เพียงแต่คำพูดแบบนี้ แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพูดออกมาได้ ตอนนี้เย่หวานจิ้งเป็นฝ่ายให้โอกาสเธอ มันดีมากจริง ๆ
เย่หวานจิ้งตบมือเธอเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ในมือจิ้นยวนก็มีบัตรเชิญ ปีนี้น่าจะไปร่วมงาน หนูอย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ หน่อย รู้ไหม”
กงมั่วหน้าแดงขึ้นในทันที เธอเขินจนก้มหน้าลง ปกปิดความสุขไว้ใต้สายตา จากนั้นดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างได้ แล้วเงยหน้าขึ้นพูดอย่างรู้สึกลำบากใจ
“คุณป้าคะ ตั้งแต่เรื่องครั้งที่แล้วที่โรงพยาบาล คุณชายน้อยไม่พอใจหนูอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ถ้าหากเห็นหนูในงานประมูล น่าจะไม่ดีใจแน่ ๆ ค่ะ”
“วางใจได้ ยังไงซะหนูก็เป็นแขกของนายท่านลู่ จิ้นยวนเคารพปู่ของเขามาก ไม่มีทางหักหน้าคุณปู่ของเขา หนูวางใจได้”
“ถึงเวลา ถ้าหากว่าถูกใจของในงานประมูล ก็ให้จิ้นยวนซื้อให้หนู”
“ปกติจิ้นยวนงานยุ่งมาก ถึงแม้จะอยู่ที่เมืองตี้ตู ก็มีเวลากลับมาน้อยมาก ครั้งนี้หนูจะต้องคว้าโอกาสไว้ให้ถึงจะถูก”
เย่หวานจิ้งโน้มน้าวใจ
นี่เป็นเรื่องจริง กงมั่วก็เห็นด้วย
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลลู่ จำนวนครั้งที่ได้พบลู่จิ้นยวน สามารถใช้มือนับได้จริง ๆ ถึงแม้ลู่จิ้นยวนจะกลับมา ก็ตรงไปที่ห้องหนังสือ บางครั้งอาหารเย็นพ่อบ้านก็เป็นคนยกขึ้นไปให้
เดิมทีเธอวางแผนไว้ว่าจะอาศัยความใกล้ตัวสนิทชิดเชื้อ แต่ตอนนี้ดูแล้ว เธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลลู่ทุกวัน โอกาสที่จะได้พบลู่จิ้นยวน กลับน้อยที่สุด
ตั้งแต่ที่เธอกลับประเทศมา ไม่ว่าจะดูจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร หรือได้สัมผัสเองในคฤหาสน์ตระกูลลู่ ทั้งหมดแสดงให้เธอเห็นว่าอำนาจและทรัพยากรทางการเงินของตระกูลลู่แข็งแกร่งแค่ไหน?
ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ เธอรู้สึกเหมือนหึกเหิมในใจ ความทะเยอทะยานอันร้อนแรงที่ขยายตัวนั้น ทำให้ตื่นตัวทุกวัน
เพียงแค่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลลู่ได้ แต่งงานกับลู่จิ้นยวน ได้เป็นนายหญิงของตระกูลลู่ ทุกอย่างก็จะเป็นของเธอ ความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งไม่มีที่สิ้นสุดก็ได้มาอย่างง่ายดาย
ไม่ผิดนี่ถึงจะเป็นชีวิตที่เธอโหยหามาตลอด เป็นการดำรงชีวิตที่เธอควรจะมี เธอมุ่งมั่น ว่าตัวเองจะต้องทำให้สำเร็จ
วันงานประมูลมาถึงอย่างรวดเร็ว
ลู่จิ้นยวนเข้าร่วมการประมูลเพื่อการกุศลนี้จริง ๆ แต่เขาก็พาหญิงสาวคนนึงมาด้วยกัน แน่นอนว่าคู่ของเขาคือเวินหนิง
เขาใช้วิธีต่าง ๆ นานาอยู่หลายวัน ถึงจะทำให้เวินหนิงยอมตกลงมาร่วมงานด้วยกันกับเขา
เวินหนิงไม่เต็มใจ ไม่ใช่เป็นเพราะขัดแย้งอะไรกับลู่จิ้นยวน แต่ผู้เข้าร่วมงานการประมูลขนาดใหญ่แบบนี้รวยแล้วรวยอีกไม่ว่า ในงานก็ยังมีการสัมภาษณ์จากนักข่าว
ถึงเวลาลู่จิ้นยวนจะต้องเป็นจุดสนใจของคนพวกนี้อย่างแน่ เวินหนิงไม่ต้องการเป็นที่สนใจ ถึงเวลาเรื่องระหว่างลู่จิ้นยวนพูดไม่ชัดเจนก็จะแพร่กระจายไปทั่ว
แต่สุดท้ายเวินหนิงก็ใจอ่อน ทนความดื้อรั้นของเขาไม่ไหว จึงตอบรับในที่สุด
อันที่จริง ถ้าหากพูดขึ้นในสำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลลู่ สำหรับข่าวลือต่าง ๆ นานาของเธอกับลู่จิ้นยวนไม่ใช่เรื่องสดใหม่ หากไม่ใช่ลู่จิ้นยวนใช้ข้อแข็ง ก็ถูกปล่อยข่าวออกมาโลกภายนอกตั้งนานแล้ว ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันหยั่งกับกิ่งทองใบหยก เมื่อเดินเข้ามาในงานก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน
สำหรับการทักทายอย่างเป็นพิธีรีตองของผู้คน ลู่จิ้นยวนเฉยเมย แต่ทุกครั้งที่มีคนถามถึงเวินหนิงที่อยู่ข้างกายเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูจริงจังมากขึ้น แน่นอนว่าเขาบอกทุกคน ว่าตนเองกำลังตามจีบเธออยู่ชั่วคราว
ผู้หญิงที่สามารถทำให้ลู่จิ้นยวนยอมรับด้วยปากตัวเองว่ากำลังตามจีบอยู่ ทันใดนั้นก็ได้รับความสนใจมากพอ ๆ กับตัวลู่จิ้นยวน เวินหนิงโมโหจนแถบจะหมุนตัวเดินออกไป
“นายพูดมั่วอะไร”
เวินหนิงถลึงตาใส่เขา แล้วกัดฟันพูด
ลูจิ้นยวนโอบเอวของเธอ หัวเราะเบา ๆ ใกล้หูของเธอ “คุณภรรยาที่รัก สองมาตรฐานของเธอเกินไปหน่อยไหม”
“ฉันก็แค่บอกทุกคนว่าฉันกำลังตามจีบเธออยู่แค่นั้น คิดถึงลูกชายของพวกเราไว้ เขาไม่มีทางสนใจกาละเทศะ พอได้เห็นเธอก็ต้องตะโกนเรียกแม่แน่ ๆ นี่มันแรงกว่าที่วิธีการพูดของฉันเยอะเลย”
“ลูกชายเรียกเธอยังไง ทำให้เกิดผลอะไรตามมาทีหลังเธอก็ไม่โกรธ แม้กระทั่งคำว่าแฟนฉันยังไม่กล้าเรียก เธอยังไม่พอใจอีกเหรอ? ไม่ยุติธรรมต่อฉันเกินไปหน่อยเหรอ”
พูดถึงตอนหลัง น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนเต็มไปด้วยความน้อยใจและขุ่นเคืองใจ นี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขาแน่นอน
เวินหนิงถูกเขาทำให้กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก และก็พูดไม่ออก ที่ลู่จิ้นยวนพูด เธอรู้สึกหมดหนทางหักล้างจริง ๆ แต่จุดนี้เธอไม่มีทางแสดงออกมาให้เห็นแน่ ๆ
“ลูกชายยังเล็ก จะไปรู้เรื่องอะไร นายโตขนาดนี้แล้วจะไปเทียบอะไรกับลูก นายไม่ละอายใจเหรอ”
“แน่นอนว่าฉันละอายใจ ตอนนี้ฉันก็แค่ฉีดยาป้องกันให้กับโลกภายนอกเท่านั้น ถึงเวลาไม่แน่วันไหนวันหนึ่ง ลูกอาจจะเรียกเธอว่าแม่ต่อหน้าผู้คน จะได้มีการรองพื้นฐานไว้”
เวินหนิง “…”
เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเองพูดไม่เคยชนะผู้ชายหัวดื้อคนนี้ทุกครั้ง
ทั้งสองเดินเข้าในงาน ไม่ได้สังเกตุเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ตกตะลึงโมโหแม้กระทั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ด้านหลังของพวกเขาสักนิด
กงมั่วไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนเองเห็น ท่าทางเคร่งขรึมแบบนั้นของลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มที่ใบหน้าเย็นชา คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้าแบบนั้นออกมา เพื่ออ้อนผู้หญิงคนนึง?
เดิมทีเธอยังสามารถปลอบใจตนเองได้ ว่าลู่จิ้นยวนเป็นถึงประธานใหญ่คนนึง เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่จะหาคู่มาร่วมงาน
อาจจะเป็นเลขาของตัวเองหรืออาจจะเป็นเพื่อนราว ๆ นั้น เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
แต่ภาพนี้ และยังมีคำพูดที่ลู่จิ้นยวนแนะนำต่อคนอื่น ๆ เมื่อครู่ เธอหลอกตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ลู่จิ้นยวนมีคนที่ชอบแล้ว?
ข่าวนี้ทำให้เธอรับมือไม่ทันจริง ๆ
กงมั่วมองดูตัวเอง เธอตั้งใจแต่งตัวเป็นอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนที่เธอมา เธอจินตนาการมากมายถึงสีหน้าที่ลู่จิ้นยวนได้เห็นตนเอง
แม้กระทั่งพิจารณาถึงสิ่งที่ลู่จิ้นยวนคิดต่อเธอ คิดถึงคำเอ่ยขึ้นต้นนับไม่ถ้วน เธอหวังว่าจะเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
แต่ตอนนี้ดูแล้ว ความคิดพวกนั้นของเธอก่อนหน้านี้ น่าตลกเกินไปจริง ๆ กงมั่วหน้าแดงหน้าดำ ในใจเต็มไปด้วยความโมโห
สายตาของคนโดยรอบไม่น้อยมองมาที่เธอ เธอเป็นตัวแทนของเย่หวานจิ้งมาที่นี่ สามารถพูดได้ว่าตนเองคือคนของตระกูลลู่ แต่ตอนนี้เธอกลับพูดแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ถ้าเกิดคนพวกนั้นขอคำยืนยันจากลู่จิ้นยวน ชายคนนั้นที่เข้ากันได้ยากไม่มีทางไว้หน้าของเธอ ถึงเวลา คนที่เสียหน้ามีเพียงแต่เธอ
กงมั่วกำหมัดแน่น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ควบคุมสีหน้าของตนเอง แล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม
ถึงลู่จิ้นยวนจะมีคนที่ชอบแล้วยังไง?
ก็แค่ผู้หญิงคนนึงเท่านั้นแหละ แน่นอนว่าคนอย่างกงมั่วไม่น้อยหน้าไปกว่าผู้หญิงคนไหน
อีกอย่างลองเปลี่ยนมุมมอง วันนี้ไม่ถือว่าเธอไม่ได้ผลประโยชน์อะไร อย่างน้อยก็ได้รู้แล้ว ว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ปรากฏตัวข้างกายลู่จิ้นยวน คือศัตรูคนหนึ่งของเธอ