บทที่ 185
กั๋วเซี่ยหยู
กลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้น แต่งกายด้วยชุดคลุมแบบเดียวกับสำนักกระบี่ประหารเทพ พวกเขาย่างกรายผ่านหุบเขาแสงจันทร์และเหยียบย่ำพืชพรรณที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้จนเสียหาย
ชายที่ยืนอยู่ตรงกลาง หน้าตาดูหยิ่งยโสโอหังผู้นี้คือ กั๋วเซี่ยหยู จ้าวสำนักกระบี่ประหารเทพ เขาได้นำเหล่าศิษย์มาเพื่อสานต่อภารกิจสำคัญที่ได้รับถ่ายทอดมาจากภาคีให้สำเร็จ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยมาเยือนเหมืองด้วยตนเอง แต่เขาก็ติดต่อถามไถ่ความคืบหน้ากับฮงเหยียนอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อข่าวคราวจากฮงเหยียนหายไป จ้าวสำนักกระบี่ก็กระวนกระวาย เพราะไม่สามารถรายงานแก่เบื้องบนได้ จึงตัดสินใจนำกำลังมุ่งหน้ามาหุบเขาแสงจันทร์เพื่อมาตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเอง
เมื่อเขามาถึงเบื้องหน้าของเขาก็มีเพียงซากปรักหักพัง และชาวบ้านที่กำลังเตรียมการอพยพเท่านั้น
“พวกแก! พวกแกทำอะไรฮงเหยียน!?” กั๋วเซี่ยหยูคาดเดาไปต่างๆนานา แต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเทพอสูรอย่างฮงเหยียนจะถูกกำราบโดยพวกชาวบ้าน
เย่เย่เดินแยกออกจากฝูงชน ตรงมาหาชายวัยกลางคนผู้เย่อหยิ่งโดยปราศจากความเกรงกลัว
“เจ้าคงจะหมายถึง คนที่ข้าเพิ่งฆ่าตายเมื่อสองสามวันก่อนสินะ?” ด้วยการออกหน้าของเย่เย่ ทำให้ชาวบ้านที่อกสั่นขวัญแขวนเบาใจลง
ซูเจี่ยที่เห็นกั๋วเซี่ยหยู ก็กัดฟันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้นเข้ากระดูกดำ และความปรารถนาที่จะล้างแค้นให้กับบุพการี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำมัน
“นี่เจ้า!? เจ้าฆ่าเขาและศิษย์ของข้าด้วยตนคนเดียวงั้นรึ! บังอาจ” น้ำเสียงและคำพูดที่ยียวนของเย่เย่ทำให้กั๋วเซี่ยหยูถึงกับฟิวส์ขาด แต่สมองของเขากลับสั่งการให้ถอยออกจากเย่เย่
“ปะ เป็นไปไม่ได้ ฮงเหยียนผู้นั้นไม่มีวันแพ้ใครง่ายๆ” สีหน้าของเหล่าศิษย์ล้วนตกตะลึงเพราะ ฮงเหยียนถือเป็นหนึ่งในเทพอสูรเพียงไม่กี่คนในสำนัก อีกทั้งใบหน้าของเย่เย่ก็ยังดูอ่อนเยาว์ไร้ประสบการณ์ การที่เขาฆ่าฮงเหยียนนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายมาก
แต่แล้วประโยคต่อไปของเย่เย่ ก็ได้ไขความเคลือบแคลงใจของพวกเขาจนสิ้น
“เอ- ฮงเหยียนนี่ใช้ตาแก่ไว้เคราแพะ หน้าตาทะเล่อทะล่ารึเปล่าน้า? อ๊ะ จริงสิถ้าข้าจำไม่ผิดข้าโยนศพเขาทิ้งเป็นอาหารสุนัขป่าที่หลังเขาแสงจันทร์แล้วล่ะ ถ้าเจ้าจะหาศพเขาคงต้องไปคว้าน ท้องหมาป่าดูเอาแล้วล่ะ แต่ข้าว่าป่านนี้คงกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว” เย่เย่ยังคงใช้ถ้อยคำยั่วโมโหพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นเข้าก็ไม่คิดจะปล่อยพวกมันกลับไป
“เหอะ ปากดีนักนะ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช่คนที่ฆ่า ฮงเหยียนหรือไม่ แต่วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย!” กั๋วเซี่ยหยูชี้นิ้วไปข้างหน้าเป็นสัญญาณให้เหล่าศิษย์เปิดฉากการโจมตี
ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง!
ศิษย์แห่งสำนักกระบี่ชักกระบี่ออกจากฝัก และวิ่งกรูเข้าใส่เย่เย่
“ดาบนี้เพื่อท่านฮงเหยียน!”
“เพื่อท่านฮงเหยียน!”
กั๋วเซี่ยหยูใช้ลูกน้องเป็นเครื่องมือในการลองเชิงเย่เย่ เพื่อหาจุดอ่อนของเขา
“เปล่าประโยชน์!” เย่เย่ยกไหล่ขึ้น อัดลมปราณลงที่มือทั้งสองข้าง และกระทุ้งใส่ศัตรูทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า
ตู้มมมมมมมมม!
ศิษย์สำนักกระบี่คนอื่นๆที่เห็นสภาพที่อเนจอนาถของสหายทั้งสอง ก็ชะงักเท้าลงทันที ก่อนจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง พวกเขารู้สึกราวกับพลังแห่งโลกและสวรรค์ที่ไหลเวียนในที่แห่งนี้ถูกเย่เย่ดูดกลืนไปเสียสิ้น ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามดึงพลังฟ้าดินมากแค่ไหนก็ไม่อาจจับสัมผัสมันได้เลยแม้แต่น้อย
เย่เย่วาดหมัดไปข้างหน้า เกิดคลื่นอัดกระแทกพุ่งใส่เหล่าศิษย์อย่างรุนแรง พวกเขากระอักเลือดและกระเด็นออกไปอย่างไร้ทิศทาง
กั๋วเซี่ยหยูที่หวังจับจุดอ่อนของเย่เย่ ก็ผิดแผนไปเสียหมด เขาได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง
ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ตกตะลึงในวรยุทธ์ของเย่เย่ แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ปรบมือ กระโดดโลดเต้น ส่งเสียงเชียร์เย่เย่อย่างสุดใจ ความหวาดกลัวที่สั่งสมและกดทับในจิตใจมานานก็ถูกปัดเป่าจนมลายสิ้น
เย่เย่เดินเข้าหากั๋วเซี่ยหยู จนกั๋วเซี่ยหยูล้มลงด้วยความหวาดกลัว และพยายามใช้มือตะกุยพื้นถอยออกไปอย่างน่าสมเพช แต่กระนั้นเย่เย่ก็ไม่รีบร้อน เขาต้องการให้กั๋วเซี่ยหยูลิ้มรสความทุกข์ทรมานของผู้บริสุทธิ์ที่เขาฆ่าตาย
“เหวออออออ ทะ ทะ ทะ ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย” วินาทีนั้นเองกั๋วเซี่ยหยูก็ตระหนักได้ถึงสาเหตุที่ฮงเหยียนขาดการติดต่ออย่างกะทันหัน ฮงเหยียนนั้นไม่มีช่องว่างให้คิดจะหนีเลยด้วยซ้ำ
‘นี่มันเกินคำว่าเทพอสูรไปแล้ว จิตพิสุทธิ์งั้นรึ!?’ กั๋วเซี่ยหยูคิดในใจอย่างขมขื่น ใบหน้าของเขาสะท้อนความสิ้นหวังออกมาได้อย่างชัดเจน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงมีจอมยุทธ์ขั้นจิตพิสุทธิ์อยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็กๆแห่งนี้ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาเลือกทำเลในการทำเหมืองได้สมบูรณ์แบบแล้วแท้ๆ
เมื่อกั๋วเซี่ยหยูรู้ชะตากรรมของตัวเอง เขาก็รวบรวมลูกบ้าเฮือกสุดท้าย กัดฟันตะโกนสั่งเหล่าศิษย์ที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือหวังฝืนชะตาฟ้าลิขิต
“มัวทำไรอยู่ ตั้งแนวรบวารีบรรจบเดี๋ยวนี้!”
“โอ้อออออออ!” ศิษย์สำนักกระบี่ขานรับอย่างเป็นไงเป็นกัน พวกเขารีบตั้งแนวรบตามคำสั่งจ้าวสำนัก
ทันทีที่เห็นเย่เย่หันหลังให้ กั๋วเซี่ยหยูก็ชักกระบี่ออกมาจากฝัก และลอบแทงมันเข้าที่ท้ายทอย แต่เย่เย่ก็จับจิตสังหารได้ เขาใช้ปลอกแขนเหล็กรับกระบี่ไว้ได้ทันท่วงที ก่อนหันไปตอบโต้จ้าวสำนักกระบี่
กั๋วเซี่ยหยูพยายามถ่วงเวลาเย่เย่อย่างสุดความสามารถ แม้จะรู้ว่าเทพอสูรอย่างเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับ จอมยุทธ์จิตพิสุทธิ์เลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่หวังพึ่งแนวรบวารีบรรจบซึ่งเป็นไพ่ตายของสำนักที่สืบทอดต่อกันมาในการพลิกสถานการณ์
“ถอยไป!” ระหว่างที่ทั้งสองช่วงชิงจังหวะกันนั้นเอง เย่เย่ก็รับกระบี่ของกั๋วเซี่ยหยูไว้ได้ด้วยมือเปล่า ผสานลมปราณลงที่เท้าและเตะเข้าที่ท้องน้อยอย่างรุนแรง
เปรี้ยงงงงงงงงงง!
เสียงลูกเตะ ประหนึ่งสายฟ้าฟาด
“อุ่กกก!” ความแข็งแกร่งของจิตพิสุทธิ์นั้นเหนือความคาดหมายของกั๋วเซี่ยหยูอยู่มาก หากไม่ใช่เพราะเขาสวมใส่ชุดเกราะที่สั่งทำขึ้นพิเศษจากแร่ที่ขุดจากหุบเขาแสงจันทร์ เขาคงได้กลายเป็นอาหารสุนัขตราพีดีเก็ตตามฮงเหยียนไปแล้ว
“บ้าน่า!?” เย่เย่ที่เห็นกั๋วเซี่ยหยูยังไม่สิ้นใจในทันที ก็นึกประหลาดใจขึ้นมา แต่สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากกว่าคือแนวรบที่ว่า
จ้าวสำนักที่บาดเจ็บ ลุกขึ้นรวมกับเหล่าศิษย์ แนวรบวารีบรรจบคือแนวรบที่ศิษย์สำนักกระบี่เหยียบอากาศต่อตัวขึ้นไปราวกับคลื่นลูกใหญ่ โดยมีกั๋วเซี่ยหยูเป็นแกนกลาง
“สายน้ำทุกทิศ บรรจบเป็นหนึ่ง!” กั๋วเซี่ยหยูและเหล่าศิษย์ประสานเสียง สลับตำแหน่งกันอย่างรวดเร็วเปรียบดังสายน้ำที่ไร้รูปร่าง พวกเขาชี้กระบี่ออกมาด้านหน้า ทะยานเข้าโจมตีเย่เย่จากทุกทิศทาง
“น่าสนุกดีนี่!” เย่เย่แสยะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความตื่นเต้นที่เก็บงำเอาไว้ไม่อยู่…