บทที่ 123
ไป่เสวี่ยหลี่ท้อง
ไม่นานเหล่าแม่บ้านก็เก็บทุกอย่างออกไปและถึงขนาดเอาโป๊ะของโครมไปออกไปด้วย ชางกวนโม่จ้องทุกคนหลังจากที่ออกไปแล้ว ตอนนี้เขาใจเย็นขึ้นมาแล้ว เขาก้มลงและถึงขนาดนั่งลงบนเตียงที่มู่หรงเสวี่ยนอนอยู่ “มู่หรงเสวี่ย…เธอรักฉันไหม…” เขาถามอย่างระวัง
มู่หรงเสวี่ยถัดหัวไปทางอื่น แม้แต่มองไปที่เขาก็ยังรู้สึกรังเกียจอยู่เล็กๆ เธออาจจะรักเขาแต่ก็ยังเป็นคนที่มีศักดิ์ศรี ความรักที่เธอเสียไปในชีวิตที่แล้วจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
“บ้าเอ๊ย ตอบฉันมาสิ!”
อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยยังไม่ขยับ จะให้พูดอะไรหลังจากที่เขาบอกว่ารักเธอ เธออยากให้คำอธิบายที่เขาไม่ให้เธอ ความสัมพันธ์นี้ไม่เท่าเทียมกันเลย ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูด
ดวงตาดำมืดของชางกวนโม่จ้องตรงไปที่เธอ แวบประกายความเจ็บปวดในสายตาแล้วจึงเชิดคางเธอและจูบลงที่ริมฝีปากเธอ
“อื่ม…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้เตรียมตัว เธอผลักเขาออกอย่างไม่รู้ตัว ชางกวนโม่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและจูบเธอแรงขึ้นไปอีก จูบที่ร้อนแรงนี้เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก
มู่หรงเสวี่ยขัดขืนอย่างหนักแต่หลังจากที่รู้สึกถึงลมหายใจที่แผดเผาและอดกลั้นของเขา เธอก็ค่อยอ่อนลงและยอมให้ความรู้สึกของเขาระบายออกมา จังหวะระหว่างริมฝีปากและฟันของเขาดูซับซ้อนเหมือนกับความรู้สึกที่เขาพยายามปิดซ่อนไว้
เวลาผ่านไปนาน ทั้งสองค่อยๆหยุด มู่หรงเสวี่ยหอบหายใจเล็กน้อยและหัวใจของเธอก็อ่อนลงไปด้วย เธอถามอีกครั้ง “พี่โม่ บอกฉันได้ไหมว่าทำไม? ตราบใดที่คุณพูด ฉันจะเชื่อ…”
ดวงตาของชางกวนโม่เปล่งประกายอยู่สักพักแล้วเขาก็อ้าปากแต่ก็หยุดไป “ฉัน…”
ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเปล่งประกายและประกายแห่งความคาดหวังก็แวบขึ้นมาในดวงตา ชางกวนโม่เงียบไปสักพักก่อนที่จะเปิดปากและพูดออกมา “วันนั้นเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ฉันต้องไปกินข้าวกับเสวี่ยหลี่ ฉันกลัวว่าเธอจะโกรธก็เลยไม่ได้บอกเธอเรื่องนั้น ฉันไม่ได้มีความรู้สึกกับเธอแบบนั้น…ฉันสาบานได้…” เขามีเหตุผลจริงๆแต่เหตุผลนั้นจะให้เธอรู้ไม่ได้
ประกายในดวงตาของมุ่หรงเสวี่ยหรี่ลง ในหัวใจเขายังมีมากกว่านี้ ถึงแม้เหตุผลจะห่างจากความจริงมากแต่จากสายตาของชางกวนโม่ตอนนี้ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังโกหก บางทีเขาอาจจะลำบากใจมากจริงๆ “งั้นทำไมเธอถึงจูบคุณ แล้วคุณก็ไม่ได้หลบด้วย…” เธอถามถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด เธอทนไม่ได้กับท่าทางที่แฟนของเธอไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น ถึงแม้จะแค่ที่แก้มก็ตาม
ชางกวนโม่นั่งลงที่เตียง ค่อยๆอุ้มมู่หรงเสวี่ยขึ้นมาและพูดช้าๆ “รู้ไหม ไป๋เสวี่ยหลี่เป็นเด็กกำพร้า เธอโตขึ้นมาในครอบครัวฉัน เธอเป็นคนใจดีและอ่อนไหวเสมอแต่ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลชางกวนที่จะใจดี ตอนที่เธอยังเด็ก เธอมักจะตัวติดอยู่กับฉัน สนิทกันมากเลยก็ว่าได้ ไป๋เสวี่ยหลี่กับฉันเหมือนพี่ชายน้องสาวกันจริงๆ อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอยังช่วยรับกระสุนแทนฉันอีก ในหัวใจฉันรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้นถ้าฉันทำอะไรได้ ฉันก็ไม่อยากที่จะทำร้ายเธอ…เธอให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม?”
“แต่คุณจะให้เธอจูบคุณไม่ได้ไม่งั้นก็มีแต่จะทำให้เธอไม่ยอมไปจากคุณมากขึ้นไปอีก…และเธอก็ไม่ได้รักคุณเหมือนที่น้องสาวรักพี่ชาย ฉันคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้แล้ว…” มู่หรงเสวี่ยยอมรับว่าเธอไม่สบายใจ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่ตั้งแต่เด็กจนโตซึ่งเป็นโลกที่เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
“ใช่ ฉันรู้…ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอเริ่มที่จะรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่เสี่ยวเสวี่ย เธอมั่นใจได้เลยนะว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างดี ขอเวลาแค่สามเดือน…เธอเชื่อฉันไหม?”
ตอนนี้เธอรู้สึกละอายใจกับตัวเองและอยากที่จะถามออกไปว่า “คุณมีอะไรให้ฉันเชื่อ? หรือคุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า?” มันค่อนข้างแปลกตั้งแต่วันที่ชางกวนโม่แวะมาหาเธอแล้ว
“ไม่มี เธอแค่ต้องจำไว้และเชื่อฉัน ไม่ว่าเธอจะรู้อะไรมา เธอแค่ต้องเชื่อฉันว่าเธอเป็นคนเดียวที่ฉันรัก…” ดวงตาของ ชางกวนโม่แวบประกายความกังวลตอนที่เธอมองไม่เห็น
“งั้นถ้าฉันรู้ว่าคุณโกหกฉันอีก ฉันจะไม่ยกโทษให้คุณ…”
ชางกวนโม่ลุกลี้ลุกลนและพูดออกมา “แล้วถ้าเป็นการถูกบังคับล่ะ?”
ชางกวนโม่มีเรื่องที่ปิดบังเธออยู่จริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ถามแบบนั้น เธอจ้องเขาอยู่นานแล้วจึงพูด “มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณทรยศความรู้สึกของฉัน นี่เป็นเส้นตายของฉัน…”
“ฉันรักเพียงแค่เธอ ไม่มีอะไรเปลี่ยน!”
มู่หรงเสวี่ยยังคงยกโทษให้เขาอย่างจริงใจ เธอรักเขา ถึงแม้เธอจะไม่เคยพูดออกไป ความรักของเธอก็ไม่น้อยไปกว่าเขาเลย…เพียงแค่ว่าเธอมีประสบการณ์การถูกทรยศที่ให้อภัยไม่ได้และเธอก็หนักแน่นมากกว่าเขามาก
“ตอนนี้ปล่อยฉันได้หรือยัง? ถ้าฉันไม่ยกโทษให้คุณจะขังฉันไว้งั้นเหรอ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หรงเสวี่ยยังรู้สึกขนลุกอยู่เล็กๆ เธอเป็นคนรักของเขา นี่เป็นเพราะเธอไม่ยอมเขางั้นเหรอ?
“เสี่ยวเสวี่ย ฉันแค่กลัวว่าจะต้องเสียเธอไป…” ทุกครั้งที่เธอเอ่ยคำลา เขาก็มักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เขาจะสูญเสียเธอไม่ได้
มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ เข้าไปกอดเขาก่อนและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “คุณไม่ได้อยู่กับฉันตั้งนาน วันนี้อยู่กับฉันนะคะ!”
ดวงตาของชางกวนโม่เปล่งประกาย “โอเค เธออยากจะไปที่ไหนล่ะ?” ตราบใดที่เธอชอบ เขาจะทำให้ดีที่สุด
“ไม่ไปไหนหรอกค่ะ อยู่ที่นี่แหละ”
ชางกวนโม่ถาม “ที่นี่เหรอ?”
“ที่นี่แหละ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้นอนมาหลายวัน ฉันก็ด้วย งั้นมานอนกับฉันนะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม ทันทีที่เธอเห็นเขา เธอก็เห็นท่าทางที่เหนื่อยล้าและหดหู่อย่างมาก
“ได้สิ” ชางกวนโม่เองก็เผยรอยยิ้มกว้าง เพียงแค่ประโยคธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจเขาอบอุ่น แน่นอนเลยมีเพียงแค่เธอ แค่เธอเท่านั้นที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขายังมีต่อได้
ตอนนี้ทั้งสองหลับอย่างสงบอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเย็น ชางกวนโม่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น เขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ยังหลับอยู่ข้างๆเขา สีหน้าซีดเซียวของเขาเห็นว่าหลายวันที่ผ่านมาเธอเองก็ดูอ่อนเพลียด้วยเหมือนกัน ยังไงซะเขาก็ทำร้ายเธอ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมวันนั้นเธอถึงตัดสายไป เธอเห็นทุกอย่าง
เขาจูบไปที่ริมฝีปากเธออย่างอ่อนโยนแล้วก็รีบถอนออกมา เขากลัวว่าจะทำให้เธอตื่น จึงได้แต่มองเธออย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่ามองเท่าไรก็ไม่เคยพอเลย จนกระทั่งโทรศัพท์เขาดังขึ้นมา เขารีบกดวางสายและมองไปที่มู่หรงเสวี่ย เขาเห็นว่าเธอยังหลับนิ่งอยู่จึงรู้สึกโล่งอก เขามองไปที่หน้าจอสายที่ไม่ได้รับ เป็นเสวี่ยหลี่ น้องสาวของเขาเอง สีหน้าเขาเปลี่ยนไป ค่อยๆลุกออกจากเตียง เดินออกไปห่างก่อนที่จะกดโทรกลับ
“เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงของชางกวนโม่ดูจะหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย
ไป๋เสวี่ยหลี่กำโทรศัพท์แน่น พี่โม่เริ่มที่จะเบื่อเธอแล้ว…แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังอยากที่จะให้มันเป็นแบบนี้ ไม่งั้นต่อให้พี่โม่ไม่เกลียดเธอแต่เธอก็คงจะต้องเสียเขาไปแน่ๆ แบบนี้ถึงแม้มันจะน่ารังเกียจ แต่เธอก็ยังมีที่ในหัวใจของเขา
“พี่โม่ มาหาฉันหน่อยสิคะ…”
“ตอนนี้พี่ไม่ว่าง” ชางกวนโม่ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่าตอนนี้เขายังไม่อยากที่จะเจอเธอ น้องสาวของเขาที่เคยเป็นคนน่ารัก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอกลายเป็นคนที่ซับซ้อนจนเขาไม่รู้จะพูดยังไง
“พี่โม่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันว่าฉันบอกเสี่ยวเสวี่ยเลยน่าจะดีกว่า พี่คิดว่าไงคะ?” เมื่อเธอพูดไปแบบนั้น หัวใจตัวเองก็เต้นรัวเช่นกันแต่จะให้ทำยังไงได้? ถ้าเธอไม่ขู่พี่โม่แบบนี้ เขาก็คงไม่ยอมเธอแน่
“เธอ…ฉันจะไปเดี๋ยวนี้…” ชางกวนโม่พยายามเก็บกดอารมณ์ตัวเอง การที่ไป๋เสวี่ยหลี่ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาทำให้ความรู้สึกผิดของเขาค่อยๆที่จางหายไป
ชางกวนโม่ขับรถไป ระหว่างทางเขาก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่จะจัดการกับปัญหาของไป๋เสวี่ยหลี่ คำพูดของเสี่ยวเสวี่ยวันนี้ทำให้เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าดูเหมือนความอดทนของเธอจะถึงขีดสุดแล้ว พูดง่ายๆคือมันไม่ดีสำหรับเขาแล้ว
ไป๋เสวี่ยหลี่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว เมื่อเธอเห็น ชางกวนโม่ เธอก็เข้ามาต้อนรับอย่างมีความสุข “พี่โม่ พี่มาแล้ว ฉันคิดถึงพี่มากเลยนะ…”
หลังจากที่เห็นมองเธออย่างเย็นชา ชางกวนโม่ก็ดึงมือเธอออกและเดินเข้าไปข้างใน
ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่สนใจท่าทางของเขา เธอรู้ว่าพี่โม่ไม่มีความสุขแต่แล้วยังไงล่ะ? พี่โม่ไม่เหมือนเดิม เธอรีบเดินตามเขาเข้าไป
ชางกวนโม่นั่งลงที่ห้องนั่งเล่นและดึงบุหรี่ออกมา กลิ่นแรงของบุหรี่ค่อยๆทำให้จิตใจเขาสงบลง หลังจากเวลาผ่านไปนานเขาก็พูดกับไป๋เสวี่ยหลี่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเขา “เสวี่ยหลี่ ไปเอาเด็กออกซะเถอะ…”
ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พี่โม่ พี่พูดอะไรเนี่ย?! นี่เป็นลูกของพี่นะ พี่จะให้ฉันฆ่าเขาอย่างโหดร้าย…”
“แต่เธอเองก็รู้ว่าคนที่พี่รักคือเสี่ยวเสวี่ยและพี่ก็มอบความสุขให้เธอไม่ได้ด้วย…” จะมีลูกได้ยังไงในเมื่อมันเป็นแค่อุบัติเหตุและมันก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ชางกวนโม่รู้นิสัยมู่หรงเสวี่ยดี ถ้าเธอรู้ว่าเสวี่ยหลี่ท้องลูกของเขา เธอจะต้องหนีเขาไปไกลแน่ๆ เธอจะต้องไปในที่ที่เขาไม่สามารถตามไปถึง เขาจะกล้าบอกเธอได้ยังไงว่าวันนี้ป้าฟางรีบร้อนโทรมาหาเขาและบอกเขาว่าเสวี่ยหลี่ท้อง เขาเหมือนสายฟ้าผ่าลงมากลางตัว เขาไม่อยากจะเชื่อจึงไปที่โรงพยาบาล เธอบอกเรื่องนี้กับเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
ในเวลานั้นเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกและเขาที่โง่จริงๆ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ปฏิกิริยาแรกของเขาคือต้องไม่บอกเรื่องนี้ให้เสี่ยวเสวี่ยรู้ เขาอยากให้ไป๋เสวี่ยหลี่ไปเอาเด็กออกซะ เขาจะไม่ยอมให้เรื่องอุบัติเหตุนี้มาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่หรงเสวี่ยเด็ดขาด