ลู่เฉิงฮ่าวกำลังจะโทรหาลั่วเสี่ยวชิงพอดี ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงโทรมาเอง ลู่เฉิงฮ่าวจึงรีบเอ่ยว่า “มี งั้นออกมากินข้าวด้วยกันเถอะ ตอนนี้คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม? มีอะไรคุยกันในโทรศัพท์ไม่ค่อยเคลียร์”
ขณะพูดลู่เฉิงฮ่าวก็ไม่รอให้ลั่วเสี่ยวชิงเอ่ยตอบจึงพูดอีกว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวผมขับรถไปรับคุณ”
น้ำเสียงของลู่เฉิงฮ่าวไม่ให้ปฏิเสธ ลั่วเสี่ยวชิงไม่รู้ว่าควรปฏิเสธยังไง จึงเอ่ยตอบเขาว่า “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องพักตัวเองค่ะ”
เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งจบลง ลู่เฉิงฮ่าวจึงรีบเอ่ยว่า “ได้ งั้นคุณรอเดี๋ยว อีกยี่สิบนาทีผมจะไปหา”
พูดจบลู่เฉิงฮ่าวจึงกดวางสายทันที
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งหยิบกระเป๋าเดินออกไปที่ถนนจึงเห็นรถสปอร์ตที่สะดุดตาของลู่เฉิงฮ่าวแล่นมาจอดลงตรงหน้าเธอ
กระจกรถลดลงมา ลู่เฉิงฮ่าวที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับจึงเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงว่า “ขึ้นรถ”
ลั่วเสี่ยวชิงมองลู่เฉิงฮ่าวใจก็เริ่มลนลาน จากนั้นจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วขึ้นรถ
พอลั่วเสี่ยวชิงคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วลู่เฉิงฮ่าวจึงเหยียบคันเร่งแล่นรถออกไปทันที
ลั่วเสี่ยวชิงเกรงใจไม่กล้าถามลู่เฉิงฮ่าวว่าจะไปไหน จึงนั่งมองนอกกระจกเงียบๆ
สิบนาทีหลังจากนั้น รถแล่นไปจอดลงหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
ลั่วเสี่ยวชิงมองซูเปอร์มาร์เก็ตที่นำเข้าแต่ของนอก สายตาที่สงสัยจึงอดหันมองไปทางลู่เฉิงฮ่าวไม่ได้ หมายความว่ายังไง?
ไหนบอกจะไปกินข้าว? ทำไมมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตล่ะ?
ลู่เฉิงฮ่าวลงจากรถก่อน เห็นลั่วเสี่ยวชิงยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ จึงเคาะกระจกเรียก “ทำไมไม่ลงจากรถล่ะ?”
ลั่วเสี่ยวชิงดึงสติกลับมา แล้วรีบเปิดประตูรถลงไปเดินตามลู่เฉินฮ่าวเข้าไป จากนั้นจึงอดถามไม่ได้ว่า “คือ……คุณบอกว่าจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมถึงมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ต?”
ลู่เฉิงฮ่าวตอบข้อสงสัยของลั่วเสี่ยวชิงอย่างเรียบนิ่ง “อ้อ อาหารในร้านอาหารไม่ค่อยอร่อย คุณไปทำให้ผมกินที่บ้านผมดีกว่า”
ขณะพูดลู่เฉิงฮ่าวก็ไปเข็นรถเข็นมา ลั่วเสี่ยวชิงที่เดินตามอยู่ข้างหลังพอได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ ฝีเท้าจึงหยุดชะงัก แล้วเอาแต่นึกย้อนว่าเมื่อกี้ลู่เฉิงฮ่าวพูดว่าอะไร……
การเข้าครัวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลั่วเสี่ยวชิงอยู่แล้ว เพราะเธอทำอาหารเป็นตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้ว แถมฝีมือของเธอก็พอใช้ได้ด้วย
แต่ประเด็นคือไปทำอาหารที่บ้านลู่เฉิงฮ่าว!
ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้ว เวลานี้เธอไม่อยากไปที่บ้านลู่เฉิงฮ่าว ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองน่าอึดอัดจะตาย แล้วที่บ้านเขามีคนรับใช้ไม่ใช่เหรอ คนรับใช้ก็ต้องทำอาหารเป็นสิ
ขณะคิดลั่วเสี่ยวชิงจึงรีบเดินตามลู่เฉิงฮ่าวที่เดินเลือกของอยู่ “ไม่ต้องไปบ้านคุณให้ยุ่งยากก็ได้ ฉันรู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่อร่อยๆ
เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งจบลง ลู่เฉิงฮ่าวจึงเงยหน้ามองลั่วเสี่ยวชิง “วันนี้ผมไม่อยากไปกินที่ร้านอาหารข้างนอก อยากทำที่บ้าน”
มุมปากลั่วเสี่ยวชิงกระตุกอย่างหมดคำพูด แล้วเอ่ยว่า “คืนนี้ฉันมีธุระ เรานัดกันใหม่พรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวให้คนรับใช้บ้านคุณทำอาหารให้ก็ได้”
ลู่เฉิงฮ่าวมองลั่วเสี่ยวชิงที่พยายามหาข้ออ้าง มุมปากจึงเลิกขึ้น พร้อมเอ่ยพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “วันนี้คนรับใช้บ้านผมลากลับบ้าน คืนนี้คุณจะมีเรื่องสำคัญอะไร? สำคัญกว่าเรื่องของหลิวหยู่กับแม่คุณอีกเหรอ?”
ตอนที่ลู่เฉิงฮ่าวพูดประโยคนี้จบ จึงแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาป้าอวี๋ ให้ป้าอวี๋ลากลับบ้านไปพักผ่อนสองวัน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ จนกระทั่งถึงวันมะรืน
พอลั่วเสี่ยวชิงโดนลู่เฉิงฮ่าวจี้ถามแบบนี้ จึงไม่รู้จะตอบยังไง ข้ออ้างเมื่อกี้เธอก็พูดออกมาอย่างกะทันหัน พอตอนนี้โดนถามแบบนี้ จึงไม่รู้ว่าควรอธิบายได้ยังไง
ตอนที่ลั่วเสี่ยวชิงกำลังเหม่อ เงาของลู่เฉิงฮ่าวก็เอนมาทางลั่วเสี่ยวชิง
รอลั่วเสี่ยวชิงตั้งสติได้แล้ว ริมฝีปากบางๆของลู่เฉิงฮ่าวก็แตะจอนผมของเธอพอดี เธอจึงสะดุ้งตกใจ กำลังจะหลบแต่เสียงของลู่เฉิงฮ่าวก็ดังขึ้นข้างหูเธอ “ลั่วเสี่ยวชิง คุณกำลังกลัวอะไร? แค่ให้คุณไปทำอาหารแล้วคุยธุระที่บ้านผม กลัวว่าผมจะกินคุณงั้นเหรอ?”
สีหน้าของลั่วเสี่ยวชิงร้อนแดงทันที พร้อมรีบก้าวถอยหลัง ก้มหน้าไม่กล้ามองไปทางลู่ฉิงฮ่าวเลย จากนั้นจึงรีบเอ่ยว่า “ฉัน ฉัน……ฉันไม่ได้กลัว ไปก็ไป!”
เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งจบลง มุมปากของลู่เฉิงฮ่าวจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม แล้วหัวเราะเสียงเบา ยืดตัวตรงแล้วพยักหน้าให้ลั่วเสี่ยวชิง “อื้อ นี่สิถึงจะถูก”
จากนั้นจึงก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงอย่างธรรมชาติว่า “ไปเถอะ ลองไปดูว่าคืนนี้เราควรซื้อวัตถุดิบอะไรกลับบ้าน”
ลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดที่ธรรมชาติมากของลู่เฉิงฮ่าวจึงอึ้งเล็กน้อย พอตั้งสติได้แล้ว อยู่ๆเธอก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนยิ่งกว่าเดิม แล้วในหัวก็นึกถึงประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ
ยังไม่ถึงบ้านลู่เฉิงฮ่าว ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงก็เริ่มเสียใจแล้ว
แต่ว่าลั่วเสี่ยวชิงเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว
ทำได้แค่กัดริมฝีปาก แล้วสลัดความคิดบ้าๆพวกนั้นทิ้ง แล้วรีบเดินตามลู่เฉิงฮ่าวที่เข็นรถเข็นอยู่ข้างหน้า
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำอาหารบ้านลู่เฉิงฮ่าว ลั่วเสี่ยวชิงจึงเอ่ยถามลู่เฉิงฮ่าวอย่างจริงจังว่า “คุณชายลู่ คืนนี้คุณอยากกินอะไรคะ?”
เพราะลั่วเสี่ยวชิงมีเรื่องจะขอร้องลู่เฉิงฮ่าว ไปทำอาหารที่บ้านเขา จะทำอาหารที่เขาไม่ชอบก็ไม่ดี จึงเอ่ยถามเขาเพื่อป้องกันไว้ก่อน
พอลู่เฉิงฮ่าวได้ยินจึงไม่เกรงใจลั่วเสี่ยวชิง แล้วพูดชื่อเมนูออกมา “คืนนี้อยากกินปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน กุ้งนึ่ง หมูสับนึ่งราดซอส แล้วก็ซุปผักกาด”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินลู่เฉิงฮ่าวพูดชื่อเมนูออกมาอย่างไม่เกรงใจแบบนี้ ตาจึงกระตุก ลู่เฉิงฮ่าวเป็นหมูเหรอ? รวมเธอแล้วแค่สองคนจะกินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง?
ลั่วเสี่ยวชิงจึงอดหันไปมองลู่เฉิงฮ่าวไม่ได้ “แค่เราสองคนอาหารเยอะขนาดนั้นเยอะเกินไปหรือเปล่าคะ?”
ลู่เฉิงฮ่าวพูดอย่างเอาแต่ใจ “แต่นี่เป็นเมนูที่ผมอยากกิน เมื่อกี้ผมพูดไปแค่สี่เมนู นี่ผมคำนึงถึงแล้วว่าเรากินกันแค่สองคน ไม่งั้นผมยังอยากจะกินอย่างอื่นอีก”
ลั่วเสี่ยวชิงหมดคำพูด จึงรีบเอ่ยว่า “ได้ค่ะ กี่เมนูนี้แล้วกันค่ะ”
ลั่วเสี่ยวชิงกลัวว่าถ้าเธอไม่รีบพูด เดี๋ยวลู่เฉิงฮ่าวจะพูดชื่อเมนูอื่นออกมาอีก
หลังจากนั้นลั่วเสี่ยวชิงจึงตั้งใจเลือกวัตถุดิบพร้อมลู่เฉิงฮ่าว
ลั่วเสี่ยวชิงต้องเป็นคนเลือกอยู่แล้ว ส่วนลู่เฉิงฮ่าวก็เป็นคนเข็นรถเข็นตามหลังลั่วเสี่ยวชิง