ไม่มีใครคาดคิดว่าเวลาเพียงชั่วพริบตา ใต้เท้าจางจะยกกระบี่ข้างลำตัวขึ้นแล้วฟาดฟันลงไป
ใต้เท้าเยว่กอดศีรษะของเยว่ฉีแน่น ป๋ายจีและป๋ายซ่าวหันหน้าไปอีกทางโดยพร้อมเพรียงกัน
มีเพียงหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้ที่ยืนมองศพตรงหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ฝีมือของใต้เท้าจางไม่เลวเลย มิเสียเชิงจอมทัพผู้องอาจในสงครามครั้งนั้น”
หลงเทียนอวี้เอ่ย ทว่าน้ำเสียงกลับมิเหมือนกำลังชมเชยเลยแม้แต่น้อย
“เหล่าฟู1เพียงแค่รู้สึกโกรธมาก คนพวกนี้ขวางหูขวางตายิ่งนัก ซ้ำยังทำให้พระชายาต้องขุ่นเคือง พวกเขาสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ”
เขาต้องการเอ่ยประโยคนี้ให้หลินเมิ้งหยาฟังโดยเฉพาะ
หยาดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนกลางหน้าผากของชายร่างกำยำเหล่านั้น
สบตากัน แต่ทำได้เพียงกัดฟัน
พวกเขาล้วนเป็นคนมีครอบครัว แม้ว่าตัวเองจะตาย แต่สุดท้ายก็ต้องหาหนทางให้ครอบครัวอยู่รอด
เมื่อเห็นทุกคนเงียบลง สีหน้าของใต้เท้าจางมิได้เคร่งเครียดเหมือนอย่างตอนแรก
“ไม่ทราบว่าพระชายาพึงพอใจแล้วหรือไม่”
ขุนนางคนอื่นเลือกที่จะเงียบ
อันที่จริง หลินเมิ้งหยาเชิญพวกเขามาเพียงเพราะต้องการให้พวกเขาได้รับชมแต่เพียงเท่านั้น
ตอนนี้ภารกิจสำเร็จแล้ว เช่นนั้นจะเปิดช่องว่างให้พวกเขาต่ออีกทำไม
“ท่านอ๋องคิดเห็นเช่นไรเพคะ?”
นางเป็นเพียงผู้ถูกกระทำต่อหน้าทุกคนเท่านั้น
การตัดสินใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่หลงเทียนอวี้
คิ้วขมวดเข้าหากัน ท่าทางของหลงเทียนอวี้เสมือนคนยังไม่พอใจอย่างไรอย่างนั้น
“ช่างเถิด ยกให้เป็นหน้าที่ของใต้เท้าจางก็แล้วกัน”
ทุกคนถอนหายใจออกมา พวกเขากลัวว่าหลงเทียนอวี้จะกัดไม่ปล่อย หากเป็นเช่นนั้นเรื่องราวคงยุ่งยากกว่าเดิม
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา เข้ามา เอาตัวพวกนี้ไปขังไว้”
ใต้เท้าจางออกจากกระโจมของหลินเมิ้งหยาก่อนเป็นคนแรก ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บใจมากสักเพียงไหน
ไร้ซึ่งเบาะแส อีกทั้งยังต้องเสียทหารอีกสิบกว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นคือชายาอวี้ยังกุมความผิดเล็ก ๆ ของเขาเอาไว้แล้ว
ดูท่า เขาต้องรีบไปทูลรายงานไท่จื่อให้เร็วที่สุด
มองดูเหล่าใต้เท้าที่กลับออกไปทีละคน สีหน้าของหลินเมิ้งหยากลับมาเป็นปกติดังเดิม
ใต้เท้าเยว่ออกห่างจากกระโจมชายาอวี้ไม่ไกล เขากำลังพูดคุยกับลูกสาวทั้งสอง
อ๋องอวี้ส่งคนไปคุ้มกันหญิงสาวทั้งสอง ดังนั้นพวกนางจึงปลอดภัยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
คนนอกกลับออกไปหมดแล้ว ดังนั้นในกระโจมจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้ ทั้งสองนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้
“การลอบทำร้ายในครั้งนี้ดูจะไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เราเห็น”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเสียงเรียบ นางรู้สึกว่าตนเองแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างราบรื่นจนเกินไป ผิดกับลักษณะนิสัยกัดไม่ปล่อยของไท่จื่อ
“พวกเราถูกหลอกแล้ว ไท่จื่อใช้กลยุทธ์หมิงซิวจ้านเต้า อันตู้เฉิงชาง2 พวกนักฆ่าหญิงแห่งเถาฮวาอู๋ถูกลักพาตัวไปแล้ว”
หลงเทียนอวี้รีบไปดูนักฆ่าเหล่านั้นทันทีที่กลับมา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นองครักษ์ของตนเองนอนคว่ำนอนหงายอยู่ด้านนอกกระโจม
เมื่อเปิดผ้าม่านออก เขาได้เห็นเพียงห้องว่างเปล่าเท่านั้น
แม้ฮ่องเต้หมิงจะกำลังพิจารณาเรื่องให้ความร่วมมือกับพวกตนเองอยู่ แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้วละก็…
“ฮึ ลักพาตัวไปแล้วอย่างไรเล่า พวกนางไม่มีทางพูดใส่ร้ายพวกเราหรอกเพคะ”
หลินเมิ้งหยาไร้ซึ่งความกังวล ใบหน้าเผยรอยยิ้มมีเลศนัย
หรือนางจะวางแผนทั้งหมดเอาไว้แล้ว?
“ก่อนจะชิงหูจะจากไป เขากรอกยาสิ้นหวังให้กับพวกนาง เกรงว่าตอนนี้พวกนางคงกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปแล้วเพคะ”
อันที่จริง หลินเมิ้งหยามิได้คิดจะปล่อยให้พวกนางมีชีวิตอยู่อยู่แล้ว
ไม่ช้าก็เร็วไท่จื่อจะต้องตามหาเบาะแสจนเจอ ถึงอย่างไรพวกนางก็ต้องตกอยู่ในกำมือของไท่จื่ออยู่ดี
ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำคือขี่หลังเสือแล้วโจมตีกลับเท่านั้น
“หมายความว่า…”
หลงเทียนอวี้คิดตาม ก่อนจะหันมาถามหลินเมิ้งหยาเพื่อยืนยันความคิด
“ไท่จื่อเป็นคนชอบโอ้อวด เมื่อจับคนผิดได้แล้ว หากเขาไม่ฆ่าทิ้ง ก็คงนำคนเหล่านั้นมาโจมตีพวกเรา”
นำคนสติฟั่นเฟือนเหล่านั้นมาโจมตีนาง ความคิดนี้มิใช่ส่งที่คนฉลาดทำกันหรอก
เพราะฉะนั้นหากพบว่าพวกนางไร้ประโยชน์ เกรงว่าไท่จื่อจะต้องกำจัดพวกนางอย่างแน่นอน
“ในช่วงเวลาที่ไท่จื่อกำจัดพวกนาง หากฮ่องเต้หมิงบังเอิญไปพบเข้า เช่นนั้นไท่จื่อก็มิต่างอะไรจากคนที่กำลังฆ่าปิดปากเพื่อหนีความผิด”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง นางค้นพบแล้วว่าตนเองกับหลงเทียนอวี้ใจตรงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ได้ ข้าจะรีบไปดำเนินการเดี๋ยวนี้”
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะดูแผนการของไท่จื่อออกทั้งหมด
หากทหารเข้ามาตรวจค้นกระโจมแล้วเจอหลักฐานเข้า เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาก็จะเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
อีกอย่าง ไม่ว่าใครก็อาจเป็นคนลอบทำร้ายไท่จื่อได้ มิใช่เพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียวเท่านั้น
ความผิดเดียวที่พอจะทำให้หลินเมิ้งหยาตกที่นั่งลำบากได้นั่นก็คือความตายของหูลู่หนาน
ด้านนอกกระโจม เสียงเอะอะโวยวายเงียบลงแล้ว
หลินเมิ้งหยานั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่ในกระโจม
หลงเทียนอวี้ออกจากกระโจมไปได้สามชั่วโมงแล้ว
หลังจากผ่านความวุ่นวายยามค่ำคืน ในที่สุดบรรยากาศยามเช้าก็มาเยือน
แต่โชคดีที่นางไม่มีความรู้สึกเหนื่อย แม้จะไม่ได้นอนหลับทั้งคืน
บนเตียง ป๋ายจื่อกำลังหลับใหลอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ ทั้งสิ้น
ไม่นาน ร่างของหลินขุยพลันปรากฏขึ้นในกระโจมของหลินเมิ้งหยา
“พระชายา ไท่จื่อรับสั่งว่าคนร้ายมิได้ทำร้ายร่างกายของไท่จื่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวล ส่วนทหารเพียงแค่ลาดตระเวนปกติเท่านั้น”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง คนร้ายอะไรกันเล่า ไท่จื่อเป็นคนกุเรื่องมาทั้งนั้น
เมื่อทหารสิบกว่าคนตายไป เรื่องคนร้ายจึงเงียบลงเช่นกัน
“อืม ข้าทราบแล้ว ทางฮ่องเต้หมิงเล่า?”
แม้หลงเทียนอวี้จะมิได้ออกความเห็นอันใด ทว่าเขายังคงออกคำสั่งกับสายลับของตนเอง
ปกติแล้วสายลับเหล่านี้ทำหน้าที่เพียงรับส่งสารเท่านั้น ดังนั้นจึงได้รับความไว้วางใจจากไท่จื่อ
ดังนั้นหลงเทียนอวี้จึงรู้ที่คุมขังของนักฆ่าสาวเหล่านั้น
ยาสลบที่พวกนางได้กินค่อนข้างรุนแรง ไท่จื่ออดทนรอกว่าจนพวกนางตื่น
“เจ้าจงนำข่าวไปแจ้งแก่องค์ชายรัชทายาทแห่งซีฟาน จำเอาไว้ หากมีผู้ใดถาม ให้บอกว่าเป็นคำสั่งจากท่านอ๋อง เข้าใจหรือไม่?”
หลินขุยพยักหน้าลง เหตุที่ต้องยืมชื่อของท่านอ๋องก็เพราะที่ซีฟานยังมีองค์หญิงหมิงเยว่คอยคุมเชิงอยู่
หากถูกใครรั้งเอาไว้จะต้องแย่อย่างแน่นอน
หลินขุยรีบออกไปจากกระโจม ป๋ายจีและป๋ายซ่าวยกน้ำอุ่นและผ้าขนหนูเข้ามา
“นายหญิง เชิญล้างหน้าเถิดเจ้าค่ะ”
แม้จะไม่ได้นอนหลับทั้งคืน ทว่าใบหน้าของหลินเมิ้งหยายังคงเปล่งปลั่ง ไร้ซึ่งความหมองคล้ำ
“อืม วันนี้ทำทรงผมเรียบง่ายให้ข้าก็พอ อีกเดี๋ยวต้องไปดูอะไรสนุก ๆ”
สาวใช้ทั้งสองพยักหน้าลง หลินเมิ้งหยาปิดหนังสือ ร่องรอยของความเย็นชาปรากฏถูกวาดขึ้นในดวงตาของนาง
คิดจะหาเรื่องนาง เช่นนั้นไท่จื่อจะต้องชดใช้!
ขณะเดียวกันภายในกระโจมของไท่จื่อ หญิงสาวทั้งสามซึ่งถูกมัดเอาไว้เริ่มฟื้น
ไท่จื่อนั่งอยู่ทางด้านบน ข้างกายคือคนสนิทของตนเอง
เหตุเพราะเมื่อคืนได้รับข่าวว่าคนของตนเองถูกฆ่าตาย ดังนั้นสีหน้าของไท่จื่อจึงไม่น่ามอง
“ทูลไท่จื่อ อันที่จริงเรื่องเมื่อคืน…”
ขณะที่ใต้เท้าจางคิดจะอธิบาย เขากลับถูกไท่จื่อขัด
“อืม ข้ารู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
ใต้เท้าจางตื่นตระหนก ในสายตาของไท่จื่อ ทุกคนเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น
หากเครื่องมือชิ้นไหนไม่มีประโยชน์ก็จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก เกรงว่าที่เขายังรอดอยู่ได้คงเพราะลูกสาวของตนเองเป็นถึงชายารอง
“เรามีพวกนางทั้งสามคนแล้ว หลินเมิ้งหยา ข้าจะรอดูว่านางจะเอาตัวรอดได้อย่างไร”
ตอนแรกเขามันคือความปรารถนาที่จะได้ครอบครองสาวงาม ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ต้องการพิชิตเหยื่อของตนเอง
แม้องค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟานจะส่งยิ้มหวานชมดชม้อยชายตาให้กับเขา
ทว่าเขากลับไม่รู้สึกสนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาจะไม่ฆ่าหลินเมิ้งหยา แต่จะทำให้เรื่องราวทั้งหมดเปลี่ยนไป
ตลอดหลายปีมานี้เขารู้จักเส้นทางเหล่านี้เป็นอย่างดี
เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะขังหลินเมิ้งหยาเอาไว้ในจวนของตนเองเพื่อจองจำนางให้กลายเป็นของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุข เลือดในกายของเขาแล่นพล่าน
“ถวายคำนับพระชายารอง”
ชายารองตู๋กูสวมใส่ชุดสีม่วงอ่อนเดินเยื้องย่างเข้ามาในกระโจมของไท่จื่อ
ทุกคนรีบลุกขึ้นถวายคำนับ ใบหน้าของชายารองตู๋กูประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่ง
“ถวายคำนับไท่จื่อ”
ค้อมตัวถวายคำนับ แม้เมื่อคืนทั้งสองจะประเล้าประโลมโอบกอดกันอย่างรักใคร่ ทว่าเมื่อลงจากเตียงแล้ว เขายังคงเป็นไท่จื่อที่มีอำนาจเหนือกว่านาง
“ลุกขึ้นเถิด”
แม้จะได้ยลโฉมชายารองผู้แสนงดงามของตนเอง ทว่าสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม
ร่องรอยของความมิพึงพอใจถูกวาดขึ้นในดวงตาของพระชายารองตู๋กู
ทุกคนล้วนพูดว่าไท่จื่อรักและเอ็นดูนางที่สุด แต่หาได้มีใครรู้ว่าอันที่จริงหัวใจของไท่จื่อมิเคยมีผู้ใด
“นี่คือพวกที่ลอบทำร้ายพระองค์เหล่านั้นหรือเพคะ?”
เรื่องบางเรื่องไท่จื่อมิเคยบอกนาง นางจึงเข้าไปรินชาข้างกายไท่จื่อ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่พวกที่เข้ามาลอบทำร้ายข้าหรอก คนพวกนี้คือสัญลักษณ์แห่งความตายของหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้”
หลินเมิ้งหยาคือผู้ที่ทำร้ายหูลู่หนาน เรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจบิดพลิ้ว
ส่วนผู้หญิงสามคนนี้ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาจะต้องเป็นแพะรับบาปที่หลงเทียนอวี้หามาอย่างแน่นอน
น่าเสียดาย ตอนนี้พวกนางอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
โชคดีที่เขาออกอุบายเช่นนั้นออกมา มิเช่นนั้น คราวนี้ทั้งสองคนนั้นจะต้องหนีจากความผิดได้อย่างแน่นอน
“เอ๋? เซี่ยเฉินประหลาดใจยิ่งนัก”
ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความริษยาจ้องมองทางไท่จื่อ
ทุกครั้งที่ไท่จื่อเอ่ยถึงหลินเมิ้งหยา ดวงตาของเขามักจะเปล่งประกาย
เหตุใดมีเพียงนังแพศยาคนนั้นที่ได้รับความสนใจจากไท่จื่อ?
เหตุใดคนที่ถูกหูลู่หนานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจึงไม่ใช่นางคนนั้น!
นางพยายามเก็บซ่อนความริษยาของตนเองเอาไว้ในใจ
ยืนข้างกายไท่จื่อด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของตนเองให้เขาได้เห็น
“อืม…” หญิงสาวทั้งสามเริ่มขยับตัว ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย
แม้ผมเผ้าจะยุ่งเหยิง แต่กลับมองเห็นความงามของพวกนางได้อย่างชัดเจน
“เข้ามา ทำให้พวกนางได้สติ”
หมายเหตุ
เหล่าฟู1 หมายถึง คนชรา ผู้เฒ่า ใช้แทนตัวผู้มีอายุมากกว่า
กลยุทธ์หมิงซิวจ้านเต้า อันตู้เฉิงชาง2 กล่าวคือเป็นกุลยุทธ์สร้างความสับสนให้กับศัตรู โดยทำการโจมตีโดยที่ศัตรูไม่คาดคิด