ตอนที่ 133 บทคนชั่วนางขอเล่นเอง (2)
นางเคยได้ยินเพียงว่าเฟิงหรูชิงเป็นคนไม่ดี แต่ไม่เคยสัมผัสด้วยตนเองมาก่อน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่เคยถูกองค์หญิงคนเดิมรังแกมาก่อน เกรงว่าคงไม่กล้าพูดกับนางแบบนี้
“ใช้อำนาจมาข่มเหงผู้อื่นหรือ”
เฟิงหรูชิงเชิดหน้าแล้วหัวเราะเย้ยหยัน “แล้วจะทำไมล่ะ คนที่ข้าจะรังแก…ก็คือคนแบบเจ้านี่แหละ!”
ใช้อำนาจมาข่มเหงผู้อื่น…แล้วจะทำไมหรือ
คนที่นางจะรังแก…ก็คือคนแบบเว่ยเมิ่งเจี๋ยนี่แหละ!
ฉินอี๋ตะลึง นางหันไปมองเฟิงหรูชิง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย
แต่ไรมานางรู้สึกรังเกียจนิสัยชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นของเฟิงหรูชิง
แต่คราวนี้ ความโอหังไร้ความยำเกรงของเฟิงหรูชิง กลับทำให้นาง…รู้สึกสะใจยิ่งนัก
“หากเจ้ายังไม่ไสหัวไป ข้าจะสั่งให้คนตีเจ้าให้ตายแล้วค่อยส่งกลับไปบ้านสกุลเว่ย!” สายตาอันร้ายกาจของเฟิงหรูชิงหันไปมองที่เว่ยเมิ่งเจี๋ย
แววตาของนางราวกับมองดูคนตายอย่างไรอย่างนั้น
แววตานั้นทำให้เว่ยเมิ่งเจี๋ยตกใจกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าอยู่ที่บ้านสกุลฉินต่อ ตาอันบวมแดงมองไปยังบ้านสกุลฉิน จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
จนกระทั่งเว่ยเมิ่งเจี๋ยเดินลับตาไป เฟิงหรูชิงจึงหันกลับมามองและยิ้มให้ฉินอี๋ “ท่านป้า นางไปแล้ว พวกเราเข้าไปเยี่ยมท่านน้าเหยาสักหน่อยได้หรือไม่”
ฉินอี๋อึ้ง แววตาของนางยิ่งดูเข้าใจยาก “ท่านทำแบบนี้ จะยิ่งเป็นผลเสียกับชื่อเสียงของตัวเอง”
เฟิงหรูชิงหัวเราะ “ข้าเคยบอกท่านป้าแล้วไม่ใช่หรือ ชื่อเสียงข้าก็ไม่ดีอยู่แล้ว มันคงไม่แย่ลงอีกเพราะเรื่องแค่นี้ อีกอย่าง คนดีฟ้าดินเป็นพยาน ข้าไม่ต้องการให้ใครมองข้าว่าเป็นคนดี ข้าขอเพียง…พวกท่านรู้ว่าข้าเป็นอย่างไรก็พอ”
คนอื่นจะเข้าใจนางผิดอย่างไร นางไม่สนใจ
แต่ไรมาคนที่นางสนใจ มีเพียงคนสำคัญสำหรับนางเท่านั้น!
ฉินอี๋ใจสั่น กำมือแน่น คอยเตือนตัวเองในใจไม่หยุดถึงสิ่งเลวร้ายที่เฟิงหรูชิงเคยทำ
นางจะใจอ่อนอีกไม่ได้ จะใจอ่อนต่อไปไม่ได้!
“ไปเถอะ”
สุดท้าย นางถอนหายใจแล้วหันหน้าไปมองเฟิงหรูชิง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านสกุลฉิน
เฟิงหรูชิงเห็นฉินอี๋ไม่กีดกันนาง นางรู้สึกดีใจ กอดและหอมแก้มไต้เอ๋อร์เต็มแรง
“ไต้เอ๋อร์ แม่เจ้ายอมให้โอกาสข้าแล้วใช่หรือไม่”
ไต้เอ๋อร์งุนงง นางมองเฟิงหรูชิงอย่างสงสัย
“ไต้เอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าและคนในครอบครัวของเจ้าต้องผิดหวังอีกแล้ว”
พวกเขาผิดหวังกับนางมามากเกินไปแล้ว และครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะมอบให้
ไต้เอ๋อร์ยิ้มหวานดูน่าเอ็นดู “ท่านพี่ งดงาม พูดอะไร…ก็ถูกไปหมด”
“…”
นี่ไต้เอ๋อร์กำลังชมหรือซ้ำเติมนางกันแน่?
“ท่านพี่งดงามกว่าองค์หญิงรอง” ไต้เอ๋อร์สีหน้าจริงจังจริงใจ
เฟิงหรูชิงก้มหน้าลงมองน่าหลานไต้เอ๋อร์ “เพราะอะไรหรือ”
“องค์หญิงรองเป็นคนชั่ว นางรังแกไต้เอ๋อร์”
อีกอย่าง ท่านพี่กับท่านปู่พูดอยู่เสมอว่า องค์หญิงรองพาท่านพี่เสียคน ดังนั้น นางจึงเป็นคนเลวที่สุดในโลก
เฟิงหรูชิงเงียบไป
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า…นางรู้สึกว่าสติปัญญาของไต้เอ๋อร์…ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
ทั้งๆ ที่เมื่อหลายเดือนก่อน ไต้เอ๋อร์ถูกเฟิงหรูซวงรังแก นางกลับพูดจาสื่อสารไม่ได้ แต่ตอนนี้ นางเริ่มพูดสิ่งที่ตัวเองคิดได้แล้ว
ยาวิเศษ?
เฟิงหรูชิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
พลังวิเศษที่มีมากทำให้พวกสัตว์ฉลาดขึ้นได้ และยาวิเศษก็มีพลังวิเศษปริมาณมาก มันช่วยให้ไต้เอ๋อร์ดีขึ้นได้ก็ไม่แปลกอะไร ดูท่าต่อไปนางต้องจัดผลเทียนหลิงกั่วมาให้ไต้เอ๋อร์อีกสักหน่อย
จนกระทั่งไต้เอ๋อร์จะเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป
“ใช่ๆ คนที่รังแกไต้เอ๋อร์คือคนชั่ว” เฟิงหรูชิกหยิกแก้มไต้เอ๋อร์เบาๆ “สมัยก่อนข้าก็เป็นคนชั่วเหมือนกัน”
………………………………………
ตอนที่ 134 บทคนชั่วนางขอเล่นเอง (3)
ไต้เอ๋อร์ส่ายหน้ายืนกราน “ท่านพี่ไม่ใช่คนชั่ว ไต้เอ๋อร์เห็นท่านพี่ช่วยแมวเหมียวไว้ด้วย” ดังนั้น ต่อให้เมื่อก่อนนางถูกทำร้ายมากี่ครั้งกี่หน นางก็ยังอยากอยู่ใกล้ๆ เฟิงหรูชิง
พี่สาวที่ปฏิบัติกับแมวอย่างอ่อนโยนเช่นนั้น เหตุใด…จึงดุร้ายกับนางได้ขนาดนั้น
ต่อมาภายหลังนางรู้สึกกลัว นางจึงเริ่มหลบหน้าเฟิงหรูชิง
เฟิงหรูชิงอึ้ง นิ้วของนางหยุดค้างอยู่กับที่
แม้องค์หญิงคนเดิมจะรังแกชาวบ้าน แต่นางก็เป็นคนรักสัตว์ แต่แมวตัวที่นางช่วยเอาไว้ไม่รู้ไปข่วนเฟิงหรูซวงให้ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร สุดท้าย…มันถูกหรงกุ้ยเฟยตีจนตาย
ในใจนางไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับเฟิงหรูซวง ต่อให้ต้องเสียใจอยู่ช่วงหนึ่ง นางก็ยังเชื่อใจสองแม่ลูกนั่นเหมือนเดิม
“อันที่จริง คนที่ชั่วร้ายที่สุดก็คือเฟิงหรูซวง!” นัยน์ตาของเฟิงหรูชิงมีประกายน่ากลัวแต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางจูงมือไต้เอ๋อร์และยิ้มให้
“ไต้เอ๋อร์ ข้าจะให้เฟิงหรูซวงต้องชดใช้! เพื่อคนที่เคยถูกนางทำร้าย และแมวเหมียวตัวนั้นด้วย!”
แมวตัวนั้นข่วนเฟิงหรูซวงจริงหรือไม่ นางไม่รู้เพราะตอนที่องค์หญิงคนเดิมกลับไปถึงวังหลวง มันก็ถูกตีตายไปแล้ว
แต่รอยข่วน…นางกลับมองไม่เห็น
มาคิดๆ ดูแล้ว…การที่เฟิงหรูซวงไม่ยอมให้เฟิงหรูชิงมีคนหรือของใดอยู่ข้างกาย และไม่ยอมให้นางมีเจตนาดีกับใคร แบบนี้ถึงได้…ตีแมวตาย
“ไปกันเถอะ แม่เจ้าเดินไปไกลแล้ว อาหารที่ข้าทำมาจะเย็นหมดแล้ว”
ไต้เอ๋อร์กะพริบตา สายตาของนางจับจ้องไปที่สำรับอาหารในมือเฟิงหรูชิง นางกลืนน้ำลายด้วยความทรมาน
“ได้”
…
ในห้องเว่ยผิ่นเหยาได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา นางลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบากแล้วมองไปที่หน้าประตู นางอยากลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่มีแรง นางดิ้นไปดิ้นมาแต่ก็ลุกขึ้นนั่งไม่ได้
“ผิ่นเหยา”
ฉินอี๋สีหน้าตกใจ นางรีบเดินเข้าไปข้างๆ เว่ยผิ่นเหยาแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เจ้าไม่สบายไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก”
“แค่ก แค่ก!” เว่ยผิ่นเหยาไอ นางหน้าซีดขาว “ท่านพี่ องค์หญิงกลับไปแล้วใช่หรือไม่”
ฉินอี๋อึ้ง นางไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมให้เฟิงหรูชิงเข้ามาเยี่ยมเว่ยผิ่นเหยา
นางเม้มปาก “องค์หญิง…อยากมาเยี่ยมเจ้าน่ะ”
เว่ยผิ่นเหยาอึ้ง จากนั้นไม่นานก็ตั้งสติได้ จึงยิ้มแล้วพูดว่า
“ข้าเดาว่าตอนแรกท่านพี่คงไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนปล่อยนางเข้ามา ที่จริงข้าไม่อ่อนแออย่างที่ท่านคิดหรอกนะ คำพูดบางอย่างทำอะไรข้าไม่ได้หรอก พวกท่านปกป้องข้ามากเกินไปแล้ว”
คำพูดบางคำ ไม่ใช่เพียงองค์หญิงเท่านั้นที่เคยพูด คนทั้งแคว้นหลิวอวิ๋นก็วิจารณ์นางเช่นนี้ แต่มันจะมีผลอะไรเล่า
อย่างไรก็ไม่ไปจากฉินซวิน ไม่มีทาง!
“ผิ่นเหยา…”
ฉินอี๋ถอนหายใจ ที่นางยอมให้เฟิงหรูชิงเข้ามาก็เพราะทำตามคำสามีนางว่า ให้โอกาสนางอีกสักครั้ง…เท่านั้นแหละ
นางยังไม่ทันพูดต่อ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากนอกห้อง
ฉินอี๋หันหลังกลับไปมองก็เห็นเฟิงหรูชิงจูงมือไต้เอ๋อร์เดินเข้าห้องมา
หญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้ม หากไม่เป็นเพราะกายของนางอวบอ้วนลำพังดวงตาคู่นั้นที่มีประกาย ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนตะลึงในความงาม
“ท่านน้าเหยา ข้าได้ยินว่าท่านไม่สบาย เลยเตรียมอาหารบำรุงสุขภาพมาเยี่ยมท่านโดยเฉพาะ”
เฟิงหรูชิงยิ้มมองไปที่หัวเตียง “ท่านป้า ท่านช่วยบอกให้สาวใช้เตรียมชามกับตะเกียบมาให้ท่านน้าเหยาทานหน่อยสิ”
ฉินอี๋มองดูท้องฟ้า
ตอนนี้มืดแล้ว แต่ว่า…การให้ผิ่นเหยากินอาหารที่เฟิงหรูชิงเอามาคงจะเสี่ยงไปหน่อย
“อาหารทางครัวเป็นคนจัด องค์หญิงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพคะ” ฉินอี๋ขมวดคิ้ว ปฏิเสธน้ำใจจากเฟิงหรูชิงอย่างอ้อมๆ
…………………………………………