“ดูเหมือนคุณจะยังปล่อยวางเรื่องนั้นไม่ได้นะครับ ทำไมต้องฝืนตัวเองให้ยอมแพ้กับการเป็นนักแสดงของตัวเองด้วยล่ะครับ” โม่ถิงเอ่ยพลางพลิกบทขึ้นมาอ่าน “ผมรู้ว่าคุณยังอยากแสดงอยู่”
“แต่ฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ในใจเอาไว้นะคะ ฉันอยากให้ซิงเยียนรับบทนี้ค่ะ” ถังหนิงตอบ “หนังไซไฟมีฉากต่อสู้เยอะ ฉันเลยคิดว่าความสามารถระดับเธอคงจะเหมาะมากกว่าฉันมากค่ะ”
“แต่ผมอยากเห็นการแสดงของคุณมากกว่านี้นี่ครับ” โม่ถิงว่าขึ้นด้วยท่าทีจริงจังพลางมองหน้าเธอ
“ต่อให้คุณต้องการอย่างนั้น ฉันก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” ถังหนิงพูดอย่างมีความหมายแฝง เธอก้มลงมองหน้าท้องของตัวเอง “ฉันอาจจะฝืนตัวเองได้ แต่เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องคงจะไม่ปล่อยให้ฉันทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“หือ” โม่ถิงถึงกับนิ่งอึ้งไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกมา
“ถึงจะยังยืนยันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนกับตอนที่ตั้งท้องเจ้าแสบทั้งสองคนเลยนะคะ อีกอย่างประจำเดือนของฉันก็ไม่ได้มาได้สองเดือนแล้วค่ะ” ถังหนิงระบายยิ้ม “ช่วงนี้ยุ่งๆ ฉันเลยกำลังหาโอกาสไปตรวจที่โรงพยาบาลอยู่น่ะค่ะ คุณโม่คะ คุณจะไปกับฉันไหม
“ฉันรู้ว่าคุณจริงจังกับการคุมกำเนิดเพราะไม่อยากให้ฉันต้องทรมานอีก แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลานี่คะ…”
โม่ถิงก้าวไปหาถังหนิงและช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาจากโซฟา ก่อนเดินตรงไปที่ระตูอย่างไม่ให้เสียเวลา “ไปกันเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“เฮ้ ถ้าเราไม่เตรียมตัวให้ดีก่อน เราอาจจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็ได้นะคะ” ถังหนิงบอกปัดพัลวัน
“ถ้าลูกสาวของผมอยากลืมตาออกมาดูโลก ทำไมเธอจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้ล่ะ ผมไม่สนใจหรอกครับ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าจะเป็นลูกสาวคะ” ถังหนิงถามพลางวาดแขนโอบรอบลำคอของเขา
“ผมรู้สึกได้ครับ” โม่ถิงตอบก่อนอุ้มเธอไปที่รถก่อนวางลงบนที่นั่งข้างคนขับ ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนสตาร์ตเครื่อง กลับโน้มตัวมาหาและกล่าวขอโทษ “ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้คุณต้องทรมานกับการตั้งท้องอีกแล้ว”
“แต่ฉันเต็มใจที่จะคลอดนางฟ้าตัวน้อยให้คุณอีกคนนะคะ” ถังหนิงสวนกลับ “เธอจะต้องเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ร่าเริงสดใสที่รู้ว่าจะสู้กับคุณด้วยความน่ารักของเธอได้ยังไง”
โม่ถิงยื่นมือแตะปอยผมของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนมอบจุมพิตลงบนหน้าผากหญิงสาว “ดูเหมือนคุณจะทำให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนะครับ ก่อนจะพบคุณ ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขได้ขนาดนี้ มีภรรยาที่ผมรักสุดหัวใจและลูกๆ ที่น่ารักสามคน”
“และตอนนี้คุณก็มีทั้งหมดแล้วค่ะ” ถังหนิงกุมมือของเขาไว้พลางเบียดแนบแก้มกับหลังมือของเขา “ไปกันเถอะค่ะ เราควรไปโรงพยาบาลกันได้แล้ว”
ช่วงหลายวันมานี้ถังหนิงยุ่งอยู่กับเรื่องของลัวเซิง หากเป็นในยามปกติเธอคงจะไปตรวจตั้งนานแล้ว ทว่าเพราะเรื่องของลัวเซิงยังไม่คลี่คลายจึงดูเหมือนเธอจะไม่อาจให้ความสนใจเรื่องนี้ได้นัก
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ระหว่างทางโม่ถิงโทรบอกให้ลู่เช่อเตรียมการเอาไว้ โรงพยาบาลในช่วงนี้จึงเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เช่อรอให้ทั้งคู่มาถึงอย่างไม่มั่นใจในสถานการณ์ ในขณะที่เขาเห็นโม่ถิงอุ้มถังหนิงเข้ามาในโรงพยาบาลก็เอ่ยถามทันที “เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงเหรอครับ”
โม่ถิงไม่ตอบคำถามของเขา ทำเพียงออกคำสั่ง “รออยู่ด้านนอก”
ถังหนิงเข้าไปในแผนกสูตินรีเวชและเข้ารับการตรวจสอบการตั้งครรภ์ ก่อนที่พวกเขาจะได้รับข่าวว่าถังหนิงตั้งท้องได้เจ็ดสัปดาห์แล้วและภาวะการตั้งครรภ์เป็นปกติดี
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เป็นพ่อแม่ แต่ความรู้สึกในครั้งนี้กลับแตกต่างไปจากตอนที่ถังหนิงตั้งท้องเจ้าแฝด
เพราะทั้งถังหนิงและโม่ถิงต่างสัมผัสได้ว่าลูกของพวกเขาจะต้องเป็นผู้หญิง
เพียงแค่นึกถึงสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่คลานไปมาบนตักของเขาก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของโม่ถิงดูอ่อนโยนลง ในขณะเดียวกันถังหนิงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะได้ศัตรูหัวใจคนใหม่พร้อมๆ กับผู้ช่วยตัวน้อยมาในเวลาเดียวกัน “ตอนยังเด็ก ชีวิตฉันค่อนข้างลำบาก ไม่ได้รับความรักมากนัก จากนี้ไปฉันจะอาบน้ำให้ลูกสาวของฉันด้วยความรัก…
“ฉันช่วยเธอมัดผม และเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักให้เธอได้ แต่ฉันจะไม่ยกคุณให้เธอเด็ดขาดค่ะ”
โม่ถิงกอดถังหนิงแน่นก่อนที่ความเงียบจะโรยตัวรอบกายคู่รักอยู่ครู่ใหญ่
“คุณจะไม่ขัดขวางความคิดของฉันที่จะทำให้ซิงเยียนรับบทแสดงนำอีกใช่ไหมคะ” ถังหนิงหุบยิ้มลง
ภาพยนตร์เรื่องใหม่ชื่อ ดินแดนชำระบาป ภาพยนตร์ไซไฟทุ่มทุนสร้างที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่หลากหลายและตื่นตาตื่นใจ ด้วยสถานการณ์ของถังหนิงในตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่หนักเกินไปสำหรับเธอ
โดยเฉพาะนักแสดงนำหญิงที่ต้องเป็นตัวเอกไปตลอดทั้งเรื่อง
“อย่าฝืนตัวเองมากกเกินไปเลยครับ”
“เก็บเรื่องที่ฉันท้องเอาไว้ให้เงียบๆ นะคะ ตอนนี้อย่าบอกใครเรื่องนี้ ฉันไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่”
“ตามคำบัญชาเลยครับ” โม่ถิงว่าอย่างนอบน้อมพร้อมพยักหน้ารับ
หลังจากทั้งคู่ทำธุระที่โรงพยาบาลเสร็จ โม่ถิงอุ้มถังหนิงออกมา อย่างไรก็ตามเขาเองไม่ได้อธิบายอะไรกับลู่เช่อ แน่นอนว่าลู่เช่อไม่ได้โง่ เขาพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่เขาทราบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของโม่ถิงจึงรู้ว่าไม่อาจเอาเรื่องนี้ไปพูดไปทั่วได้
หลังจากกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงวางถังหนิงลงบนเตียงและบีบนวดตัวเธอด้วยมืออุ่นๆ ของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใดเพราะใจของเขาได้ลอยไปถึงไหนต่อไหนเสียแล้ว
“ผมบอกคุณไม่ได้หรอกว่าผมรักคุณขนาดไหน สิ่งที่ผมพูดได้คือผมจะเป็นพ่อที่ดีของเจ้าตัวแสบทั้งสามคน”
“ฉันรู้ค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า “ฉันรู้ว่าความรักที่คุณมีให้ฉันมันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน”
การรักใครสักคนอย่างสุดหัวใจ หมายถึงการเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันในทุกการกระทำและไม่นึกถึงเพียงแค่ตัวเอง
“ถิงคะ…ฉันกำลังจะกลายเป็นแม่อีกแล้วนะคะ”
…
เพราะถังหนิงตั้งท้อง โม่ถิงจึงทำตามคำของถังหนิงอย่างว่าง่ายและส่งต่อบทให้กับเฉินซิงเยียน จากนั้นจึงไปพบกับอันจื่อเฮ่าและอธิบายคร่าวๆ ถึงสิ่งที่ถังหนิงกำลังทำอยู่
อันจื่อเฮ่าชะงักไปกับข่าวที่ได้รับ เขารู้ว่าถังหนิงเชิญเฉียวเซินกลับมาที่ปักกิ่ง แต่ไม่รู้ว่าเธอกำลังวางแผนสร้างภาพยนตร์ไซไฟคุณภาพคับจอระดับประเทศ
ทุกคนต่างรู้ว่ามันยากมากเพียงไหน
อันจื่อเฮ่ายังรู้ว่ากระบวนการหลังการถ่ายทำจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมาก
“โอเคครับ ผมจะพาซิงเยียนมาพบเฉียวเซินเมื่อถึงเวลาแล้วกันนะครับ”
อันที่จริงแล้ว อันจื่อเฮ่าไม่ได้มั่นใจเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์เช่นนี้ ถึงอย่างไรเฉินซิงเยียนก็ไม่โด่งดังเป็นพลุแตก แต่ชื่อเสียงเธอพอจะเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร จะเป็นอย่างไรหากการร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้จะเปลี่ยนมุมมองที่คนอื่นมีต่อเธอได้…
แม้การสร้างภาพยนตร์ไซไฟคุณภาพสูงจะดูเหมือนไม่ง่ายนัก
แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวถังหนิง
หลังจากเฉินซิงเยียนได้ยินเรื่องภาพยนตร์ เธอก็ตอบกลับอย่าไม่อ้อมค้อม “รับเล่นสิ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงมองโลกในแง่ร้ายนัก ฉันว่ามันเป็นโอกาสที่ดีออกนะ
“ก็ดูสิ เฉียวเซินก็หลงใหลในหนังไซไฟเหลือเกินและถังหนิงยังเป็นคนจริงจังขนาดนั้นอีก การร่วมงานของพวกเขาจะน่าเป็นห่วงขนาดไหนกันล่ะ
“นี่มันเหมือนของขวัญจากพระเจ้าเลยนะ คิดดูสิ ถ้าพวกเขาทำสำเร็จขึ้นมา ชื่อเสียงของฉันก็จะพุ่งสูงขึ้นมาเลยนะคะ”
ได้ยินดังนั้น อันจื่อเฮ่าก็พิจารณาสถานการณ์และพบว่าเฉินซิงเยียนพูดถูก “เยี่ยมไปเลย เธอโน้มน้าวฉันสำเร็จแล้ว แต่เธอต้องจำเอาไว้นะว่าการถ่ายทำหนังเรื่องนี้จะต้องยากมาก”
“ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็คงไม่แย่เท่าตอนที่ฉันเป็นตัวแสดงแทนใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นายคิดว่าเรื่องแบบนี้จะทำให้ฉันกังวลได้เหรอ” เฉินซิงเยียนถามขึ้นด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน “ฟังดูน่าตื่นเต้นจังเลยนะ…
“แต่ฉันมีคำถาม ทำไมพี่หนิงถึงไม่เล่นบทนี้เองล่ะ”
มันเป็นคำถามที่อันจื่อเฮ่าต้องการคำตอบเช่นกัน
“บางทีเธออาจยังทำใจเรื่องของสวี่ซินไม่ได้ หรือบางทีเธออาจจะมีแผนอื่นอยู่ อย่าเดาไปมั่วซั่วเลย…
“ถึงยังไงก็เถอะ มันก็ยังยากที่จะผ่านด่านของผู้กำกับไปอยู่ดี”
เฉินซิงเยียนจ้องมองอีกฝ่ายและสวนกลับมา “ต่อให้ฉันดึงตัวตนของตัวละครทุกบทออกมาไม่ได้เหมือนพี่หนิง แต่อย่างน้อยฉันก็ตั้งใจและทุ่มเทให้กับมันนะ”