เซี่ยฝูไห่เผยอุบายของเขาออกมา
เขาพูดต่อ “อีกไม่นานก่อนที่การต่อสู้ระหว่างฉินเฉิงกับซูหยู่ก็จะเริ่มแล้ว และฉันก็จะไปที่นั่นด้วย”
“แล้วยังไง?” เซี่ยฟู่หยุนถามอย่างสงสัย
เซี่ยฝูไห่ ยิ้มเบา ๆ: “ถ้าฉินเฉิงแพ้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่ถ้าฉินเฉิงชนะ นายลองเดาสิว่าจะว่าเขาจะเป็นอย่างไง?”
“ก็คงจะเหนื่อยล้ามาก” เซี่ยฝูหยุนกล่าว
“ใช่!” เซี่ยฝูไห่ เยาะเย้ย “ความแข็งแกร่งของซูหยู่นั้นเหนือกว่าฉินเฉิงมาก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากฉินเฉิงชนะจริงๆ มันต้องอยู่ในสภาพที่อ่อนล้า และฉันจะฆ่าในตอนนั้น นายคิดว่าไง?”
ดวงตาของเซี่ยฝูหยุนเป็นประกายและพูดว่า: “ไม่เพียงล้างแค้นให้พี่ใหญ่ได้ แต่ยังได้ความโปรดปรานจากตระกูลซู!”
“ถูกต้อง ฮ่าๆๆ!” เซี่ยฝูไห่เงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “รอเถอะ ทุกอย่างมันจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน”
…
ฉินเฉิงยังคงทำสมาธิ
เขาลืมเรื่องตระกูลเซี่ยไปนานแล้ว และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลเซี่ยยังคงจับตามองเขาอยู่
การทำสมาธิครั้งนี้กินเวลาทั้งสัปดาห์
เหลือเวลาเพียงสิบวันก่อนการสู้รบกับซูหยู่
ทุกฝ่ายได้เตรียมการประลองนี้ มีหลายที่ได้ลงทุนไปกับการโฆษณา โดยหวังว่าจะเป็นการโปรโมต
สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่เสียเงินเปล่า กลับทำเงินได้หลายสิบล้าน
“เอาล่ะ การพนันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” ที่สมาคมศิลปะการต่อสู้ คุณชายหวังดำเนินธุรกิจการพนันนี้อีกครั้้ง
คราวนี้ไม่มีใครกล้าลงทุนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
คืนนั้นมีการโพสวิเคราะห์เปรียบเทียบพลังการต่อสู้ระหว่างฉินเฉิงกับซูหยู่
“ซูหยู่อายุ 29 ปี จอมยุทธระดับสี่ การต่อสู้มาแล้ว 32 ครั้ง ชนะ 32 ครั้ง ตอนอยู่ในระดับปรมาจารย์เคยเอาชนะจอมยุทธระดับต้นมาแล้วสามคน”
“ฉินเฉิง อายุ 27 ปี อยู่ระหว่างการเป็นจอมยุทธเต็มตัว ต่อสู้มา 9 ครั้ง ชนะ 9 ครั้ง เอาชนะจอมยุทธทั้งหมด 4 คน รวมถึงตัดหัวปรมาจารย์อีกด้วย”
“นี่เป็นสรรพคุณที่เอาให้ทุกคนพิจารณา”
ตัวตนของผู้ใช้รายนี้ลึกลับ แต่เขารู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี
เขารู้ว่าแม้กระทั่้งฉินเฉิงฆ่าจอมยุทธไปแล้วหลายคน
“ฉันคิดว่าซูหยู่จะชนะ” มีคนแสดงความคิดเห็น “ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะ แต่ระดับต่างกันมาก ฉินเฉิงจึงยากที่จะเอาชนะ ”
“ฉันเห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบน ถ้าฉินเฉิงเอาชนะซูหยู่ได้ ฉินเฉิงก็จะเป็นเย่อชิงยุนคนที่สองในเหยียนเซี่ย”
“ฉันคิดว่าพรสวรรค์ของฉินเฉิงไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพแห่งสงครามอย่างเย่อชิงยุนเลย แต่ติดตรงที่ฉินเฉิงน่าจะพัฒนาไปได้ไม่เร็วนัก ”
“ฉันพนันได้เลยว่าฉินเฉิงจะชนะ เพระามีตำหนักเทพโอสถหนุนหลัง ตำหนักเทพโอสถไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลใหญ่ๆเลย ฉินเฉิงตอนนี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายวันแล้ว บางทีเขาอาจก้าวเข้าสู่จอมยุทธแล้วก็ได้”
การเดิมพันแบ่งออกเป็นครึ่งต่อครึ่ง
ซูหยู่เมื่อเห็นความคิดเห็นเหล่านี้ ก็เส้นเลือดขึ้นหน้า
“ทำไมถึงเอาไอ้สวะนั่นมาเทียบกับฉัน!” ซูหยู่พูดอย่างโกรธจัด
ถ้าเปรียบเทียบเขากับอัจฉริยะอย่างหานจิ่วเชียน ซูหยู่ก็จะไม่มีข้อกังขาใดๆ
แต่เมื่อเปรียบเทียบเขากับฉินเฉิง เขารู้สึกอับอายมาก
“ดี ดี” ซูหยู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ “อีกเก้าวัน ฉันจะฆ่าฉินเฉิงให้ทุกคนดู!” และในชั่วพริบตา เหลือเวลาอีกเพียงห้าวันก่อนการนัดหมาย
ในที่สุดฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้น
“ํฉันข้ามขีดจำกัดนี้ไปได้แล้ว” ฉินเฉิงถอนหายใจ
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาดูเป็นกังวล
สถานการณ์โดยรอบของฉินเฉิงดูเงียบสงบมาก
สิ่งสำคัญที่สุดคือการนัดของฉินเฉิงทำให้ตระกูลซูอยู่ไม่เป็นสุขนัก
เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง ตระกูลซูคงจะไม่ยอม ไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้
ในขณะนั้นฉินเฉิงก็ได้ยินเสียงเข้ามาในหัว
“ฉินเฉิง มาที่ภูเขาเจียวเพื่อรับความตายซะ !”
เสียงนั้นเหมือนกับฟ้าร้องในใจ!
“ช่างเป็นเสียงที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง” ฉินเฉิงอดประหลาดใจไม่ได้
เขาถาม “นายเป็นใคร”
“คนที่จะฆ่าคุณ” อีกฝ่ายพูดอย่างเย็นชา “ให้เวลานายห้านาที ฉันจะรอนายที่ภูเขาเจียว”
หลังจากพูดจบ เสียงนั้นก็หายไปในจิตใจของเขา
ภูเขาเจียวอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หลังจากผ่านพิธีต่างๆมาสายตาของฉินเฉิงก็มองได้ไกลหลายกิโลเมตร
ฉินเฉิงยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองไปที่ภูเขาเจียว
“ใครกันที่จะมาหาเรื่องในเวลานี้” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
แต่เขาไม่ได้คิดมาก ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาแม้ว่ายังไม่เต็มที่นัก แต่เขาก็ไม่มีวันถอย
ดังนั้นฉินเฉิงจึงไปบอกฟางเสี่ยวเต๋อก่อนเตรียมตัวออกไป
ตอนนั้นเองจิ้งจอกไฟก็ “พุ่ง” กระโจนขึ้นไปบนไหล่ของฉินเฉิง
มันกัดไปที่เสื่อของฉินเฉิงทำตัวราวกับเด็กน้อย
“อยากไปด้วยกันไหม” ฉินเฉิงลูบหัวของมัน
จิ้งจองไฟผงกหัว และมองดูเขา
ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “โอเค แต่ต้องบอกก่อนนะ ว่าอย่าวิ่งเล่นมั่วซั่ว เข้าใจไหม?”
จิ้งจอกไฟผงกหัวอีกครั้ง แล้วกระโดดเข้าไปในกระเป๋าของฉินเฉิง
ฉินเฉิงออกจากอพาร์ตเมนต์ และเดินไปที่ภูเขาเจียว
บนภูเขาเจียว มีทั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่า
เมฆควบแน่นบนท้องฟ้า และดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก
“เปรี้ยง!”
มีฟ้าผ่าและแสงสีน้ำเงินส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้า!
จิ้งจองไฟในกระเป๋าของฉินเฉิงร้องออกมา และมันขดตัวแน่นในกระเป๋าของฉินเฉิง
ฉินเฉิงยื่นมือไปหยิบจิ้งจอกไฟออกมา แล้วพูดว่า “กลัวฟ้าผ่าเหรอ? ”
จิ้่งจกไฟผงกหัว แล้วก้มหน้าลงด้วยความตื่นตระหนก
“ฮ่าฮ่า แกดุนักไม่ใช่เหรอ!” ฉินเฉิงอดหัวเราะไม่ได้
โชคดีที่มีเสียงดังกล่าวเพียงรอบเดียว
ไม่กี่นาทีต่อมาฉินเฉิงก็มาถึงบนยอดเขาเจียว
บนยอดเขาโฮ่หยานเอามือไว้ด้านหลัง มองไปที่ฉินเฉิงอย่างเฉยเมย
“นายคือฉินเฉิงใช่ไหม” โฮ่หยานถามอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นายเป็นใคร ใครสั่งนายมา”
โฮ่หยานกล่าวอย่างเย็นชา: “ฉันมาเพื่อล้างแค้นเพื่อนเก่าของฉัน”
“แก้แค้น?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง “เพื่อนเก่าของนายชื่ออะไร”
“เซี่ยฝูซาน” โฮ่หยานตอบ
ฉินเฉิงตระหนักได้ทันที เขาพูดด้วยความประหลาดใจ: “นายคือเพื่อนของ เซี่ยฝูซาน … มาเพื่อช่วยตระกูลเซี่ยงั้นเหรอ นายช่างเป็นเพื่อนที่ของเซี่ยฝูซานจริงๆเลย”