เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายได้แต่นั่งครุ่นคิดเงียบงัน
ต่อให้เป็นตัวเทพสวรรค์ซืออี้เองก็ยังต้องมานั่งคิดตามคำพูดของเย่หยวนเมื่อสักครู่
เย่หยวนนั้นมีมุมมองที่สุดแสนลึกล้ำมันทำให้พวกเขาได้ความรู้มากมาย
ตอนนี้การแลกเปลี่ยนความรู้ใดๆ มันจึงจบลงเท่านี้
แต่เย่หยวนในเวลานี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
จากนั้นห้องต่างมิตินี้มันก็ได้ตกลงสู่ความเงียบงัน
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดเย่หยวนก็เบิกตาขึ้นมาทำให้ทุกผู้คนต้องตื่นตกใจ
“มีผลลัพธ์ใดแล้วหรือปรมาจารย์เย่?” เทพสวรรค์เหลียวหมิงน้องถามขึ้นด้วยความใคร่รู้
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เย่ผู้นี้ได้วิเคราะห์อนุมานและนึกถึงสามความเป็นไปได้ที่เหมาะสมกับสูตรนี้ขึ้นมาแต่ก่อนจะแน่ใจได้เราต้องไปลองหลอมกันดูเสียก่อน”
ทุกผู้คนมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตื่นตะลึงพร้อมความใคร่รู้เต็มอก
พวกเขาทั้งหลายเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวใช้เวลากว่าเดือนในการอภิปรายแต่กลับหาได้เพียงแค่ส่วนประกอบเดียว ที่สำคัญมันยังผิดอีกด้วย
แต่เวลาผ่านไปแค่สองวันนี้เย่หยวนกลับหาข้อเสนอมาได้ถึงสามชุด?
เทพสวรรค์เหลียวหมิงที่ได้ยินจึงรีบบอกขึ้น “ปรมาจารย์เย่ รีบกล่าวมาเถอะ!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “สมุนไพรที่มีคุณสมบัติด้านความเร็วนั้นมันมีจำนวนมากมายอย่างนับไม่ถ้วน แต่สมุนไพรที่จะใช้กับสมุนไพรทั้งสี่นี้ได้มันย่อมจะมีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยชนิด หลังจากเย่ผู้นี้ได้ลองวิเคราะห์อนุมานดูข้าก็นึกขึ้นมาได้สามชุดความเป็นไปได้ หนึ่งคือใบจำนน ผลกวางวิญญาณใจหนุ่มและเถาพันก่วม สองคือหญ้าพญาหงส์ไฟ กระเรียนลมร่ำและผลผสานใจแจ่ม สามคือผลเซียนกลั่นเมฆฝน หญ้าดาบเขี้ยววาโยชาดและกระวานแก้ววิเศษ”
เมื่อเย่หยวนกล่าวออกมาเช่นนั้นเหล่าจอมเทพโอสถทั้งหลายจึงได้เร่งรีบคิดตามทันที
พวกเขาทั้งหลายนี้ล้วนเป็นยอดคนแห่งภูมิภาค เรื่องที่ว่าสมุนไพรที่เย่หยวนเสนอมามันมีความเป็นไปได้หรือไม่ตัวพวกเขาย่อมจะพอบอกได้
แต่เจิ้งฉีหยวนกลับหัวเราะขึ้นมาเป็นคนแรก “บ้าบอ! ผลกวางวิญญาณใจหนุ่มนั้นมีธาตุไม้ หญ้าพญาหงส์ไฟนั้นมีธาตุไฟ ผลเซียนกลั่นเมฆฝนนั้นมีธาตุสายฟ้า แต่เจ้ากลับจะเอามันมาวางเป็นส่วนประกอบหลักเสียแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเอาหัวลามาสวมที่ตัวม้า”
เทพสวรรค์ซืออี้เองก็ร้องขึ้นบอกตาม “การจับกลุ่มเช่นนี้จะหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้อย่างไร? เจ้าหนู หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เจ้าแค่พูดส่งๆ?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา ดูท่าแล้วคงเห็นด้วยกับเจิ้งฉีหยวนและซืออี้ไม่น้อย
ความชื่นชมที่พวกเขามีต่อเย่หยวนเมื่อสักครู่มันได้จางหายไปกับอากาศ
เพราะสามชุดความเป็นไปได้ของเย่หยวนนี้มันไม่อาจจะเอามาหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้แม้แต่ตัวเทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างมึนงงสงสัย
ในตอนนั้นเองที่จิตใจของเย่หยวนมันได้ปะทุขึ้นมา
ต่อให้เป็นพระโพธิสัตว์ก็คงมีอารมณ์โกรธอยู่บ้าง เจิ้งฉีหยวนคนนี้ด่าว่ากล่าวใส่เขาเสียๆ หายๆ มาตลอดทาง คิดว่าเย่หยวนจะยอมคนง่ายๆ เสียแล้ว?
เขาจึงได้หันไปยิ้มอย่างเย็นเยือกให้แก่เจิ้งฉีหยวน “หากโอสถนี้มันถูกหลอมขึ้นได้ด้วยสามข้อเสนอนี้เล่า เจ้าจะทำอย่างไร?”
เจิ้งฉีหยวนผงะไปทันที “เรื่องนั้นย่อมไม่มีทาง!”
เย่หยวนหัวเราะขึ้นมา “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นก็หุบปากไปเสียหากไม่กล้า ไม่มีใครจะว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!”
มีหรือที่เจิ้งฉีหยวนจะทนรับคำว่าเช่นนั้นได้? เขาจึงร้องตะโกนกลับมา “หากมันหลอมไม่ได้เล่า เจ้าจะทำอย่างไร?”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “หากมันหลอมขึ้นมามิได้ ข้าจะคืนเหรียญปรมาจารย์ เก็บของกลับบ้านและไม่คิดแตะต้องการหลอมโอสถใดๆ อีกทั้งชีวิต! อย่าหาว่าเย่ผู้นี้รังแกเจ้าเลย หากเจ้าแพ้ ตระกูลเจิ้งของเจ้าจะต้องถอนตัวจากงานชุมนุมโอสถเมฆาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้ากล้ารับคำเดิมพันนี้หรือไม่?”
เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดลงทันที ดูท่าคงหวาดกลัวกับการเดิมพันของเย่หยวนมาก
การถอนตัวตระกูลเจิ้งจากงานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันย่อมจะหมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นคนนอกของวงการโอสถในแดนใต้ไป
เรื่องนั้นมันจะเป็นปัญหาใหญ่หลวงแก่ตระกูลเจิ้ง
เหล่าคนทั้งหลายได้แต่หันหน้าไปมองเจิ้งฉีหยวนอย่างตื่นตะลึงและได้เห็นใบหน้าที่ขาวซีดลงของเขา
เมื่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นมาไกล่เกลี่ยเป็นคนกลางทันที “หึๆ ทุกผู้คนนั้นต่างเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกัน เหตุใดต้องมาวางเดิมพันให้หนักหนากันปานนี้ด้วยเล่า?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา “ตั้งแต่ที่เย่ผู้นี้มาถึง เจิ้งฉีหยวนมันก็ได้ท้าทายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าเย่ผู้นี้จะยอมก้มหัวให้ผู้คนรังแกหรือ? หึ เจ้าคิดว่าเย่ผู้นี้อ่อนหัดและอวดดี? เจ้าเด็กน้อยตระกูลเจิ้งของเจ้าคงไม่ยอมรับแก่ใจและไปฟ้องตัวเจ้ามาสิ บอกว่าข้านั้นไม่เหมาะกับตำแหน่งปรมาจารย์ บอกว่าเย่ผู้นี้คิดท้าทายเจ้าเป็นคนโอหังอวดดี เพราะฉะนั้นเจ้าถึงได้มาหาเรื่องข้าเสียทุกทางเช่นนี้ ใช่หรือไม่เล่า?”
เจิ้งฉีหยวนได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา อับอายที่ความหลังทั้งหมดของตนถูกเปิดเผย
เหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ เองก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวมันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจิ้งฉีหยวนถึงได้คิดหาเรื่องเย่หยวน ที่แท้แล้วเย่หยวนเคยไปทำให้คนตระกูลเจิ้งต้องเสียหน้านี่เอง
เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น “พี่เจิ้ง เสียเวลามาตั้งนานที่แท้เจ้ากลับคิดใช้เทพสวรรค์ผู้นี้เป็นข้ออ้างสินะ!”
ตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนความรู้นี้เจิ้งฉีหยวนก็พยายามใส่ไฟอยู่ด้านข้างตลอด บอกว่าเย่หยวนแย่งชิงตำแหน่งของเขาไปอย่างนั้นอย่างนี้
เสียเวลาฟังอยู่ตั้งนานสองนาน ที่แท้ตัวเขาเองก็แค่อยากจะหาเรื่องทำให้เย่หยวนลำบาก!
เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดลงพร้อมกล่าวอธิบายออกมา “นั่นมัน… มันแค่การทะเลาะกันของเด็กๆ ข้าห่วงพี่ซืออี้จริงๆ!”
เย่หยวนยิ้มขึ้น “เรื่องนั้นจะจริงหรือเท็จ มันก็ย่อมไม่เป็นปัญหา สูตรโอสถนี้มันจะอธิบายทุกสิ่งอย่าง ข้าถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม๋?”
คำพูดเดียวนี้มันทำให้เจิ้งฉีหยวนไม่อาจหลบหนีไปได้อีก
เจิ้งฉีหยวนเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กคนนี้มันจะดุดันปานนี้ กลับคิดวางตัวเขาไว้ตรงข้ามกับเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายในทันทีที่เริ่มหาเรื่อง
ในตอนนี้เขาย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ
เจิ้งฉีหยวนกัดฟันแน่น “เดิมพันมาสิ! เทพสวรรค์ผู้นี้จะกลัวเจ้าหรือ? เทพสวรรค์ผู้นี้ไม่เชื่อหรอกว่าสมุนไพรต่างธาตุของเจ้ามันจะหลอมโอสถธาตุลมได้!”
เย่หยวนนั้นหันหน้ากลับมาหาเทพสวรรค์เหลียวหมิงและกล่าวขึ้น “พี่เหลียวหมิง ข้าคงต้องลำบากให้ท่านช่วยทดลองหลอมให้แล้ว”
เดิมทีเย่หยวนนั้นไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเจิ้งฉีหยวนจนทำให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงคิดไปเสียว่าเย่หยวนนั้นลำบากใจที่จะไปลบหลู่เทพสวรรค์เจิ้งฉีหยวน ไม่นึกไม่ฝันว่าครั้งแรกที่ตอบกลับมันก็จะกลายเป็นการเล็งจุดตายทันที
เย่หยวนนั้นใช้ความรู้ความสามารถในด้านโอสถของตนท้าทายตระกูลเจิ้ง!
เจ้าเด็กคนนี้มั่นใจตัวเองขนาดนั้น?
หรือว่าเขานั้นแค่โอหังจนลืมตัว? หรือว่าแท้จริงเขายังมีแผนใด?
ส่วนเรื่องที่ว่าความรู้ของเย่หยวนนั้นมันลึกล้ำเพียงใด เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมไม่คิดจะสงสัยอีก
เพราะการวิเคราะห์เมื่อสักครู่นั้นมันก็มากพอจะบอกได้ว่าเขามิใช่มือใหม่
แค่เรื่องนั้นเย่หยวนก็มีสิทธิ์พอที่จะมานั่งถกวิชากับพวกเขาทั้งหลายแล้ว
แต่อย่างที่เจิ้งฉีหยวนว่า โอกาสที่เย่หยวนจะชนะมันน้อยนิด
พวกเขาทั้งหลายนั้นล้วนเป็นยอดคน พวกเขาย่อมเข้าใจถึงธาตุใดๆ ของสมุนไพรได้อย่างดี สิ่งที่เจิ้งฉีหยวนพูดกล่าวมานั้นมันไม่มีอะไรผิดแม้แต่น้อย
“เฮ้อ ต้องเอากันถึงขั้นนี้เลยหรือ? ช่างเถอะๆ ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มาเริ่มทดสอบสูตรโอสถเลยแล้วกัน” เทพสวรรค์เหลียวหมิงร้องบอก
ในเวลานี้ความแตกหักของคนทั้งสองนี้มันย่อมจะไม่อาจสมานได้อีกต่อไป พูดใดๆ ก็คงเปล่าประโยชน์
และห้องที่พวกเขาทั้งหลายนั่งอยู่ตอนนี้แท้จริงแล้วมันก็เป็นห้องหลอมโอสถขนาดใหญ่
เหล่าสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดที่ปกติเวลาหาได้ยากเย็นมันล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมมาไว้ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้
ไม่นานนักสมุนไพรทั้งสามชุดมันก็ได้ถูกเตรียมมาวางไว้ต่อหน้าผู้คน
ชุดแรกนั้นมีใบจำนน ผลกวางวิญญาณใจหนุ่มและเถาพันก่วม หลังจากเทพสวรรค์เหลียวหมิงเตรียมมันอยู่พักหนึ่งเขาก็เริ่มทำการหลอมทันที
สายตาของเย่หยวนในเวลานี้มันจับจ้องไปที่การหลอมของเทพสวรรค์เหลียวหมิงราวกับว่าเขานั้นไม่ได้ทำการเดิมพันอันหนักหน่วงใดๆ ไว้เลย
เทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นสมชื่อที่ได้รับเหรียญปรมาจารย์ วิชาโอสถของเขานั้นมันเหนือล้ำผู้คนจนแม้แต่เย่หยวนก็ยังต้องรู้สึกชื่นชม
ต้องเป็นคนเช่นนี้ที่จะควรค่ามาคุยเรื่องเต๋าโอสถกับเขา!
แต่หลังจากผ่านได้สี่ชั่วโมง ในที่สุดมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นมาในหม้อหลอม
ล้มเหลว!
…………………