“นายน้อยเฟิง เหตุใดจะต้องมีน้ำโหเพราะวาจาของดรุณีน้อยเช่นนี้ด้วยเล่า ?”
บุรุษวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากเฟิงอู๋กล่าวด้วยความฉงนและไม่รู้ความเป็นมาเป็นไป ราวกับเขาไม่รู้ว่าซูเสี่ยวจวิ้นเป็นใคร
“นั่นสิ ทำไมจะต้องฉุนเฉียวเพราะเจ้าเด็กน้อยนี่ ต่อให้พวกนางจะได้ผลจินหยินไป มันก็มีพลังเพียงขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็มีเพียงไม่กี่คน หากนายน้อยเฟิงไม่สบอารมณ์จริงๆ พวกเราจะจัดการให้สิ้นซากเอง”
บุรุษวัยกลางคนอีกคนลุกขึ้นยืนและกล่าวเสริม ทว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสอย่างชัดเจน
“ฮ่า ฮ่า แน่ล่ะสิ คนต่ำช้าแบบเดียวกันก็ต้องอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว”
ซูเสี่ยวจวิ้นไม่สะทกสะท้านใด ๆ นางเพียงกล่าวเย้ยหยันพวกเขาอีกครั้ง
“เจ้าเด็กสามหาว รนหาที่ตายซะแล้ว !”
เมื่อบุรุษดังกล่าวได้ยินวาจาดูหมิ่นของซูเสี่ยวจวิ้น ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโมโหถึงขีดสุด เขาไม่ลังเลใด ๆ อีกต่อไปและง้างฝ่ามือหมายจะฟาดสั่งสอนดรุณีวาจาสามหาวตรงหน้า
“หนวกหู!”
เหวินซื่อชู่เอ่ยขึ้นเบา ๆ พลางยื่นมือออกมาขวางการจู่โจมของอีกฝ่ายทันที
บุรุษวัยกลางคนทั้งสองล้วนเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวพิภพและมีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่เป็นรองใคร ซูเสี่ยวจวิ้นและคณะเดินทางไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของทั้งสองมาก่อนและพวกเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทั้งสองมาอยู่กับเฟิงอู๋ได้อย่างไร
ตูม !
ทันใดนั้นเกิดเสียงการปะทะดังสนั่น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน โชคดีที่มีใครบางคนมองเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ ดังนั้นจึงได้โบกมือเพื่อสร้างม่านพลังขึ้นและป้องกันผลจากการปะทะโดยเกรงว่าโรงเตี๊ยมทั้งหลังจะถูกทำลายไปโดยตรง
ตึก ตึก ตึก !
เหวินซื่อชูก้าวถอยหลังไปสามก้าวก่อนที่จะยืนผงาดอยู่กับที่อย่างมั่นคง
บุรุษวัยกลางคนก็ถอยหลังไปสองก้าวก่อนที่จะหยุดนิ่งเช่นกัน
“ผู้อาวุโสเฮย อย่าประมาทศัตรูเชียวล่ะ ท่านรู้หรือไม่ว่าดรุณีสามหาวและบุรุษเย็นชาตรงหน้าเป็นใคร ?”
เฟิงอู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”
สีหน้าของบุรุษที่เฟิงอู๋เรียกว่าผู้อาวุโสเฮยบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ทว่าเขายังคงส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ทราบตัวตนของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง
“บุรุษตรงหน้าคือเหวินซื่อชู่ผู้อยู่ในอันดับที่สองของทำเนียบรุ่นเยาว์ ส่วนเด็กฝีปากกล้าถัดจากเขาคือบุตรีของผู้นำแห่งขุมกำลังไร้คู่เปรียบที่ใหญ่เป็นอันดับสอง–ซูเสี่ยวจวิ้น”
เฟิงอู๋กล่าวด้วยท่าทีและน้ำเสียงเย้ยหยัน แม้ว่าเขากำลังแนะนำเหวินซื่อชู่และซูเสี่ยวจวิ้นให้คนทั้งสองได้รู้จัก เขาก็ไม่ปกปิดความอาฆาตมาดร้ายในแววตาและน้ำเสียงแม้แต่น้อย
สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสเฮยเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความชะงักงันเมื่อได้รู้ตัวตนของคนที่เขาลงมือจู่โจมไปเมื่อครู่
เขาไม่คิดเลยว่าเหวินซื่อชู่และซูเสี่ยวจวิ้นจะเป็นคนมากพรสวรรค์อีกทั้งยังเป็นผู้เยาว์จากขุมกำลังใหญ่ที่ทรงอำนาจ
“ฮ่า ฮ่า ข้าก็นึกว่าเป็นใคร ที่แท้ก็คือสองชายแก่ขอบเขตจ้าวพิภพที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วดินแดนอ้างว้าง คู่หูปีศาจดำขาวนั่นเอง!”
* (เฮย 黑 =สีดำ , ไป๋ 白 =สีขาว)
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของฉีอวิ๋นเหล่ยค่อย ๆ ก้าวตรงมาปรากฏตัวยืนข้างซูเสี่ยวจวิ้นและเหวินซื่อชู่ เมื่อได้ยินเฟิงอู๋เรียกบุรุษวัยกลางคนว่าผู้อาวุโสเฮย เขาก็ทราบทันทีว่าบุรุษทั้งสองที่ติดตามมากับเฟิงอู๋เป็นใคร
“นายน้อยแห่งขุมกำลังราชาสวรรค์ผู้ซึ่งครองอันดับหกในทำเนียบรุ่นเยาว์–ฉีอวิ๋นเหล่ย”
เฟิงอู๋เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ที่ก้าวออกมาคือใคร เขาไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่นายน้อยแห่งขุมกำลังราชาสวรรค์ผู้นี้รู้ตัวตนของผู้ติดตามทั้งสองของตน
ในทำเนียบรุ่นเยาว์ หากจะกล่าวว่าใครรู้จักดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ดีที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นฉีอวิ๋นเหล่ยผู้นี้
ฉีอวิ๋นเหล่ยดูเป็นมิตรและอ่อนโยนซึ่งดูจะไม่มีพิษภัยใด ๆ อย่างไรก็ตาม เขามีหูตากว้างไกลและเฉียบแหลมสำหรับข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบในดินแดนอ้างว้าง เขารู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายทั้งเรื่องที่ควรและไม่ควรรู้ รวมถึงข้อมูลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีและร้าย นับประสาอะไรกับตัวตนของผู้อาวุโสขอบเขตจ้าวพิภพผู้มีชื่อเสียงด้านลบกระฉ่อนไปทั่วดินแดน
ซึ่งคู่หูปีศาจดำขาวนามว่าเฮยและไป๋สองคนนี้คือผู้ที่ไม่เป็นที่ต้อนรับขับสู้ในดินแดนอ้างว้าง
ทั้งสองต่างก็มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีและมีพลังในขอบเขตจ้าวพิภพ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองต่อสู้ร่วมกัน พลังของพวกเขาเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เลย แม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะบางคน ถ้าคนเหล่านั้นไม่ทรงพลังมากพอก็อาจไม่มีทางรับมือกับพลังที่ผสานกันของคู่หูปีศาจดำขาวนี้ได้
และบุรุษสองคนนี้คือผู้ที่หลงใหลในการทำสิ่งชั่วร้ายและสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นการรังแกขู่เข็ญผู้อ่อนแอหรือทำลายชีวิตศัตรูจนเหลือเพียงชื่อ ด้วยเหตุนั้น ชื่อเสียงด้านความชั่วร้ายของพวกเขาจึงฉาวโฉ่แผ่ไปทั่วดินแดนและขุมกำลังมากมายต่างก็รังเกียจเดียดฉันท์พวกเขาเป็นที่สุด
ไม่อาจรู้ได้ว่าเฟิงอู๋มีความสัมพันธ์กับสองคนนี้อย่างไร
“เหอะ ก็แค่คณะเดินทางของกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ไม่กี่คน แล้วอย่างไร ?”
บุรุษวัยกลางคนอีกคนกล่าว เขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสไป๋
“ไม่ว่าใครหน้าไหนที่พวกข้าหมายหัว ไม่มีทางเลยที่คนพวกนั้นจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเราทั้งสองไปได้ แม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะก็ยังต้องหลีกทางให้กับพวกข้า พวกเจ้าที่เป็นเพียงจอมยุทธ์จ้าวพิภพมือใหม่ บางคนก็ยังไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตจ้าวพิภพด้วยซ้ำ มีอะไรให้พวกข้าต้องเกรงกลัวงั้นรึ ?”
บุรุษชรานามว่าเฮยกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อน
แม้ว่าตัวตนและสถานะของเหวินซื่อชู่ไม่ได้ธรรมดาเลย ทว่ามันก็ยังไม่มากพอที่จะอยู่ในสายตาของพวกเขา
ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ไม่พอใจคู่หูปีศาจดำขาวนี้ ทว่าก็ไม่มีใครที่สังหารพวกเขาได้ พวกเขาทั้งสองใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระ ต่อให้จะต้องประจันหน้ากับจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะต่อสู้และหลบหนีออกไปได้
ด้วยเหตุนั้น ต่อให้ทั่วทั้งดินแดนอ้างว้าง คู่หูปีศาจดำขาวจะมีศัตรูคู่อาฆาตมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ากลับไม่มีใครที่ปลิดชีวิตพวกเขาได้
“หน้าไม่อายจริง ๆ จอมยุทธ์ชราในขอบเขตจ้าวพิภพสองคน คิดจริงหรือว่าทั้งแผ่นดินนี้จะไม่มีใครจัดการกับพวกเจ้าได้ ?”
ซูเสี่ยวจวิ้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
นางเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของบุรุษชราทั้งคู่มาก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยการพึ่งพาทักษะที่ทั้งสองได้เรียนรู้มาซึ่งเป็นทักษะที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ทั้งสองจึงสามารถรับมือกับจอมยุทธ์ในขอบเขตจ้าวสุริยะได้โดยที่ไม่เสียเปรียบ นอกจากนี้ก็ยังกระทำเรื่องที่ไร้ยางอายและชั่วร้ายไปทั่วทั้งดินแดน
การกระทำเช่นนี้น่าเกลียดอย่างที่สุด
ถ้าไม่ใช่เพราะคนบางกลุ่มไม่ต้องการให้เกิดสงครามการนองเลือด บุรุษชราทั้งสองคนนี้คงถูกกำจัดจนสิ้นซากไปนานแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกข้าท่องอยู่ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้มานานเกือบร้อยปีและไม่มีใครหน้าไหนที่กล้าหือกับพวกข้าแม้แต่คนเดียว อย่างน้อยก็ไม่มีใครฆ่าพวกข้าได้ จอมยุทธ์มือใหม่อย่างพวกเจ้าจะมีฝีมือทำอะไรได้”
บุรุษชรานามว่าไป๋ยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เขาดูเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่าผู้อาวุโสเฮยเสียอีก
“ในเมื่อเจ้าทำให้นายน้อยเฟิงไม่พอใจ เจ้าก็ถือเป็นศัตรูของพวกข้าเช่นกัน ไหน ๆ วันนี้เราก็ได้พบกันแล้วก็สะสางเรื่องนี้ให้จบไปเสียเถอะ ถ้าพวกข้าปล่อยพวกเจ้าไปง่าย ๆ ก็คงเสียชื่อผู้ติดตามของนายน้อยเฟิง”
ทันทีที่สิ้นเสียงผู้อาวุโสไป๋ แรงกดดันทรงพลังก็แผ่ออกมาอย่างเด่นชัด
บุรุษชราไม่ยับยั้งตนเองอีกต่อไปขณะปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาเป็นบริเวณกว้าง
“พวกเจ้าคู่หูปีศาจดำขาวไม่อับอายที่ต้องกลายเป็นลูกสมุนของคนอื่นรึ ? พวกเจ้าเต็มใจรับใช้เฟิงอู๋อย่างสุนัขรับใช้เช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?”
ซูเสี่ยวจวิ้นไม่มีความหวั่นกลัวใด ๆ ในหัวใจ
แม้ว่าแรงกดดันที่แผ่มาจากคู่หูปีศาจดำขาวจะรุนแรงพอสมควร นางก็มีความรู้ความสามารถกว้างขวาง ต่อให้ประจันหน้ากับจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งมากมายนางก็ไม่เกรงกลัว นับประสาอะไรกับสุนัขรับใช้อย่างคู่หูปีศาจดำขาวตรงหน้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยเฟิงอู๋เห็นค่าในความสามารถของพวกเราและตระกูลเฟิงก็ให้ความเคารพยำเกรงไม่ดูแคลนพวกข้า การที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นธรรมดาที่พวกข้าจะยอมเป็นผู้ติดตามรับคำสั่งของนายน้อยเฟิง”
บุรุษชรานามว่าไป๋ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและไม่ได้เกรี้ยวโกรธเพราะวาจาของซูเสี่ยวจวิ้น
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันบนร่างกายของเขาพุ่งตรงเข้าจู่โจมซูเสี่ยวจวิ้นโดยตรงจนนางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ชายแก่สองคนนี่พูดจาน่ารำคาญหูจริงเชียว !”
ฉินอวี้โม่ซึ่งนิ่งเงียบไม่มีบทบาทมาตั้งแต่แรกเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด นางทนเห็นความยโสโอหังของชายชราทั้งสองคนตรงหน้าไม่ไหวอีกต่อไป
“ข้ารู้ว่าเป็นเพราะทักษะพิเศษบางอย่าง พวกเจ้าทั้งสองจึงสามารถผสานพลังเข้าด้วยกันและรับมือกับจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะได้ในระยะสั้น ๆ ทว่าพวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าตนเองจะไร้เทียมทาน ?”
ในชีวิตก่อน ตอนที่นางศึกษาตำราทักษะประเภทต่างๆ ฉินอวี้โม่ก็พบว่ามีวิชาเช่นนั้นอยู่จริงนางถึงขั้นทราบว่ามันเป็นทักษะกังฟูที่พิเศษประเภทหนึ่ง
ด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่แปลกใจในทักษะของคู่หูปีศาจดำขาว
จอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ทั้งสองคงจะไม่ดำรงชีวิตในดินแดนที่นับถือพลังเป็นใหญ่มาได้นานขนาดนี้โดยที่ปราศจากไพ่ตายใด ๆ
อย่างไรก็ตาม หากรับมือกับพวกเขาเพียงลำพัง พลังความแข็งแกร่งของบุรุษทั้งสองก็ไม่อาจจะประมาทได้ ทว่าเมื่อเป็นการต่อสู้ที่ยุ่งเหยิงและมีผู้คนมากมายเข้ามาข้องเกี่ยว คู่หูปีศาจดำขาวนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเลย
ตราบใดที่หนึ่งในทั้งสองติดพันอยู่กับคู่ต่อสู้ พวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถแสดงทักษะที่พิเศษของตนเองได้และพวกเขาก็จะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
บัดนี้กองทัพอสูรของฉินอวี้โม่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในการประจันหน้ากับคู่หูปีศาจดำขาวคู่นี้ นางมั่นใจว่าจะไม่แพ้
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ซึ่งบ่งบอกว่ามองทะลุปรุโปร่งถึงไพ่ตายของพวกเขา สีหน้าของผู้อาวุโสเฮยและไป๋ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หึ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบบุคคลที่ความรู้กว้างขวางและสายตาเฉียบคมเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นใคร ?”
บุรุษชราไป๋แค่นเสียงในลำคอขณะพยายามสัมผัสถึงระดับพลังของฉินอวี้โม่
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่มีทางปล่อยให้คู่หูปีศาจดำขาวตรวจระดับพลังของนางได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ นางได้สั่งให้พลับพลึงแดงซ่อนเร้นพลังของนางไว้เพื่อที่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถหยั่งถึงระดับพลังที่แท้จริงของนาง
“เป็นไปไม่ได้ !”
บุรุษชรานามว่าไป๋ไม่อาจสำรวจถึงระดับพลังของฉินอวี้โม่ได้เลย เขาอดขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยไม่ได้
โดยปกติแล้ว หากไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังของจอมยุทธ์ได้ นั่นเป็นเพราะพลังของคนผู้นั้นอยู่ในระดับสูงเกินไป หรือคนผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ หรือไม่ก็คนผู้นั้นครอบครองอุปกรณ์มายาที่พิเศษบางอย่าง
และจากสิ่งที่เห็น ไม่มีทางที่ฉินอวี้โม่จะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์
สำหรับพลังที่สูงเกินไปจนตรวจสอบไม่ได้นั้นมีความเป็นไปได้ไม่มากนัก จากมุมมองของอีกฝ่าย เป็นไปได้มากว่าฉินอวี้โม่มีอุปกรณ์หรือสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่มีความสามารถในการซ่อนเร้นระดับพลังของนางได้
ด้วยการครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนั้น ผู้ติดตามเฮยไป๋ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวตนของฉินอวี้โม่ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน
“นายน้อยเฟิง คนผู้นี้คือใครหรือขอรับ ?”
บุรุษชรานามว่าไป๋เอ่ยกับเฟิงอู๋ด้วยความเคารพ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย
เฟิงอู๋มองฉินอวี้โม่และกัดฟันกรอด เขากำลังเดือดดาลอย่างที่สุด
หากฉินอวี้โม่ไม่ได้โผล่มาก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่เสียท่าให้กับฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่ ยิ่งไปกว่านั้น การที่จอมยุทธ์ลึกลับผู้นี้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันได้สร้างความอับอายให้กับเขาอย่างที่สุด
เมื่อเทียบกับฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่ เขาโกรธแค้นฉินอวี้โม่มากกว่าใครอื่น
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยได้ยินหรือรับรู้เรื่องราวและไม่เคยพบหน้าบุรุษลึกลับนามว่าฉินอวี้โม่มาก่อน
หากฉินอวี้โม่เอ่ยตัวตนที่แท้จริงของตนเองออกไป จูตี๋และเฟิงอู๋คงจะรู้ได้ในทันที ทว่าแน่นอนว่าไม่มีทางที่ฉินอวี้โม่จะบอกกล่าวเช่นนั้น
“ข้าเองก็ไม่ทราบ ทว่าระดับพลังของคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหวินซื่อชู่และฉีอวิ๋นเหล่ยเลย อีกทั้งยังมีทักษะที่พิเศษอย่างทักษะล่องหนซึ่งยากที่จะรับมือ”
เฟิงอู๋ส่ายศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อได้ยินว่าบุรุษลึกลับผู้นี้มีทักษะล่องหนอำพรางตัว คู่หูปีศาจดำขาวก็มองหน้ากันและนิ่วหน้าเล็กน้อย
แม้แต่เฟิงอู๋ก็ยังไม่รู้จักตัวตนของคนผู้นี้ซึ่งมีพลังมากพอสมควร อีกทั้งยังมีวิชาล่องหน
คนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างแท้จริง
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองมีความรู้กว้างขวาง พวกเขาก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอื่นที่มีพรสวรรค์มากเช่นนี้
“เหอะ ต่อให้เจ้ามีวิชาล่องหนแล้วอย่างไร การสวมหน้ากากบดบังใบหน้าและไม่กล้าสู้หน้าผู้คนเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่”
ผู้อาวุโสเฮยแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ฮ่าฮ่า ข้าเกรงว่าถ้าถอดหน้ากาก พวกเจ้าจะต้องรู้สึกอับอายจนต้องกลั้นใจตาย”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างไม่กลัวเกรง
“สามหาวนัก เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว !”
สีหน้าของบุรุษชราเปลี่ยนไปและร่างของเขาพุ่งตรงไปจู่โจมฉินอวี้โม่ทันที
.