ในไม่ช้า สามแม่ลูกก็กลับมารวมกันในห้องผู้ป่วย ลี่หมิงเอาแต่ร้องไห้อไม่หยุด เขาจับไปบนใบหน้าของซูย้าวและจมอยู่ในความคับข้องใจมากมาย
ซูย้าวเห็นอกเห็นใจลูกชายตัวน้อยของเธอมาก เธอเป็นทุกข์ใจและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ได้แต่รีบปาดน้ำตาของตนแล้วพูดว่า “อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้นะครับหมิงเอ๋อ ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้? พ่อรังแกลูกหรือเปล่า?”
“เขาดุลูกใช่ไหม?”
ซูย้าวพูดเบาๆ เพื่อเกลี้ยกล่อมเจ้าหนูในทุกวิถีทาง
ลี่หมิงคร่ำครวญและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา เขากอดเธอไว้แน่น น้ำตาหลดลงมาเป็นทาง ไหลลงมาที่แก้มของแล้วซึมลงไปที่ผมยาวของซูย้าว
ลี่เฉินซีพูดไม่ออกเมื่อมองดูฉากตรงหน้านี้ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วถามตัวเองว่าปกติเขาอ่อนโยนกับลูกๆหรือไม่ เขาว่าเขาไม่เคยดุลูกๆเลยไม่ใช่เหรอ?
แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เจ้าเด็กคนนี้ดูเหมือนจงใจใส่ร้ายเขา!
ลี่เจิ้งยังคงรู้เรื่องรู้ราวมากกว่า เขานั่งดูลี่หมิงร้องไห้อยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะยกมือขึ้นและเคาะหัวน้องชายของเขา “ร้องไห้ทำไม อายุเท่าไหร่แล้ว? เอาแต่ร้องไห้ไปวันๆ!”
จู่ๆ ลี่หมิงก็เหมือนถูกตี เขาเอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของเขาดูเศร้าโศกมากขึ้นไปอีก ปากยังตะโกนว่า “แม่……”
ซูย้าวรีบกอดลูกชายเอาไว้แล้วมองที่ลี่เจิ้งจากมุมด้านข้าง “อย่ารังแกน้องชาวแบบนี้สิ เราสองคนเป็นพี่น้องกันนะ หมิงเอ๋อ ไม่เหมือนลูก เขายังเด็ก บอบบางและอ่อนโยน อย่าลงไม้ลงมือกับน้องสิ!”
แม้ว่าลี่เจิ้งจะทำเพียงเคาะเบาๆ แต่ซูย้าวก็ต้องตำหนิเขาในฐานะที่เป็นพี่ชาย เขาควรถนอมดูแลน้องๆ แทนที่จะใช้ความได้เปรียบที่อายุมากมารังแก
ด้วยการปกป้องของซูย้าว ลี่หมิงสูดจมูกเล็กๆ ของเขาโดยเร็ว จากนั้นกลั้นน้ำตาแล้วจับมือเธอเอาไว้ “ยังไงแม่ก็ดีที่สุดเสมอ ผมรักแม่ที่สุดเลย!”
ซูย้าวยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอจับไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของลูกชาย “ที่จริงแล้วพี่กับพ่อก็ดีต่อลูกมากนะ หมิงเอ๋อ ลูกเป็นลูกผู้ชาย อย่าได้ร้องไห้งอแงแบบนี้ มีอะไรให้พูดออกมาเข้าใจไหม?”
ลี่หมิงพยักหน้าอย่างไร้เดียงสาและจงใจทำเสียงยาวว่า “……ครับ เข้าใจแล้วครับ!”
ลี่เจิ้งถอนหายใจออกมา “ปกติก็ไม่เห็นร้องไห้นี่ แต่ว่าซีซีกลับถูกแม่ตามใจเสียร้องไห้งอแงมากกว่า!”
เมื่อคิดถึงน้องสาว ลี่เจิ้งก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ ดวงตาของเขาก็ดูซับซ้อน
ลี่เฉินซียื่นมือออกมาและลูบศีรษะของลี่เจิ้ง “ซีซีเป็นน้องสาวและเป็นผู้หญิง พ่อแม่มักจะตามใจเธอเป็นเรื่องปกติ พวกเราเป็นพี่ชายไม่ใช่เหรอ? อย่ารังแกน้องสาวเข้าใจไหม?”
เมื่อเขาพูดออกไปเช่นนั้น ลี่เจิ้งและลี่หมิงก็หยุดพูดทันที
อันที่จริงลี่หมิงสนิทกับซีซีมากกว่า อาจเป็นเพราะทั้งสองเป็นฝาแฝดจึงทำให้มีจิตใจเชื่อมโยงกัน เข้าใจกันโดยปริยาย สำหรับลี่เจิ้งนั้น เขามักจะทำสีหน้าเย็นชาแต่ในใจทั้งอบอุ่นและใจดี อาจเพราะเขาแก่กว่าเด็กสองคนนี้หลายปี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อยตามปกติที่ดูดุดัน แท้จริงแล้วเขาปฏิบัติต่อน้องสาวเป็นอย่างดี
กว่าครอบครัวที่พร้อมครบจะได้มาอยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความรักและคิดถึงของลูกๆ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นอย่างไร้คำบรรยาย
เพราะความทรงจำของซูย้าวยังคืนกลับมาได้ไม่หมด แต่ก็ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เธอดูผิดธรรมชาติไปเล็กน้อย ขณะนี้ตอนที่เธออยู่กับลูกๆ แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็มาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะงดงามเพียงใด
เมื่อเล่นกับเด็กๆ ทั้งสองคนมาเกือบวัน จากนั้นก็นั่งรับประทานอาหารค่ำเย็นด้วยกันในตอนกลางคืน จากนั้นก็ส่งเด็กทั้งสองเข้านอนจนหลับไป เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ซูย้าวและลี่เฉินซีจึงออกมาจากห้องผู้ป่วย
กลางคืนข้างนอกเงียบสงัด สายลมเย็นพัดโชยมาเล็กน้อย
ซูย้าวยังไม่อยากขึ้นรถ ดังนั้นลี่เฉินซีจึงเดินไปตามถนนเป็นเพื่อนเธอ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ในใจก็ดูเหมือนจะเข้าใจดี เรื่องเกี่ยวกับลูกๆ พวกเขาควรจะเจรจากันให้ดีสักที
ซูย้าวครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เนิ่นนานทีเดียวก่อนที่เธอจะอ้าปาก ฝีเท้าดูช้าลงเพื่อรับสัมผัสจากสายลมเย็น เธอยกมือขึ้นไปรวบผมยาวสลวยแล้วพบว่าสายตาของชายหนุ่มจับจ้องมายังเธอ “สภาพร่างกายของเจิ้งเอ๋อดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่ว่าขาของหมิงเอ๋อ……”
ในอุบัติเหตุครั้งก่อน ลี่หมิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่น่องซ้าย กระดูกหักอย่างรุนแรง สำหรับเด็กอายุ 7 ขวบอาการบาดเจ็บแบบนี้มันเหนือจินตนาการอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้หลังผ่าตัด แพทย์ก็ยังบอกว่าจะหายสนิทหรือไม่นั้นไม่อาจรับรองได้
ลี่เฉินซีหยุดฝีเท้าลง นัยน์ตาของเขาก้มลงอย่างลึกล้ำ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาเพื่อจับใบหน้าของเธอให้เชิดขึ้น “แพทย์ของหมิงเอ๋อวินิจฉัยแล้ว บอกว่าปัญหาการฟื้นตัวในอนาคตไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่ดูแลดีๆ ไม่น่าจะมีผลเสียอะไรตามมา”
เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการเติบโต กระดูกจึงพัฒนาไปตามอายุ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงแต่การรักษาก็ทันท่วงที และการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นอกจากนี้ในภายหลังเขาก็ฟื้นตัวได้ดี
ซูย้าวพยักหน้า “งั้นก็ดีค่ะ”
สักพัก เธอก็เลิกคิ้วขึ้นมองเขาอีกครั้ง “ในเมื่อลูกทั้งสองไม่เป็นอะไรมากแล้ว ก็ส่งพวกเขาไปต่างประเทศเถอะค่ะ”
“ครับ” ลี่เฉินซีตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดูเหมือนมีแม่เหล็กดูดที่ไม่อาจควบคุมได้ นัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้นมองมาที่เธอในทันที เพื่อจับความลับที่เธอซ่อนไว้ใต้ดวงตา
เขายื่นมือออกมาตั้งใจจะปัดผมตรงปากของเธอ แต่ซูย้าวรู้ทันและหลบตัวหลีก ทำให้แขนของเขาพลาดเป้าแต่ดวงตากลับเป็นประกาย
ซูย้าวหรี่ตาของเธออย่างเชื่องช้า หันหลังให้เขาแล้วเดินหน้าไปต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ก้าวเธอก็หยุดฝีเท้าลง
คำบางคำ คาดว่าคงถึงเวลาต้องอธิบาย เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วหันหลังกลับไป แต่คาดไม่ถึงว่าจะชนไปที่หน้าอกหนาแข็งแรงของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังเธอเมื่อไหร่
เธอตกตะลึงเล็กน้อยและต้องการจะถอยกลับ แต่แขนยาวของชายหนุ่มเอื้อมมาจับเอวเรียวของเธอไว้อย่างแม่นยำ จนเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำมีความหมายอย่างอธิบายไม่ได้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูลึกซึ้งแฝงไปด้วยความหมายว่า “คอยหลบผมอยู่แบบนี้ ไม่ใช่นิสัยที่ดีนัก”
คิ้วของซูย้าวขมวดขึ้น เธอพยายามสะบัดจนหลุดออกจากแขนของเขาแล้วถอยกลับไปสองสามก้าวพูดว่า “คุณควรเอาเวลาไปใส่ใจลูกๆ ดีกว่านะ คุณส่งเด็กทั้งสองคนไปต่างประเทศในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเป็นไปได้ ช่วยอยู่กับพวกเขาสักพักให้พวกเขาชินเสียก่อน”
ดวงตาที่เย้ายวนของลี่เฉินซีไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาเพียงพูดขึ้นว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันมีธุระที่ต้องทำ คุณไม่ต้องมาสนใจเรื่องนี้หรอกค่ะ ดูแลลูกให้ดีๆ นี่คือสิ่งที่คุณควรจะทำ” เธอพูด
คิ้วอันได้รูปของเขาขมวดขึ้นเบาๆ “คุณพูดสลับกันหรือเปล่า?”
ในฐานะแม่ เธอควรดูแลลูกให้ดี ส่วนเขาทำงานต่อสู้ดิ้นรนด้านนอกเพื่อพาครอบครัวให้พ้นวิกฤตินี้ไม่ใช่หรือ?
ทำไมสำหรับเธอ ทุกอย่างจึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้
ดวงตาอันงดงามพร้อมขนตายาวของซูย้าวเคลื่อนไหวเบาๆ เธอคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า “ฉันพูดจริงนะคะ ฉันไม่ได้ล้อเล่น ลี่เฉินซีแม้ว่าฉันจะไม่ได้อธิบายทุกอย่างต่อคุณ แต่คุณก็รู้เกือบทุกอย่างแล้ว”
เรื่องเกี่ยวกับอานเจียเย้น เกี่ยวกับการหลบหนีจากการแต่งงานของเธอ การปฏิเสธเขาอีกครั้งและอื่นๆ เกือบทุกเรื่องที่ลี่เฉินซีรู้
“ตอนนี้ในเมื่อคุณรู้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนอะไรจากคุณอีกต่อไป” ซูย้าวถอนหายใจเล็กน้อย ระบายความทุกข์ใจที่ถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน “ฉันขอโทษที่พาคุณและลูกมาจมอยู่ในโคลนด้วย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดและถอนตัว พาลูกๆ ไปเถอะค่ะ!”
ให้พวกเขาอยู่ห่างจากที่นี่ หลีกหนีจากความถูกผิด หลีกเลี่ยงความแค้นเหล่านั้นแล้วพาเด็กๆ ไปให้ไกล
“แล้วฉันจะให้ข้อมูลติดต่อของแม่แก่คุณ คุณพาลูกและแม่ของคุณไป ครอบครัวจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกอย่างที่นี่จะมีคนเข้ามาดูแลให้รวมถึงลี่ซื่อ อย่างมากก็แค่หนึ่งปี หลังจากนั้นหนึ่งปี พวกคุณค่อยกลับมา”
ในเวลานั้นทุกอย่างจะสงบลง
เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ของอานเจียเย้น ภายในเวลาหนึ่งปีนี้ไม่ว่าวิธีการใดเธอก็จะใช้มันอย่างไม่เลือก อย่างมากก็เผาไปพร้อมกัน!
ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องอนาคตของลูกๆได้ เธอก็จะไม่รีรอ