ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 669 จักรพรรดินีมาถึงแล้ว

ทูตกล่าวว่า “ไม่หรอกๆ องค์จักรพรรดิของข้า ยินดีต้อนรับท่านชายน้อยเป็นอย่างมาก ได้เตรียมอาหารที่เอร็ดอร่อยไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อเลี้ยงต้อนรับที่ท่านชายน้อยเดินทางมาแต่ไกล”

ซูเซี่ยนยิ้มจางๆ แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ให้พระองค์ขึ้นมาบนเรือ บนเรือของข้าก็มีอาหารเอร็ดอร่อยรอพระองค์เช่นกัน ”

“คือ……..”

ซูเซี่ยนกล่าวอีกว่า “เจ้าถามพระองค์แทนข้า เมื่อสมัยนั้นท่านแม่ของข้าไปที่เป่ยเซี่ย พระองค์เหยียดหยามท่านแม่ข้าอย่างไร พระองค์อาจจะจำได้”

ทูตจำใจต้องกลับไปกราบทูลตามความจริง

นี่ไม่เพียงทำให้องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ และทอดถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ เมื่อสมัยนั้นพระองค์ปฏิบิติเช่นนั้นต่อเฉินเสียน เป็นเพราะเฉินเสียนต้องการแย่งชิงซูเจ๋อไปจากข้างกายพระองค์ แต่วันนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ซูเจ๋อกลับห่างไกลจากพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ

คนโตทำให้พระองค์ไม่สบายใจ ตอนนี้ตัวเล็กก็มาแล้ว แต่กลับไม่ใช่การมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับท่านปู่ของเขา มันกลับเป็นการมาระบายอารมณ์แก้แค้นให้ท่านแม่เขา

องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยกีดกันเฉินเสียน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยคิดเลยว่า สุดท้ายพระองค์จะถูกหลานชายตนเองกีดกัดขับไล่

ท่านอ๋องมู่กล่าวออกหน้าว่า “ให้กระหม่อมไปเถิด กระหม่อมกับอาเซี่ยนเคยพบเจอกัน เขาเรียกกระหม่อมว่าปู่น้อย พวกกระหม่อมสองคนพูดกันง่ายพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยกล่าวถามว่า “สองวันมานี้ท่านอ๋องรุ่ยทำอะไร?”

“พักร้อนอยู่ในราชนิเวศน์พ่ะย่ะค่ะ”

“เขาไม่มาดูหน่อยหรือ ว่าบนเรือนั่นมีคนที่เขาโหยหาหรือไม่?”องค์จักรพรรดิกล่าวด้วยความโมโห

ท่านอ๋องมู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้าไม่ใช่ดูแล้วหรือ น่าจะยืนยันแน่ชัดว่าไม่มีแล้ว ก็ไม่ได้ใส่ใจอีก”

องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยแสดงความไม่พอใจ กล่าวว่า “ในใจของเขามีเพียงหญิงผู้นั้น แม้แต่ลูกของตนเองยังไม่ต้องการ!”

“เกรงว่าท่านอ๋องรุ่ยยังนึกไม่ออก ว่าตนเองมีลูกชายเช่นนี้ เสด็จพี่ปล่อยให้ข้าไปดูเถิด ไม่แน่ว่าอาเซี่ยนอาจจะฟังที่กระหม่อมพูด แล้วขึ้นฝั่งมาพบเสด็จพี่นะพ่ะย่ะค่ะ ”

สุดท้ายองค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเลยได้ตอบรับให้ท่านอ๋องมู่เป็นทูตไปเยือนครั้งที่สาม

เวลานี้พระอาทิตย์โผล่ขึ้นแล้ว แสงตะวันรอนสาดส่องบนน่านน้ำทะเล ถูกน้ำทะเลหักเหเป็นชั้นๆ แสงสว่างโชติช่วง พระอาทิตย์ขึ้นที่ชายทะเลนี้สวยงามเป็นอย่างมาก

การปฏิบัติตนของท่านอ๋องมู่กับทูตที่ไปสองครั้งนั้นแตกต่างกัน

ซูเซี่ยนแยกความถูกต้องออกชัดเจน เมื่อสมัยนั้นท่านอ๋องมู่เขียนจดหมายให้ท่านแม่เขา ถึงได้รู้ว่าท่านพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ท่านแม่ของเขามาถึงเป่ยเซี่ย ก็เป็นท่านอ๋องมู่ที่ลำบากจัดการให้ทุกด้าน

ด้วยเหตุนี้ซูเซี่ยนเลยปฏิบัติต่อเขาอย่างดี นำเขามาด้านบนดาดฟ้าของเรือ แล้วยังคงเรียกเขาเหมือนเดิมว่า “ปู่น้อย”

ท่านอ๋องมู่มองซูเซี่ยนที่อยู่ตรงหน้า เทียบกับเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ได้เจอเขาที่หน้าลานบ้านยังเป็นเด็กน้อยสนุกสนานนุ่มนวล และวันนี้รูปร่างหน้าตาเค้าโครงบุคลิกอุปนิสัยของเขาที่ปรากฏออกมามีความเหมือนท่านพ่อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ท่านอ๋องมู่ทอดถอนหายออกมาแล้วกล่าวว่า“เวลาผ่านไปเร็วมาก อาเซี่ยนน้อยโตแล้ว”เขาเทียบที่เข่าของตนเองกล่าวอีกว่า “เมื่อสมัยนั้นเจอเจ้า เจ้าสูงเพียงเท่านี้เอง และวันนี้ชั่วพริบตาเดียว  ซูเซี่ยนให้ท่านอ๋องมู่อยู่กินอาหารมื้อเย็นด้วยกัน

ท่านอ๋องมู่พูดว่า องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยโหยหาอยากพบซูเซี่ยนทุกวัน ตอนนี้ท่านพ่อของเขาก็อยู่ในราชนิเวศน์ น่าจะลองขึ้นฝั่งไปดูสักหน่อยนะ

ในมือของซูเซี่ยนกุมน้ำชาอยู่ กล่าวว่า“ท่านพ่อของข้าไม่ต้องการข้าแล้ว ตอนนี้ข้าชื่อเฉินอิ้น ไม่เกี่ยวข้องกันกับเขา”

ท่านอ๋องมู่ได้ฟังแล้วโศกเศร้ามาก กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ท่านพ่อของเจ้าก็คิดถึงท่านแม่เจ้าทุกวัน ”

“ไม่ใช่ว่าท่านพ่อจำไม่ได้แล้วหรือ”

“จำไม่ได้ชั่วคราว ครั้งก่อนนั้นที่ท่านแม่ของเจ้ามาเป่ยเซี่ย เขาก็หลงรักท่านแม่ของเจ้าเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะลืมเรื่องราวไปแล้วเท่าไหร่ คิดเรื่องนั้นอีกกี่ครั้ง ผลสรุปก็เหมือนกัน”ท่านอ๋องมู่กล่าว “เจ้ารู้เพียงว่าท่านแม่ของเจ้าอยู่ที่เป่ยเซี่ยแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่อยู่ในนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อย เจ้าอาจจะไม่รู้”

เห็นซูเซี่ยนเงียบอึมครึม ท่านอ๋องมู่ยังกล่าวอีกว่า “ท่านพ่อของเจ้าปกป้องท่านแม่ของเจ้า ท่านแม่ของเจ้าคุกเข่าอยู่หน้าประตูองค์จักรพรรดิ ต่อมาก็มีท่านพ่อของเจ้าคุกเข่าอยู่ในสายฝนด้วยกันเป็นเวลาค่อนคืน เป็นสาเหตุที่ทำให้โรคเก่าของท่านพ่อเจ้ากำเริบ เดิมท่านพ่อของเจ้าเรียกร้ององค์จักรพรรดิช่วยทำให้เขาสมหวังสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ ให้เขาตามท่านแม่ของเจ้ากลับต้าฉู่ สุดท้ายกลับเป็นเพราะป่วย ทำให้ทั้งสองแยกจากกันจนกระทั่งบัดนี้”

ท่านอ๋องมู่กล่าวเกลี้ยกล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้ามาที่นี่แล้ว หรือว่าไม่ปรารถนาเห็นท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ากลับมาคืนดีกันดังเดิมหรือ? องค์จักรพรรดิรู้สึกเสียใจภายหลังบ้างแล้ว นี่เป็นการพลิกสถานการณ์ที่ดีเลยนะ……..”

หากอาเซี่ยนไม่ต้องการให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขากลับมาคืนดีกันดังเดิม จะลำบากตรากตรำมาที่นี่ทำไมกัน มาเพื่อตามแก้แค้นให้ท่านแม่เขาอย่างเดียวหรือ จุดมุ่งหมายของเขายาวไกลไม่หยุดอยู่อย่างนี้หรอก

เขาหวังว่าท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาจะกลับมาดีกัน เช่นนี้แล้วไม่ว่าเขาจะทุ่มเทพยายามแบบไหนล้วนคุ้มค่าแล้ว

แต่ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเรือได้สั่นไหวเล็กน้อย ด้านนอกมีการเคลื่อนไหว

ซูเซี่ยนลุกจากที่นั่งแล้วไปดูด้านนอกว่าสุดท้ายแล้วเกิดสิ่งใดขึ้น

เห็นเพียงเรือลำหนึ่งขับมาแย้งชนกับเรือเดินทะเล เรือที่อยู่ตรงข้ามนั้นยื่นทางเดินที่ทำจากไม้ลาดเอียงออกมาแต่ทว่าไม่โคลงเคลงและยังปลอดภัยอยู่

หญิงผู้หนึ่ง สวมใส่เสื้อคอตั้งสูงเก็บเอวคอด กำลังเอามือไขว้หลังอยู่ ตอนที่เฉินเสียนสีหน้าไร้ความรู้สึกก้าวเหยียบที่บันไดไม้ขึ้นจากเรือลำนั้นมาที่เรือเดินทะเล

เธอยืนสำรวจมองอยู่บนเรือ ลมยามค่ำคืนพัดผ่านปลายชุดของเธอ ทหารรักษาพระองค์คุกเข่าลงพร้อมกันแล้วกล่าวว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท!”

เวลานั้นซูเซี่ยนหรี่ตามอง เห็นท่านแม่ก้าวเท้าหันมาทางเขา ในแววตาของเขาเปล่งประกายขึ้น

ตลอดการเดินทางเฉินเสียนร้อนใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เห็นลูกชายปลอดภัยดี เธอนับว่าผ่อนคลายลงแล้ว และได้กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “พาผู้คนมากมายออกทะเลไม่บอกกล่าวสักคำ เจ้าคิดว่าสนุกหรือไม่? สถานการณ์บนท้องทะเลไม่สามารถคาดเดาได้ หากเกิดเรื่องขึ้นควรจะทำอย่างไร!”

ซูเซี่ยนกล่าวอย่างโอนอ่อนว่า “ท่านแม่กินอาหารมื้อเย็นหรือยัง?”

“อย่าพูดไม่มีแก่นสารเปลี่ยนเรื่องกับข้า”เธอกวาดมองสภาพการณ์บนเรือ แสยะริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าพาคนมาแค่น้อยนิดนี่ จะสามารถประท้วงเป่ยเซี่ยได้หรือ? เจ้าเพิ่งกี่ขวบกัน ต้องการหาทางแก้แค้นให้ข้า ข้าไม่สามารถทวงด้วยตัวเองได้เลยแม้แต่น้อยหรือ? ข้าโง่หรือ?”

ซูเซี่ยนก้มศีรษะ ไม่พูดไม่จา

เฉินเสียนกล่าวอีกว่า “เฉินอิ้น พูด!”

“ท่านแม่ ข้ารู้ตัวว่าทำผิดแล้ว”

นี่ถึงได้ทำให้เฉินเสียนสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงอารมณ์หันมาทางท่านอ๋องมู่ กล่าวถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านอ๋องมาอยู่บนเรือได้อย่างไร”

ท่านอ๋องมู่ยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยส่งข้ามา ให้เชิญอาเซี่ยนขึ้นฝั่งไปร่วมสังสรรค์กับองค์จักรพรรดิ”

เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ความสัมพันธ์ของต้าฉู่กับเป่ยเซี่ยไม่ดี มีอะไรที่ต้องสังสรรค์? หรือว่าต้องการลักพาองค์รัชทายาทต้าฉู่ของข้ามาที่เป่ยเซี่ย วางแผนไม่ดีผิดทำนองคลองธรรม?”

ท่านอ๋องมู่กล่าวว่า “องค์จักรพรรดิของข้าคิดถึงหลานชาย”

เฉินเสียนได้ยินแล้วแสยะยิ้มที่มุมปาก กล่าวว่า “องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยคิดถึงหลานชาย ควรที่จะไปหาหลานชายของตนเองในพระราชวัง มาทำอะไรบนเรือของต้าฉู่”

ท่านอ๋องมู่เห็นอากัปกิริยาที่ห่างเหินนั่นตอนที่เธอพูดถึงองค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ย อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉู่อย่าตำหนิเลย เป็นข้าที่นำเรื่องของอาเซี่ยนบอกแก่องค์จักรพรรดิของข้า ตอนนี้องค์จักรพรรดิของข้าต้องการพบเขา”

เฉินเสียนกล่าวอย่างอึมครึมว่า “อย่างไร ตอนนี้แม้แต่ลูกของข้าพระองค์ก็ต้องการแย่งไปหรือ”พูดแล้วเฉินเสียนก็หันหลัง ไม่อยากจะพูดอะไรกับท่านอ๋องมู่อีกแล้ว เลยกล่าวอีกว่า “ทหาร ส่งท่านอ๋องมู่ลงเรือ”

ท่านอ๋องมู่ทอดถอนหายใจออกมา “ไม่ง่ายที่จะมาที่นี่ ทำไมจะต้องเป็นอย่างนี้อีก”

เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบว่า “องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็เป็นผู้ที่มีลูกชาย น่าจะสามารถเข้าอกเข้าใจได้อย่างแท้จริง พระองค์ไม่ให้ข้าพบลูกชายพระองค์ ชาตินี้ทั้งชาติชั่วชีวิต พระองค์ก็อย่าคิดที่จะพบลูกชายของข้า ”เฉินเสียนกระตุกริมฝีปาก มองไปที่ท่านอ๋องมู่ “ปีที่แล้วให้สัตย์ปฏิญาณ บีบบังคับอย่างต่อเนื่อง ข้ายังจำได้ราวกับว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น เหมือนกับเป็นเมื่อวาน ท่านอ๋องมู่กลับไปเถิด”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset