ปี๋ไคเห็นการตอบสนองของเล่อจยา ก็มองตามสายตาเธอไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นเซียวอู๋ในชุดทหาร เขาใช้มือดันหัวซูหย่าไป แล้วเชยคางเธอขึ้น
เมื่อซูหย่าหันไปเห็นเซียวอู๋ เธอก็ตกตะลึง ทันทีหลังจากนั้นการแสดงออกก็กลับมาเป็นปกติ “ไคไค เขาคือผู้ชายที่แต่งงานกับฉัน”
เล่อจยาขมวดคิ้ว คิดตำหนิอยู่ในใจ : เรื่องราววุ่นวายใหญ่โตแล้ว ถึงแม้ว่าเซียวอู๋คนนี้จะไม่ชอบซูหย่า แต่ผู้ชายคนไหนจะทนให้ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใกล้ชิดสนิทสนมกับชายอื่นได้ล่ะ
คิดๆแล้ว เธอรู้สึกอยากจะอธิบาย “เสี่ยวอู๋ อันที่จริงแล้วเรื่องราว……”
ฉับพลันกลิ่นหอมๆก็โชยแตะจมูก สาวสวยหุ่นดีคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พวกเขา “เซียวอู๋ ขอโทษนะ บนถนนรถมันติด ฉันเลยมาช้า”
ผู้หญิงเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสีดำ มวยผมไว้ด้านหลัง มองออกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน เพียงใบหน้าดูดีมีน้ำมีนวล
แต่ว่า……มือของผู้หญิงคนนั้น ควงแขนของเซียวอู๋อยู่ ความสัมพันธ์นี้มันผิดปกติตั้งแต่แรกเห็น
จนกระทั่งคำพูดต่อมาของเล่อจยา ก็กลืนกลับไป
“เธอเป็นใคร?” ซูหย่าเอ่ยถาม
เซียวอู๋ยกยิ้มขึ้น หันไปมองผู้หญิงคนนั้น “เธอถามคุณ ว่าคุณเป็นใคร?”
ผู้หญิงคนนี้จึงมองซูหย่าได้ชัดๆ เมื่อเห็นหน้าเธออย่าชัดเจนแล้ว เธอก็แข็งทื่อไปทั้งตัว หลังจากนั้นมือก็ตกลง
งานแต่งงานของซูหย่าและเซียวอู๋เพิ่งผ่านไป ผู้หญิงคนนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จัก
“ฉัน……ฉัน……” หญิงสาวพูดติดอ่างขึ้นมา
เล่อจยาถอนหายใจ “เสี่ยวอู๋ นี่คุณทำไม่ถูกนะ คุณเพิ่งจะแต่งงาน ก็ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นแล้วเหรอ?อีกทั้งคุณกลับมาแล้ว ทำไมไม่ไปดูเสี่ยวหย่าบ้าง?”
เซียวอู๋ทำเสียงไม่พอใจ “ฉันเห็นว่าชีวิตเธอก็ดูสุขสบายดี ฉันต้องไปดูด้วยเหรอ?”
“นั่นเธอ……” เล่อจยาพยายาม อยากจะอธิบาย
ซูหย่ามองเธอตาขวาง เล่อจยาจึงปิดปากเงียบ ซูหย่าควงแขนปี๋ไคอีกครั้ง “ไคไค ฉันจะดื่มน้ำ”
คนที่เงียบที่สุดก็คือปี๋ไค ตลอดเวลาสีหน้าของเขาไม่ค่อยเปลี่ยนไป ได้ยินซูหย่าบอกว่าจะดื่มน้ำ เขาก็ยกขึ้นมา เป่าให้เล็กน้อย แล้วส่งให้ซูหย่า “ดื่มเถอะ ไม่ร้อนแล้ว”
ซูหย่าหอมแก้มเขาโดยไม่สนใจใคร “ขอบคุณนะ ไคไค”
เล่อจยากุมขมับ ไม่กล้าจะมองสีหน้าของเซียวอู๋
จนกระทั่ง “เซียวอู๋ ฉันหิวแล้ว เราไปทานข้าวกันเถอะ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างออดอ้อน
เล่อจยาเงยหน้าขึ้น มองผู้หญิงคนนั้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง แล้วมองซูหย่าที่สีหน้าเรียบเฉย เริ่มสวดภาวนาให้ผู้หญิงคนนั้น นิสัยของซูหย่า แตกต่างจากเธอเล็กน้อย คือมีแค้นก็ต้องชำระ หญิงสาวคนนี้แย่งสามีเธออย่างโจ่งแจ้ง ซูหย่าไม่สามารถปล่อยเธอไปแน่
เซียวอู๋จ้องมองไปที่ซูหย่า หันไปโอบเอวเธอแล้วเดินจากไป
เวลานี้ บริกรเดินเข้ามา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ไม่ทราบจะสั่งอาหารอะไรดีครับ?”
เล่อจยาเตรียมจะรับเมนูอาหารทา ปี๋ไคก็เริ่มสั่ง : ต้มแซ่บปลาผักดอง กุ้งน้ำเกลือ………
สั่งอาหาร 8 อย่าง กับของหวาน 2 อย่าง มีของที่ซูหย่าชอบกิน แล้วก็ของที่เธอชอบกิน
“คุณยังจำได้ด้วยเหรอว่าฉันต้องการอะไร?” ปี๋ไคเหยียดมือออกไปผลักหัวของซูหย่าออกจากแขน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “สายตาแย่จริงๆเลย”
ซูหย่าทุบแขนเขา “จะโทษฉันไม่ได้นะ?ทำไมคุณไม่แต่งงานกับฉันตั้งแต่แรกล่ะ?”
“ปัง” ที่นั่งข้างๆ ทุบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง
การแสดงออกของคนทั้งสาม ต่างก็แข็งทื่อ เล่อจยามองผ่านช่อกระจกเล็กๆเข้าไป แววตาสีเขียว ปรากฏเข้ามายังดวงตา
เธอทำท่าทีให้เงียบ ชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ พูดกระซิบเบาๆว่า: “คือเสี่ยวอู๋”
ปี๋ไคลดสายตาลง มองไม่เห็นการแสดงออก ส่วนซูหย่ายกแก้น้ำจิบอึกหนึ่ง
“ไคไค คุณกลับมาแล้วจะไปอีกเมื่อไร?”
ปี๋ไคหยุดชะงักเล็กน้อย “อาจจะไม่ไปแล้ว”
“ไม่ไปแล้ว?จริงเหรอ?” ปี๋ไคคือคนที่ค้นคว้าวิจัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ หลังจากไปเรียนที่ต่างประเทศ ก็อยู่ที่ต่างประเทศเลย หลายปีมานี้ จะกลับมาปีละครั้ง ซูหย่ามักจะพูดเสมอว่าเขาคือคนขายชาติ ประเทศชาติเลี้ยงดูเขามา แต่เข้าไปทำคุณงามความดีให้กับประเทศอื่น
“กลับมา ดูแลคุณได้สะดวกหน่อย”
ซูหย่ามองปี๋ไค “เชี่ย คำพูดนี้ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้?ถ้าพูดเร็วกว่านี้ ฉันก็ไม่แต่งงานแล้ว ไคไค”
เล่อจยาขมวดคิ้ว สองคนนี้จงใจแสดงละครให้เซียวอู๋ดูเหรอ?
“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไร คนคนนั้นของคุณก็ไปเลี้ยงเมียน้อยนอกบ้านไม่ใช่เหรอ?หากปี๋ไคไม่ถือสาล่ะก็ คุณก็เลี้ยงดูเธอไปเถอะ” เล่อจยากล่าวร่วมด้วย
ซูหย่าทำการถ่ายรูปกับปี๋ไคเล็กน้อย “อืม ไม่เลว หน้าตาดูละอ่อนดี”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูหย่าจึงเอ่ยปาก “ไคไค คุณใช้ชีวิตที่นั่น เป็นอย่างไรบ้าง?”
เล่อจยาได้ยิน ก็แทบจะสำลักน้ำ เธอกระแอมไออย่างรุนแรง มองๆคนโดยรอบ โชคดีที่ยังไม่มีใคร “เสี่ยวหย่า คุณไม่ต้อง….เปิดเผยขนาดนี้ได้ไหม?นี่มันที่สาธารณะนะ….”
ในทันทีก็มีเสียงกระแอมไอจากผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆดังเข้ามา เล่อจยาเข้าใกล้เล็กน้อย จนกระทั่งสามารถฟังได้ชัดถึง เสียงหายใจที่รุนแรงของเซียวอู๋
ส่งสายตามองค้อนซูหย่าเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ?ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรผิดนี่?คุณบอกว่าทำหน้าละอ่อน หรือว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญ?”
“เอาล่ะๆ ปัญหานี้ พอแค่นี้ ยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าท่า”
ซูหย่าแลบลิ้นใส่เธอ แล้วก้มหน้า เล่นกล่องกระดาษทิชชูบนโต๊ะ
“ไม่ลองหน่อยเหรอ?” เพียงแค่ด้านนี้สงบลง จู่ๆปี๋ไคก็ส่งเสียงพูด
เล่อจยารู้สึกว่า อาหารมื้อนี้ คงทานไม่ได้แล้ว
จู่ๆ ก็มีเสียงเก้าอี้ดังขึ้น
พอคนสองสามคนมีปฏิกิริยาตอบสนอง เงาสีเขียว พุงเข้ามาจากที่นั่งข้างๆ รองเท้าทหารเหยียบขึ้นมาบนโต๊ะของพวกเขาโดยตรง ต่อจากนั้น เสื้อของปี๋ไคก็ถูกดึงขึ้น
“มึงแม่งเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย ผู้หญิงของกู มึงก็กล้ามาแตะต้องเหรอ?”
คนทั้งหมดในห้องอาหาร ก็โกลาหลขึ้นมา บางคนก็แตกตื่น บางคนก็หนีออกจากสถานที่
เล่อจยาเห็นว่าหากทะเลาะกันต่อไป คาดว่าจะจัดการยาก จึงรีบเข้าไปดึงเซียวอู๋ “เสี่ยวอู๋ ก็แค่ล้อเล่นกัน คุณรีบปล่อยเถอะ”
แต่เซียวอู๋ไม่สะทกสะท้าน มือก็ยิ่งเพิ่มความแรงมากขึ้น สีหน้าของปี๋ไคก็ซีดเล็กน้อย
ซูหย่าร้องเชอะด้วยเสียงที่เย็นชา “คุณเซียวจะมายุ่งเรื่องของคนอื่น ช่วยเช็ดก้นของตัวเองให้สะอาดก่อนเถอะ” พูดจบ ก็หยุดชะงักลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า: “ปล่อยมือ!”
เซียวอู๋มองไปยังเธอ “เจ็บปวดใจเหรอ?”