War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3391

ตอนที่ 3391 : อุปกรณ์เทพ ขุนเขาวิญญาณแผดเผา!
 
ตี้หงเฒ่า จะเอายัง!?”
 
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชายหนุ่มรูปงามในชุดเสื้อยืดกางเกงชายหาดก็ยกมือขึ้นถอดแว่นกันแดดที่คาดไว้บนหัวเพื่อเก็บไว้ค่อยเอ่ยถามออกมาราวกับรอไม่ไหวแล้ว
 
“สักครู่”
 
ตี้หงหันไปกวาดตามองคนของเผ่ากิเลนไกลๆ และพอยืนยันได้ว่าเหล่าจักรพรรดิอมตะส่วนใหญ่ของเผ่ากิเลนได้มารวมตัวกันหมดแล้วมันก็หันไปพยักหน้าให้ชายหนุ่มรูปงามทันที “เอาล่ะจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินเชิญท่านป้อนกระบวนท่าเถอะ!”
 
แทบจะพร้อมกันกับที่ตี้หงกล่าวจบคํา ชายหนุ่มรูปงามก็ยกมือขึ้นจากนั้นกระบองสีทองด้า มหนึ่งก็ผุดจากความว่างเปล่าเข้ามือปลายกระบองสีทองแต่ละด้านคล้ายยมีห่วงเหล็กสีดําม้วนพันอยู่
 
“นั่นมัน..หรือจะเป็นกระบองวิเศษ?”
 
เมื่อเห็นกระบองทองปรากฏขึ้นในมือชายหนุ่มรูปงาม ก่อนจะถูกหมุนควงปานจักรผัน ตัวน หลิงเทียนก็ยืนยันตัวตนอีกฝ่ายได้ชัดเจน นี่คือจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินซุนหงอคงไม่ผิดแน่!
 
ก่อนหน้าถึงจะได้ยินแต่แรกว่าคู่ต่อสู้ของผู้นําเผ่ากิเลนสมควรเป็นซุนหงอคงแต่เขาก็ไม่กล้ายืนยัน
 
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเครื่องแต่งกายของอีกฝ่ายมันผิดเพี้ยนจากภาพจําในโทรทัศน์ และเรื่องเล่าที่เขาเคยรับรู้มามาก…อย่างไรก็ตามพอคิดอีกทีว่าซุนหงอคงได้จําแลงกายเป็นมนุษย์แล้วเช่นนั้นเสื้อผ้าจะสวมใส่อย่างไรก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะชอบ
 
แถมนี่ยังเป็นชุดที่วัยรุ่นริมหาดในความทรงจําของเขามักใส่กันบ่งบอกว่าซุนหงอคงสมควรไปเที่ยวเล่นบนโลกเมื่อไม่นานมานี้หาไม่แล้วคงไม่รู้จักชุดดังกล่าว
 
ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียนยังมั่นใจได้อีกว่า
 
ซุนหงอคงน่าจะไปเยือนโลกเมื่อราวๆ 200-300 ปีที่ผ่านมาไม่ผิดแน่เพราะชุดดังกล่าวเป็นชุดที่นิยมใส่สมัยเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก
 
ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นที่นิยมมาถึงทุกวันนี้ หรือไม่ก็มีชุดทันสมัยใหม่ๆมาแทนที่แล้วแต่ซุนหงอคงไม่รู้
 
“เมิ่งหลัว นี่สมควรเป็นครั้งแรกที่เจ้าได้เห็นจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินกระมัง?”
 
ตื้อวิ๋นหลงหันไปกล่าวถามเมิ่งหลัวด้วยรอยยิ้ม
 
“ใช่”
 
เพิ่งหลัวพยักหน้า สองตายังคงมองจ้องไปยังร่างชายหนุ่มรูปงามที่ควงพลองไปมาไม่วางตาในแววตายังเผยความเร่าร้อนออกมาไม่น้อย “ข้าได้ยินคําร่ําลือของจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินแห่งอหวงเทียนมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้พบเจอสักครั้ง”
 
“กล่าวไปคนผู้นี้ยังเป็นเป้าหมายการท้าทายของข้าอีกด้วย!”
 
เพิ่งหลัวกล่าว
 
“ฮ่าๆๆๆ…จะว่าไปแล้วจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินก็ชอบท้าประลองกับผู้อื่นไปทั่วจุด นี้ก็คล้ายๆเจ้าอยู่บ้าง”
 
ซื้อวิ่นหลงส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม “น่าเสียดายที่พลังฝีมือของเจ้ายังห่างไกลเกินจะเทียบกับ จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน หาไม่แล้วหากพลังฝีมือไล่เลี่ยกัน พวกเจ้าคงได้สู้กันน่าดูชมเชียว”
 
เรื่องที่ในอดีต เมิ่งหลัว ชอบไปท้าทายจักรพรรดิอมตะทั้งหลายในเมี่ยเทียนนั้นซื้อวิ่นหลงก็เคยได้ยินเมิ่งหลัวเล่าให้ฟังหลายรอบแล้วจึงรู้จักนิสัย “ร่างกายอยากปะทะ” ของสหายเก่าผู้
 
“สักวันต้องได้สู้กันแน่!”
 
เพิ่งหลัวเอ่ยออกด้วยน้ําเสียงแววตามุ่งมั่น
 
“ผู้เฒ่าหัว ท่านว่า…อาวุโสเมิ่งหลัว จะมีโอกาสไล่ตามซุนหงอคงทันหรือไม่?”
 
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามผู้เฒ่าหัวผ่านพลังด้วยความสงสัย
 
เขาเองก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างเมิ่งหลัวและซื้อวุ่นหลงชัดเจน
 
“ยาก”
 
ผู้เฒ่าหัวส่ายหัวไปมาเบาๆ พลางตอบผ่านพลังว่า “ตั้งแต่ขุนหงอคงถือกําเนิดมาจนถึงวันนี้ ยังใช้เวลาน้อยกว่าเพิ่งหลัวเสียอีก”
 
“พรสวรรค์ของเมิ่งหลัวสู้มันไม่ได้เลย”
 
“นอกจากนี้ เจ้าลิงนั่นยังเป็นผู้ที่มีโชควาสนาสูงล้ําไม่น้อย…ตามข่าวลืออาจมีตัวตนระดับ เทพอยู่เบื้องหลังมัน ยิ่งไปกว่านั้น น่าจะมิใช่ตัวตนระดับเทพธรรมดาๆอีกด้วย”
ผู้เฒ่าหัวกล่าวผ่านพลังเสริม
 
เทพ?
 
ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าคําเทพที่ผู้เฒ่าหัวเอ่ยถึง ก็คือผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เป็นธรรมดาว่าเหล่าเทพเองก็ต้องมีแบ่งแยกสูงต่ํา
 
เพียงทะลวงผ่านด่านพลังจักรพรรดิอมตะแล้วบรรลุถึงขอบเขตเทพได้ก็ยังถือว่าเป็นเทพชั้ นต่ําเท่านั้น
 
แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้เป็นแค่เทพชั้นต่ําก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะจะ ต่อกรด้วยได้ถึงจะเป็นเทพชั้นต่ําที่ไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง แต่คิดจะฆ่าจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งหลายประการ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
 
พลังในร่างของตัวตนระดับเทพ ไม่ใช่อะไรที่พลังเชียนอมตะต้นกําเนิดจะเทียบได้เลย พลานุภาพต่างกันประหนึ่งฟ้าดิน!
 
“จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินแลดูมั่นใจมาก… ไม่ทราบคราวนี้ท่านผู้นําเผ่าจะเอาอยู่หรือไม่?”
 
“ฮีย! พวกเจ้าช่วยมั่นใจในตัวท่านผู้นําให้มากๆหน่อย!”
 
“อาวุโส..ถึงพวกเราจะมั่นใจในตัวท่านผู้นํา แต่อัตราการเติบโตก้าวหน้าของจักรพรรดิอมตะ เสมอฟ้าดินน่ากลัวเกินไป.แถมอายุของมันยังไม่ได้เลี้ยวเศษของท่านผู้นําเลยด้วยซ้ํา”
 
เสียงซุบซิบของคนเผ่ากิเลนดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนไม่ขาดสายทําให้เขาตระหนักได้ว่า การประลองครั้งนี้ แม้แต่ในสายตาของคนเผ่ากิเลนจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินซุนหงอคงก็มีภาษี ดีกว่า
 
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่าผู้นําของตัวเองจะแพ้พ่าย
 
เพราะอย่างไรนั่นก็คือผู้นําเผ่ากิเลนของพวกมัน!
 
“ฟังว่าพลังฝีมือของผู้นําตี้หงแห่งเผ่ากิเลน ถือว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดาเทพสงคราม 7 ดารา…”
 
ต้วนหลิงเทียนที่มองสํารวจตี้หง ที่กําลังลอยร่างเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้า ดินไกลๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเอ่ยถามซื้อวุ่นหลงข้างๆว่า “อาวุโสตี้อวินหลง ในเมื่อพลังฝีมือของผู้ นําเผ่ากิเลนของพวกท่านจัดว่าร้ายกาจเป็นอันดับต้นๆของบรรดาเทพสงคราม 7 ดาราเช่นนั้นไม่ใช่ว่าก็เหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์บางคนแล้วหรือไร?”
 
อยู่ๆก็โดนต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามประเด็นนี้ขึ้นมา ตื้อวิ๋นหลงก็หยีตากล่าวตอบทันที “ก็ใช่ แต่ ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่อ่อนแอที่สุดก็ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาทั้งสิ้น เมื่อสา มารถขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ได้อย่างน้อยๆทุกคนก็ล้วนมีไพ่ตายที่ไม่ค่อยเปิดเผยทั้งสิ้น”
 
“แต่ก็อย่างที่เจ้าสงสัย พลังฝีมือของท่านผู้นํานั้นเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์บางคนจริงๆ แต่ก็ ไม่ได้เหนือกว่ากันมากมายอะไร…ทว่าหากคิดจะให้ท่านผู้นําไปช่วงชิงตําแหน่งจักรพรรดิ สวรรค์แล้ว อาศัยการบุกเดี่ยวคงเป็นไปไม่ได้จําต้องพึ่งพาพลังของเผ่ากิเลนสนับสนุน”
 
“ทว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะวิหารเฟิงฮ่าว จะไม่ยอมให้ปรากฏจักรพรรดิสวรรค์ที่มา จากเผ่ากิเลนเป็นคนที่ 2 แน่นอน”
 
ตื้อวิ๋นหลงกล่าว
 
“วิหารเฟิงฮ่าวอีกแล้ว?”
 
ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนหน้าเขาก็ได้ยินมาว่าวิหารเฟิงฮ่าวจะไม่ยอมให้ตัวตนที่ ทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สําเร็จดํารงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์
 
มาตอนนี้วิหารเฟิงฮ่าวยังไม่ยอมให้เผ่ากิเลนปรากฏจักรพรรดิสวรรค์เป็นคนที่สองอีกมั้น เหรอ? นี้จะเสนอหน้าสอดไปทุกเรื่องเลยหรือยังไง?
 
“อาวุโสตื้อวิ๋นหลง หรือกระทั่งเผ่ากิเลนของท่านก็ยังกริ่งเกรงพลังของวิหารเฟิงฮ่าว?”
 
ตัวนหลิงเทียนถาม
 
“ พูดตรงๆ เผ่ากิเลนของพวกเราไม่ได้กลัวเกรงอะไรวิหารเฟิงฮ่าวเลย..อย่างไรก็ตามกฏบาง ข้อที่วิหารเชิงฮ่าวระบุ พวกเราก็จําต้องปฏิบัติตามแข็งขึ้นต่อต้านไปก็ไม่มีอะไรดี”
 
“ไม่ทราบว่านายน้อยรับทราบเรื่องที่เผ่ากิเลนของพวกเรามีตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ หรือไม่?
 
ซื้อวุ่นหลงเอ่ยถาม
 
“เรื่องนี้ข้าก็พึ่งได้รู้มาไม่นาน”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ว่ากันว่าในปัจจุบัน ก็มีผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งมาจากเผ่า กิเลนของพวกท่าน”
 
“ไม่ผิด”
 
ซื้อปืนหลงพยักหน้า “เผ่ากิเลนของพวกเรามีเงาของผู้แข็งแกร่งที่สุดปกคลุมแต่วิหารเฟิงฮ่าวเองก็มีเงาของผู้แข็งแกร่งที่สุดปกคลุมเช่นกันอย่างไรก็ตามเรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ไม่อาจมาจากเผ่าใดเผ่าหนึ่งเป็นคนที่สองนั้น เป็นกฏที่ร่วมกันตราขึ้นมาโดยผู้แข็งแกร่งที่สุดหลายคนและมอบหมายให้วิหารเฟิงฮ่าวคอยควบคุมเท่านั้น”
 
“จุดนี้ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ากิเลนพวกเรา ก็ไม่อาจแข็งขึ้นจําต้องปฏิบัติตาม”
 
“ส่วนกฎที่ว่าหลังบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วไม่อาจดํารงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้นั้น เป็นกฏที่พวกวิหารเฟิงฮ่าวมันตั้งกันขึ้นมาเองไม่ได้เกิดจากเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สุดกําหนดมาแต่อย่างใด พวกวิหารเชิงฮ่าวนั่นมันก็แค่อยากให้ตัวตนระดับเทพออกจากระนาบเทวโลกและขึ้นไประนาบเทพเร็วๆ สิ่งนี้เป็นเรื่องของอํานาจการปกครองล้วนๆ”
 
คําพูดของตื้อวิ๋นหลง ทําให้ต้วนหลิงเทียนกระจ่าง
 
“หากจะถามว่าเผ่าพันธุ์หรือชนชาติใดที่สามารถเป็นจักรพรรดิสวรรค์ได้อย่างไร้จํากัดล่ะก็… เห็นที่จะมีแค่เผ่าพันธุ์เดียว และนั่นก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ของท่าน”
 
ซื้อปืนหลงกล่าว “ศักยภาพและพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ท่านนับว่าอ่อนด้อยและธรรม ดาที่สุดในบรรดาชาติพันธุ์ทั้งมวลแล้ว..อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพรสวรรค์ศักยภาพด้อยที่สุด แต่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่มียอดฝีมือมากที่สุด”
 
“เห็นว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางสวรรค์และโลก เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ของท่านกว่าครึ่ง”
 
“บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ ทําให้จํานวนจักรพรรดิสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้ ถูกจํากัด”
 
เรื่องราวที่ซื้อปืนหลงเล่ามาให้ฟัง ก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนได้รู้เรื่องราวอะไรเพิ่มขึ้นไม่น้อย
 
“ท่านผู้นํากําลังจะลงมือแล้ว!”
 
ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างตื่นเต้น ทําให้ซื้อวุ่นหลงกับต้วนหลิงเทียนฟื้นสติ หยุดคุย และหันไปมองท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวเบื้องหน้าไกลๆด้วยความสนใจทันที
 
ท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวไกลตา ในมือของตี้หง ผู้นําเผ่ากิเลน ได้ปรากฏขุนเขาขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟลุกโชนขึ้นมาลอยล่องอย่างเงียบงัน
 
เปลวเพลิงบนขุนเขาอันจิ๋วนี้ลุกโชนเร่าๆคล้ายได้วันดับ!
 
“กลิ่นอายนั้นมัน อุปกรณ์เทพรึ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ จากนั้นก็สื่อสารกับ จิตวิญญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนหวงเอ้อผ่านสํานึกเทวะทันที
 
“นายท่าน…นั่นเป็นอุปกรณ์เทพระดับต่ําที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว”
 
หวงเอ้อก็กล่าวไขความสงสัยให้กระจ่าง
 
และคําตอบของหวงเอ้อก็ทําให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันที จากนั้นก็หันไปมองกระบองวิเศษสีทองในมือซุนหงอคงโดยไม่รู้ตัว
 
ถ้าเขาจําไม่ผิด…
 
กระบองทองสารพัดนึกนั่นของซุนหงอคง เหมือนจะเป็นแค่อุปกรณ์อมตะชั้นยอด ดุจเดียวกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่ใช่หรือ?
 
“จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน”
 
ตอนนี้เอง เสียงของตี้หงผู้นําเผ่ากิเลนพลันดังขึ้น “ในตอนนั้นที่เราท่านประมือกัน ข้าใช้แค่อุปกรณ์อมตะชั้นยอดดุจเดียวกับอาวุธคู่กายท่าน…”
 
“เพราะครั้งนั้น ข้าไม่อยากเอาเปรียบท่าน”
 
“แต่ตอนนี้หลังผ่านมาพันปี ท่านที่มาท้าข้าประลองอีกครั้ง ไม่พ้นต้องพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าแล้วกระมัง?”
 
“ข้าลองไถ่ถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าหากข้ายังคงใช้อุปกรณ์อมตะชั้นยอดดุจเดียวกับท่านเกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือท่านแน่แท้…เช่นนั้นข้าจึงคิดจะใช้อุปกรณ์เทพประจําเผ่ากิเลน ขุนเขาวิญญาณแผดเผา!”
 
“แต่แน่นอน หากท่านคิดว่าข้ากําลังเอาเปรียบท่านอยู่ ข้าไม่ใช้ขุนเขาวิญญาณแผดเผานี้ก็ได้”
 
วาจาของตี้หง ผู้นําเผ่ากิเลนนั้นเปิดเผยจริงใจ ทําให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบพยักหน้าให้ด้วยความชื่นชมนับว่าผู้นําเผ่ากิเลนนับเป็นวิญญูชนคนหนึ่ง!
 
สําหรับเหล่าจักรพรรดิอมตะทั้งหลายของเผ่ากิเลนนั้น ไม่ได้แปลกใจอะไร เห็นได้ชัดว่ารู้จักผู้นําเผ่าของตัวเองดี
 
“ข้าละหวังว่าจักรพรรดิอมตะฟ้าดิน จะยอมให้ท่านผู้นําใช้ขุนเขาวิญญาณแผดเผาของเผ่ากิเลนเรานะ….หาไม่แล้วเกรงว่าความแตกต่างคงชัดเกินไป…”
 
“อย่างไรก็ตามท่านผู้นํายามใช้พลังอุภาพของขุนเขาวิญญาณแผดเผา ก็นับว่ามี พลังเพิ่มพูนขึ้นหลายส่วนจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินที่ไร้อุปกรณ์เทพไม่ทราบจะยินดีเสียเปรียบครั้งใหญ่หรือไม่….”
 
“นั่นสิ ไม่ทราบจะยอมรึเปล่า”
 
เหล่าจักรพรรดิอมตะทั้งหลายของเผ่ากิเลนที่มาดูชม ล้วนหันไปมองซุนหงอคงเพื่อรอฟังคําตอบเป็นสายตาเดียวกัน
 
และตอนนี้เองจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังร่า “ฮ่าๆๆๆตี้หงเฒ่าในปีนั้นท่านซุนผู้นี้ก็บอกให้เจ้าใช้อุปกรณ์เทพแล้วไง แต่เจ้าดันไม่อยากเอาเปรียบข้าเอง”
 
“อันที่จริงหากตอนนั้นเจ้าใช้มันเพื่อเอาชนะข้าคงจะดีเสียกว่า เพราะถึงจะแพ้ข้าก็มีความสุขมากกว่าจบลงด้วยผลเสมอ..ข้าท่านซุนผู้นี้ไม่เคยกลัวความพ่ายแพ้ เพราะความพ่ายแพ้มันคอยสอนให้ข้าได้รู้ถึงจุดด้อยของตัว! ข้าจักได้มีแรงบันดาลใจในการก้าวหน้าเพิ่ม!!”
 
“วันนี้เชิญตี้หงเฒ่าเจ้าใช้ขุนเขาวิญญาณแผดเผาให้เต็มที่ ท่านขุนผู้นี้แทบรอรับทราบพลังสูงสุดที่หงเฒ่าเจ้าไม่ยอมใช้ออกเมื่อปีนั้นไม่ไหวแล้ว!”
 
ลักษณะนิสัยของจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคง นับว่าเหมือนกันกับในตํานานที่ต้วนหลิงเทียนรับทราบไม่มีผิด! อีกฝ่ายไม่ได้หวั่นเกรงสิ่งใดในฟ้าดินจริงๆ!!
 
ท่านคิดใช้อุปกรณ์เทพหรือ?
 
เชิญ!
 
ข้าสู้!
 
“เช่นนั้น ขอจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินท่าน ระวังให้มาก”
 
พร้อมๆกับที่ตี้หงพยักหน้ารับ เปลวเพลิงก็ลุกโนขึ้นมาท่วมร่างของมันทันที จากนั้นเพลิงพลังก็เริ่มแผ่ขยายลุกลามออกไปรอบกาย ไม่นานก็ลุกลามแผ่ขยายไปถึงขั้นแผดเผาดาวเคราะห์ดวงน้อยใกล้ๆ!
 
เดิมที่ใกล้ๆจุดที่ตี้หงลอยร่างอยู่ ก็มีดาวเคราะห์ลอยล่องอยู่ไม่น้อย แต่บัด นี้ล้วนโดนเพลิงพลังแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีหมดสิ้น!
 
ซูมมม!!
 
ซุ้มมม!!
 
ท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาว ร่างที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสุดไพศาลห้อมล้อมของตี้หงอยู่ๆก็อันตรธานหายไปจากจุดเดิม จากนั้นก็อุบัติเป็นเส้นทางเปลวเพลิงสายหนึ่ง ตัดลากข้ามห้วงอวกาศไปฉับไวเหนือแสง!
 
ฉากอันงดงามตระการตาเบื้องหน้า ทําให้สองตาต้วนหลิงเทียนทอแสงแรงกล้ายากนักจะได้ชมดูการต่อสู้ของพลังระดับนี้
 

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset