อาการเจ็บป่วยของซูเจ๋อยังไม่หายดี เขายังทนรับความปรวนแปรไม่ได้ ดังนั้นแค่มีอะไรมากระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยก็เสี่ยงมากแล้วที่จะทำให้อาการเดิมกำเริบขึ้นมาอีก
ดังนั้นความเปียกชื้นที่ย่างกรายเข้ามาในเวลานี้จึงยิ่งทำให้ร่างกายของเขาทวีความแผดร้อน
หมอผีตรวจดูอาการอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงให้ความมั่นใจแก่องค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยว่าถึงแม้ซูเจ๋อจะไม่สบาย แต่อาการของเขาไม่ได้ร้ายแรงเหมือนก่อนหน้านี้และจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ขณะที่หมอผีผู้นี้กำลังเตรียมการรักษาซูเจ๋อ เฉินเสียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เริ่มตั้งสติได้อีกครั้ง เธอวิ่งฝ่าเหล่าขันทีที่คอยเฝ้าอยู่ไปจากห้องตำราหลวงโดยที่พวกเขาหยุดไว้ไม่ได้ เธอคว้าตัวนางกำนัลแถวนั้นไว้และถามทาง จากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังห้องบรรทมของจักรพรรดิซึ่งซูเจ๋ออยู่ที่นั่น
มีองครักษ์สามนายยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องบรรทมและขวางทางไม่ยอมให้เธอเข้าไป เธอถลันเข้าไปอย่างไม่ใส่ใจและอาละวาดโดยไม่สนใจใครหน้าไหน ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องหลีกทางให้เธอ
เฉินเสียนเคลื่อนไหวช้าลง ที่ปากและจมูกเริ่มมีเลือดซึมออกมา ตอนนั้นในใจของเธอคิดเพียงแค่ว่าเธอจะปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายซ้ำรอยเดิมไม่ได้
เธอจะปล่อยให้ซูเจ๋อจากโลกนี้ไปอีกไม่ได้
เฉินเสียนยืนอยู่ที่ด้านนอกโถงโดยมีทหารองครักษ์รายล้อม เธอโดดเดี่ยวและสิ้นไร้หนทาง แต่ให้ยอมตายเสียยังจะดีกว่ายอมแพ้
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยยืนอยู่ที่ด้านนอกโถงด้วยสีหน้าเย็นชา ตรัสอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ถ้าท่านก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ข้าคงต้องสังหารท่านให้สิ้น”
เฉินเสียนทิ้งมีดที่ชิงมาจากทหารองครักษ์และเอ่ยกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ยว่า “ขอให้ข้าเจอเขาเถิด”
“ท่านทำให้เขาเป็นแบบนี้ ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาขอเจอเขาอีกเรอะ!”
“ท่านพูดถูก เป็นข้าที่ทำร้ายเขา…” เฉินเสียนเอ่ยเบาๆ เหมือนพึมพำ “ขอให้ข้าได้เจอเขาอีกสักครั้ง แล้วข้าสัญญา ว่าต่อแต่นี้ไปข้าจะอยู่ให้ไกลจากเขา”
ทันใดนั้นเอง หมอผีซึ่งอยู่ด้านในก็ตะคอกขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว “หาคนใหม่มาช่วยข้าเดี๋ยวนี้ หมอหลวงผู้นี้ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก! มือสั่นไม่หยุดเช่นนี้จะฝังเข็มให้ท่านอ๋องรุ่ยได้อย่างไร!”
เฉินเสียนได้ยินดังนั้นจึงก้าวขาออกไป แต่ถูกทหารองครักษ์เข้ามาขวางไว้ที่ขั้นบันไดเสียก่อน ทันใดนั้นจักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็รับสั่งว่า “ฆ่านางซะ หากนางก้าวเข้าไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”
รับสั่งแล้วจักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็กลับเข้าไปที่ห้องโถงด้านข้าง หมอหลวงผู้นั้นขดตัวคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวว่า “ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตา กระหม่อมไร้ความสามารถ ไม่อาจฝังเข็มให้ท่านอ๋องรุ่ยได้! ขอพระองค์โปรดทรงตามหมอหลวงท่านอื่นมาโดยทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”
ประสบการณ์ของหมอหลวงผู้นี้ยังน้อยนัก ดังนั้นจึงทนรับความกดดันเช่นนี้ไม่ได้ ตอนนี้หมอผีมีสิ่งที่ต้องจับต้องทำเต็มสองมือ จำเป็นต้องให้เขาช่วยฝังเข็มให้ซูเจ๋อ แต่ยังไม่ทันลงมือทำอะไรมือของหมอหลวงผู้นั้นก็สั่นเสียแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยทรงถีบหมอหลวงผู้นั้นและด่ากราด “ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี!” ตอนนี้หากไปตามหมอหลวงคนอื่นมาจะยิ่งทำให้ล่าช้า ดีไม่ดีอาจจะช้าเกินไปที่จะรักษาอาการป่วยของซูเจ๋อ
เฉินเสียนได้ยินคำพูดเหล่านั้นดังมาจากในห้องโถง แสงจากโคมไฟใต้ชายคาส่องประกายวูบไหวอยู่ในแววตาของเธอ เธอรีบตะโกนไปว่า “ข้าทำได้!”
ภายในห้องโถงเงียบกริบ
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยหันกลับมามองเฉินเสียนที่อยู่ด้านนอก
เฉินเสียนมองจักรพรรดิเป่ยเซี่ยด้วยแววตาที่เศร้าโศก เธอไม่รู้ว่าควรใช้วิธีไหนเพื่อทำให้พระองค์เชื่อตนเอง จึงได้แต่กล่าวย้ำว่า “ข้าทำได้จริงๆ!”
“ให้ข้าเข้าไปช่วยเขาเถิดนะ ข้าพอจะรู้วิชาการแพทย์ ข้าช่วยได้แน่นอน”
ขอบตาของเฉินเสียนแดงก่ำ เธอพยายามสะกดกั้นความเจ็บปวดภายในใจเอาไว้จนหายใจไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามเอ่ยอย่างสงบว่า “หากคราวนี้ช่วยเขาไว้ไม่ได้ ข้าจะยอมจากไปพร้อมกับเขา ขอแค่ให้พระองค์ยอมเชื่อข้าครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยตรัสด้วยสีพระพักตร์ที่ไม่แสดงอารมณ์ว่า “ข้ายอมให้ท่านเข้าไปช่วยหมอผีก็ได้ แต่ท่านต้องสัญญากับข้า”
เฉินเสียนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดและรับปากไปว่า “ตกลง ข้ายอมสัญญาทุกอย่าง ขอเพียงแค่เขาปลอดภัย ข้าจะออกไปจากเป่ยเซี่ยทันทีและไม่มากวนใจอีก ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่เหยียบย่างเข้ามาในเขตแดนของเป่ยเซี่ยเลยแม้แต่ก้าวเดียว จะไม่มาพบหน้าเขาอีก…” เสียงของเธอค่อยๆ อ่อนแรงลงจนในที่สุดก็กลายเป็นแหบแห้ง “ข้าสัญญาว่าข้าจะอยู่ให้ห่างจากเขา จะไม่คิดพาเขากลับไปที่ต้าฉู่อีกแล้ว”
“คิดดีแล้วรึ”
เฉินเสียนตอบว่า “คิดดีแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิเป่ยเซี่ยจึงตรัสว่า “หลีกทางให้นาง ปล่อยนางเข้าไป”
เฉินเสียนก้าวขึ้นบันไดและเดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้างด้วยความรู้สึกที่ยุ่งเหยิง
หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดกรีดเมื่อเข้าไปด้านในและเห็นซูเจ๋อนอนราบอยู่ตรงหน้า ไม่สำคัญแล้วว่าในอนาคตจะได้เจอเขาอีกหรือไม่ ขอเพียงแค่ต่อจากนี้ไปเขามีชีวิตอยู่อย่างสงบปลอดภัย ขอแค่ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เฉินเสียนฟังหมอผีบอกอาการของซูเจ๋อให้ฟังอย่างคร่าวๆ และสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว ไม่กระวนกระวายไม่รีบร้อน จากนั้นจึงถลกแขนเสื้อและล้างมือล้างหน้าด้วยน้ำเย็นๆ เมื่อเช็ดมือเช็ดหน้าจนแห้ง การมองเห็นของเธอจึงค่อยชัดเจนขึ้น
ความหนาวเย็นรุกรานร่างกายของซูเจ๋ออย่างรุนแรง และร่างกายของเขาก็มีปฏิกิริยาต่อต้าน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความร้อนอุดตันภายในร่างกาย ไข้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นไม่มีหยุด
หมอผีให้เฉินเสียนช่วยเขาทะลวงเส้นเลือดให้ซูเจ๋อโดยการฝังเข็มขจัดตะกอนภายใน ซึ่งเป็นวิธีที่จะต้องใช้ความรวดเร็วและความแม่นยำ
เธอจับเข็มเงินด้วยมือทั้งสองข้างและนำเข็มไปลนไฟอย่างคุ้นเคย ทั้งมือและแววตาของเธอไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเข็มเงินในมือของเธอก็ฝังลงไปบนจุดฝังเข็มบนตัวซูเจ๋ออย่างแม่นยำ
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเข้ามาดูและเห็นว่าเฉินเสียนดูแตกต่างจากเมื่อครู่นี้เป็นคนละคน
แม้แต่หมอผียังประหลาดใจกับฝีมือการฝังเข็มของเธอ “พระองค์เคยฝึกมาก่อน? วิธีการฝังเข็มนี่ ใครเป็นคนสอนให้พระองค์หรือ”
เฉินเสียนถามว่า “มีตรงไหนไม่ควรหรือเปล่า”
หมอผีตอบว่า “ไม่มีอะไรไม่ควรพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่พระองค์ช่วยได้มากยิ่งกว่าหมอหลวงเสียอีก”
ไม่นึกเลยว่าหมอผีจะร่วมมือกับเฉินเสียนได้อย่างราบรื่น เพียงแค่ร่วมงานกันครั้งแรกก็รู้ใจกันโดยง่าย ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเฉินเสียนก็เข้าใจได้ทันที ไม่เหมือนหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงที่ทั้งงุ่มง่ามและขี้ขลาด
หมอผีตระหนักได้ว่าทักษะทางการแพทย์ของจักรพรรดิแห่งต้าฉู่นั้นไม่ได้ด้อย
ทั้งสองคนใช้เวลากว่าครึ่งค่อนคืนกว่าอาการของซูเจ๋อจะคงที่ ยามเมื่อใกล้รุ่งสาง อาการไข้ของเขาจึงค่อยทุเลาลง อุณหภูมิร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ มีเพียงแค่มือเท่านั้นที่ยังคงเย็นอยู่เล็กน้อย
หมอผีปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน เมื่อเห็นเฉินเสียนซึ่งกำลังเฝ้าซูเจ๋ออยู่ข้างเตียงและช่วยให้ความอบอุ่นแก่มือของเขา ภายในใจก็รู้สึกสงสารขึ้นมา
จักรพรรดินีผู้นี้ไม่สนใจแม้แต่ตัวเอง จนถึงตอนนี้นางยังคงสวมอาภรณ์ที่เปียกชื้น และอาจจะเป็นเพราะอยู่ในฐานะหมอซึ่งมีความรู้ทางการแพทย์เหมือนกัน เขาจึงรู้สึกชอบพอมีความอดทนมากกว่าปกติ “มือของพระองค์อุ่นแล้วหรือ หรืออยากจะให้เขาตัวเย็นลงอีก… ตอนนี้อาการของเขาคงที่แล้ว พระองค์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด แล้วค่อยกลับมามอบความอบอุ่นให้เขา”
เฉินเสียนกุมมือซูเจ๋อขึ้นมาแนบไว้กับใบหน้าของตนเอง เอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าไม่ไป จากไปคราวนี้ข้าคงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ขอให้ข้าได้อยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อยเถิด”
หมอผีได้ยินคำมั่นสัญญาที่เธอให้ไว้กับจักรพรรดิเป่ยเซี่ย เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเฉินเสียน เขาจึงทำได้เพียงลอบถอนหายใจ
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยยังทรงเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกและไม่ได้บรรทมเลยตลอดทั้งคืน ในเวลานี้พระองค์จึงประทับนั่งเอามือเท้าขมับและงีบหลับไปครู่หนึ่ง
ทันทีที่หมอผีออกมา จักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็ตื่นบรรทมและบีบสันพระนาสิก จากนั้นจึงลุกขึ้นตรัสถามว่า “อาการเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอผีทูลว่า “ตอนนี้อาการยังคงที่ แต่หลังจากนี้จะเป็นอะไรอีกหรือไม่ กระหม่อมเองก็ยังบอกไม่ได้ ยังต้องติดตามดูอาการอีกสักสองชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยตรัสถามอย่างเย็นชาว่า “แล้วนางล่ะ”
หมอผีรู้ว่าพระองค์ถามถึงเฉินเสียน เขาจึงตอบไปว่า “ตอนนี้ยังอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีฝ่าบาทควรปล่อยให้พระนางอยู่ที่นี่ต่อ อีกสักพักหากเกิดอะไรขึ้นอีก กระหม่อมยังจำเป็นต้องให้พระนางคอยช่วยพ่ะย่ะค่ะ”