว้ “ผมรู้สึกมาตลอดว่าคุณต้องทรมานและเสียสละมามากเพราะแต่งงานกับผม…”
“เราแต่งงานกันมาหลายปีแล้วนะคะ ทำไมคุณถึงยังพูดอะไรอย่างนั้นอยู่ล่ะ” ถังหนิงถาม “ถ้าคนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วต้องขัดแย้งกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไปได้ยังไงล่ะค่ะ”
โม่ถิงถอนหายใจก่อนลูบศีรษะเธอ “ลูกสาวของเราคลอดออกมาเมื่อไร ผมจะดูแลเธอเองครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องทิ้งอะไรไปอีกแล้ว”
“แต่ฉันอายุเกือบจะสามสิบแล้วนะคะ…อีกอย่างคุณก็สำคัญกับฉันที่สุดค่ะ”
โม่ถิงนิ่งเงียบ เขาเพียงแค่หวังให้เวลาผ่านพ้นไปให้เร็วกว่านี้ ด้วยต้องการให้ลูกๆ เติบโตด้วยตัวเองได้โดยที่ถังหนิงจะไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกเขาอีก ในขณะเดียวกันเขาก็ยังปรารถนาให้เวลาเดินช้าลงเพื่อให้ได้ใช้เวลากับผู้หญิงที่เขารักให้นานกว่านี้ นี่เป็นหนึ่งในความย้อนแย้งของชีวิต
“ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือโลกจะเป็นยังไง ตราบใดที่ยังมีสิ่งที่คุณต้องการและเต็มใจจะทำมัน ผมจะช่วยให้คุณทำให้สำเร็จครับ”
ถังหนิงระบายยิ้มและพยักหน้ารับ
แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าโม่ถิงพูดเรื่องนี้ด้วยความจริงจังแค่ไหน
ทั้งยังไม่รู้ว่าภาพที่สื่อจะได้เห็นหลังจากที่ลูกสาวของเธอเกิดมาจะเป็นภาพที่ประธานโม่อุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยไปทั่ว แน่นอนว่ามันคงจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“ทนไว้อีกสองวันนะครับ…ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งคุณและลูกสาวของเราจะต้องปลอดภัย”
ถังหนิงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะพบเจอกับอุปสรรคหลายครั้ง ทว่าทุกครั้งผลที่ออกมาก็ไม่ได้แย่นัก
หากแต่ในขณะที่ถังหนิงห่างหายไปจากวงการ ศิลปินหน้าใหม่บางคนได้ปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่ศัลยกรรมมาให้ดูคล้ายคลึงกับถังหนิง
เมื่อก่อนไม่ได้เคยมีมินิถังหนิงมาแล้วหรือ
และชะตากรรมของเธอก็ไม่ได้จบสวยนักไม่ใช่หรือ ทว่ามันคงไม่แย่เท่ากับศิลปินหน้าใหม่ในตอนนี้ เพราะหญิงสาวเหล่านี้ยินยอมทำทุกทางเพื่อชื่อเสียง
ระหว่างที่ถังหนิงกำลังรอทำคลอด เป็นอีกครั้งที่ถังอี้เฉินกลับไปโรงพยาบาลทหาร เดิมทีเธอตั้งใจว่าจะกลับไปเก็บของเงียบๆ หากแต่ต้องชะงักเพราะลู่กวงหลีที่อยู่ในห้องทำงานของเธอ
“ทำไมเธอต้องแอบเข้ามาขนาดนี้ด้วยล่ะ กลัวว่าจะเจอใครเข้าหรือยังไง”
ถังอี้เฉินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจพร้อมหันไปมองหน้าเขา “ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ”
“ตอนแรกฉันว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้เธอสักหน่อย ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ เธอจะลาออกไป…”
“คุณคิดจะทำเรื่องดีๆ อย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ” เธอส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่เชื่อเขา “อีกอย่างฉันก็ตัดสินใจลาออกแล้วด้วย คำพูดพวกนี้ไม่มีความหมายอะไรกับฉันหรอก คุณให้โอกาสนี้กับคนอื่นไปเถอะค่ะ”
น่าแปลกใจที่ลู่กวงหลีไม่ได้ขัดขวางอะไรเธอไว้
ทว่าเธอบังเอิญเจอกับลูกสาวผู้อำนวยการที่ทางออกโรงพยาบาล
“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ ฉันได้ยินว่าเธอกลับมาเลยมารอเธอที่นี่โดยเฉพาะ” อีกฝ่ายว่าขึ้น “ฉันทนไม่ได้ที่เธอออกไปแล้วแต่หมอลู่ก็ยังไม่ยอมให้ฉันมาแทนที่เธอ ฉันเลยถามว่าตัวเองสู้เธอไม่ได้ตรงไหน เธอเดาได้ไหมว่าเขาตอบว่าอะไร
“จริงๆ แล้วเขาบอกฉันว่าฉันไม่มีสิทธิ์ไปเทียบกับเธอหรอก! ” ลูกสาวผู้อำนวยการเอ่ยอย่างไม่พอใจขณะที่กอดอกไว้