เกาไห่หันกลับมา เล่อจยาก็โผล่หน้าออกมาจากในรถ แล้วเลิกคิ้ว
“คุณเกา มีบางเรื่อง เราพิจารณากันแล้ว เลยตัดสินใจว่าต้องบอกกับคุณ”
“เรื่องอะไร?” เกาไห่ถาม
“เกาเหวินเธอ……เธอเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย เธอไม่ให้เราบอกใคร แต่สถานการณ์อย่างนี้เธอสามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ ฉะนั้น พวกเราเลยลองถามดู……” คำที่เหลือ ตำรวจที่ดูแลเรือนจำไม่ได้พูดอะไรต่อ
ถึงแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นเธออย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็เติบโตมาแด้วยกัน เกาไห่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว
เล่อจยารีบลงจากรถ ไปพยุงเขา “สามี คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เกาไห่เม้มปาก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหัวกับเล่อจยา แล้วหันไปมองตำรวจ “พวกคุณถามความคิดเห็นของเธอเถอะ ถ้าเธอต้องการออกมา พวกคุณก็ติดต่อกับฉัน ถ้าไม่ต้องการ……” เขากลืนน้ำลาย เล่อจยาพบว่าในตาเขามีน้ำตาคลอ “ถ้าไม่ต้องการ ก็ปล่อยเธอไปเถอะ”
พูดจบ ทั้งสองคนก็ขึ้นรถไป
หลังจากทั้งสองคนนั่งลง เล่อจยาก็จับมือของเกาไห่ “มิเช่นนั้น เราก็ให้เธอออกมาเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวของคุณ”
เกาไห่มองเล่อจยา ตบเบาๆสองทีที่หลังมือของเธอ “คุณภรรยา ฉันไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดาหรอกนะ แต่ว่าฉันเชื่อเรื่องกงกรรมกงเกวียน เธอทำเรื่องเลวร้ายมามาก นี่คือกรรมที่ตามสนอง”
พูดจบก็เอนหลังพิงเบาะรถ หลับตาลง แล้วไม่พูดอะไรอีก
เล่อจยาเข้าใจ ว่าเขาจ้องไม่สบายใจอย่างแน่นอน ตลอดเส้นทางก็เลยไม่ได้พูดอะไร
เพราะเรื่องนี้ ในตอนกลางคืนทั้งสองคนจึงนอนไม่ค่อยหลับ
วันต่อมา เมื่อปรากฏตัวต่อหน้าซูหย่า เล่อจยาจึงอยู่ในสภาพที่แย่อย่างมาก
เพราะเกิดเรื่อง”แท้งลูก”อย่างนี้ พิธีแต่งงานระหว่างตระกูลซูกับตระกูลเซียว เลยเลือกที่จะจัดขึ้นอย่างเงียบๆ
เดิมทีที่วางแผนจะจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ท้ายที่สุดในวันแต่งงานนี้ก็มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงทั้งสองฝ่ายมา สิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าเอิกเกริก ก็คือการเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนต่างๆ
นอกประตูของตระกูลซู ถูกล้อมรอบจนเรียกได้ว่าแน่นขนัด
“จยาจยา คุณทะเลาะกับเกาไห่เหรอ?ทำไมคุณตาบวมขนาดนี้?” เมื่อซูหย่าเห็นเล่อจยา เลยเอ่ยถาม
เล่อจยานั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง สำหรับซูหย่าแล้ว เธอไม่เคยปิดบังอะไรได้เลย จึงเล่าเรื่องเมื่อวานนี้ที่แม่เล่อไปหาเธอที่เกากรุ๊ปบอกว่าต้องการซื้อบ้านอยู่กับเล่อเหวิน แล้วก็เล่าเรื่องเกาเหวิน ให้ซูหย่าฟังหมด
“อะไรกัน เธอต้องการสินสอดจากเกาไห่เหรอ?แม่คุณนี่ หน้าไม่อายจริงๆเลย เธอไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคุณเลยใช่ไหม?” พูดจบก็นั่งลงข้างๆเล่อจยา กอดคอเธอ แล้วตบหลังเธอเบาๆ “พอเถอะ สำหรับคนอย่างเธอแล้ว ต้องทุกข์ใจถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“ไม่ทุกข์ใจหรอก เกาไห่รับปากกับฉันแล้ว ว่าจะไม่ให้เธอ แต่ว่าเรื่องเกาเหวิน เสี่ยวหย่าคุณว่า ฉันจะบอกให้เกาไห่ไปรับเธอออกมาดีไหม?”
ซูหย่าคิ้วขมวด ผลักเล่อจยา แล้วเคาะไปที่หน้าผากเธอ “นี่คุณโง่หรือไง ไม่นานเธอก็ต้องตายอยู่แล้ว ยังจะให้คุณต้องมารับชะตากรรมร่วมด้วย ผู้หญิงอย่างนี้ฉันว่าน่ากลัวกว่าไห่ยุ่นอีกนะ”
เล่อจยาถูกซูหย่าอธิบายอย่างนี้ ความคิดในใจก็กำจัดทิ้งไปหมด เธอไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ สำหรับคนประเภทเกาเหวินนั้น จริงๆเธอก็กลัวอยู่
“คุณ……”
“ก๊อกๆ……” คำพูดของซูหย่าถูกตัดบทด้วยเสียงเคาะประตู
เล่อจยาบอกใบ้ว่าเธอไม่ต้องขยับ ลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เห็นเซียวอู๋ที่หน้าดำคร่ำเครียด
วันนี้เขาใส่ชุดสูทรองเท้าหนัง ดูเท่ดูมีสง่าอย่างมาก พรุ่งนี้สื่อต้องเขียนข่าวให้วุ่นวายแน่” เล่อจยาอดต่อว่าไม่ได้
เซียวอู๋จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา เดินอ้อมเธอ ไปยังซูหย่า หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ “วันนี้ออกจากประตูทางศาสนาแล้ว ชั่วชีวิตนี้ จะเป็นจะตาย พวกเราก็ต้องผูกพันอยู่ด้วยกัน”
ซูหย่าเหมือนจะรู้ว่าเซียวอู๋จะต้องพูดแบบนี้ เธอจึงลูบท้องน้อยด้วยจิตสำนึก “ต้องจ่ายไปมากขนาดนี้ คงไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน”
เซียงอู๋คิดว่าเธอพูดเรื่องการแท้งลูก สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมอย่างมาก แต่เล่อจยาเข้าใจความหมายที่แท้จริงของซูหย่า และแต่ละคนก็มีความคิดของตัวเอง
แม่ซูเป็นห่วงร่างกายของซูหย่า เดิมทีขั้นตอนการแต่งงานที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องยกเลิกไปโดยตรง
คนตระกูลเซียวตำหนิเล็กๆน้อยๆ แต่ก็มีความเกรงใจ ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร
ดังนั้น สิ่งที่เขียนบนกระดาษแดงเมื่อวาน ก็แทบจะเป็นโมฆะไป
หลังจากพิธีแต่งงานจบสิ้น ในที่สุดซูหย่าก็ยังกลับไปที่ตระกูลเซียว
ฉากวันมงคลที่งดงาม แสงไฟในเรือนหอยามค่ำคืน
หลังจากซูหย่าอาบน้ำแล้ว ก็เข้าไปเอนตัวลงนอน
ในความสะลึมสะลือ เธอได้กลิ่นเหล้าฉุนเข้ามาในจมูก หลังจากนั้นก็ร่างกายที่หนักๆกดลงมาบนตัวเอง
เมื่อลืมตาขึ้น ก็พบกับสายตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง “อ๊ะ ” ใช้กำลังผลักร่างกายผู้ชายออก “คุณ…คุณ จะทำอะไร?”
สายตาที่เยือกเย็นของชายหนุ่ม กวาดมายังบนเตียง มองหญิงสาวที่ตื่นตระหนก ส่งเสียงหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืน ปลดเข็มขัดออก ต่อจากนั้น ก็ถอดเสื้อผ้า
ซูหย่ากลืนน้ำลายเล็กน้อย แล้วเปิดผ้าห่มออก กระโดดลงจากเตียง “คุณ…คุณบ้าไปแล้ว ฉันเพิ่งจะแท้งลูก ไม่…ไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้”
ชายหนุ่มที่เปลือยกายอยู่ในขณะนี้ เขาเดินเข้ามายังซูหย่า เดินเข้ามาทีละก้าวๆ
ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าและกลิ่นของชายหนุ่ม
ซูหย่าถอยหลังทีละก้าวๆ จนกระทั่งหลังติดกับกำแพงที่เย็นเฉียบ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ในสายตามีความหวาดกลัว “คุณ คุณอย่ามาทำซี้ซั้วนะ”
ชายหนุ่มหยุดยืนห่างจากเธอหนึ่งก้าว ยืนแขนเรียวยาวออกมา ใช้กำลังจับขากรรไกรของเธอ “อยากเล่นเกมวางหลุมพรางไม่ใช่เหรอ?อยากให้ฉันแตะต้องตัวคุณเหรอ?ฉันจะบอกคุณให้นะ คุณ….ฝันไปเถอะ ชั่วชีวิตนี้ ฉันไม่มีวันแตะต้องคุณ อยากแต่งงานกับฉันไม่ใช่เหรอ?ได้ ฉันจะให้คุณ เป็นหม้ายไปตลอดชีวิต”
พูดจบ ก็สะบัดมือออกอย่างแรง ซูหย่าล้มลงบนพื้น เธอกุมท้องน้อยด้วยจิตสำนึก ถึงแม้คำพูดของซูหย่าจะทำให้ภายในใจของเธอเป็นทุกข์ แต่นึกถึงเด็กในท้อง ก็ยังโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
เสียงประตูปิดดัง”ปัง” ซูหย่าค้ำกับกำแพง ลุกขึ้นยืน แล้วเอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
เวลานี้ มือถือก็สว่างขึ้นเล็กน้อย หยิบมาดู คือเล่อจยาที่ส่งวีแชตเข้ามา “สบายดีไหม?”
สามคำง่ายๆที่ทำให้ซูหย่าขอบตาแดงก่ำ ด้วยความน้อยใจที่โจมตีอยู่ภายในใจ เม้มปาก แล้วตอบกลับว่า “พรุ่งนี้จะไปบ้านคุณ”
“คุณต้องลองถามความคิดเห็นของตระกูลเซียวนะ ถึงอย่างไรต่อไปคุณก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อ”
ซูหย่าตกตะลึงเล็กน้อย “อย่างนั้นพรุ่งนี้ค่อยพูด”
วันต่อมา ซูหย่าตื่นแต่เช้าตรู่ ถึงแม้เซียวอู๋จะไม่ต้องการพบหน้าเธอ แต่เธอก็ตัดสินใจแล้วที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ จึงไม่สามารถพูดเรื่องที่ไม่น่าพอใจกับคนอื่นได้ เมื่อลงมา บนโซฟาในห้องรับแขก ก็มีคนนั่งอยู่ไม่น้อย
“แม่ เสี่ยวหย่าลงมาแล้ว” คนที่พูดคือแม่เซียว
เดินเข้าไปดึงมือของซูหย่า “เสี่ยวหย่า มา มานั่งสิ”
“คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ถึงแม้ปกติของซูหย่า จะดูไม่สนใจไยดีอะไร แต่ตั้งแต่เด็ก เติบโตมาในครอบครัวใหญ่ เรื่องมารยาทเล็กๆน้อยๆ เธอก็ทำได้ดีมาโดยตลอด
“ยัยหนู มา มานั่งตรงย่านี่” คุณย่าตบลงตรงพื้นที่ว่างข้างๆตัว
ซูหย่าพยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณย่า”
“ยัยหนู…..” คุณย่าดึงมือของซูหย่า พูดอึกๆอักๆ