หลังจากเย่ม่านอึ้งอยู่นาน เธอตกใจ และรีบพูดพัลวัน “หยางเฉิน รีบคุกเข่าขอบคุณตาสิ!”
“เย่ม่าน นี่เธอกำลังจะเอาตระกูลเย่ที่สร้างมากว่าร้อยปี มอบให้คนอื่นเหรอ” เย่ชังพูดอย่างโมโห
“ตลก!”
เย่ม่านยิ้มเย้ยหยัน “หยางเฉินเป็นลูกเขยฉัน ทำไมถึงเป็นคนนอกล่ะ หรือว่าพ่อต้องเอาตำแหน่งเจ้าบ้านให้นาย ถึงจะเหมาะสมงั้นเหรอ”
“อีกอย่าง พ่อตัดสินใจแล้ว นายมีสิทธิ์ก้าวก่ายการตัดสินใจของพ่อเหรอ”
“หรือการที่นายได้เป็นทายาทสืบสกุลมานาน เลยเคยชินกับการใช้อำนาจเจ้าบ้าน”
เย่ม่านพูดอย่างไม่เกรงใจ
เย่ชังหน้าเปลี่ยนสี เขามองเย่จี้จงที่แววตาเคร่งขรึม และพูดอย่างหวาดกลัว “เย่ม่าน เธออย่าพูดอะไรไร้สาระ!”
“ฉันพูดไร้สาระเหรอ นายกำลังเถียงการตัดสินใจของพ่อชัดๆ นายพูดขัดขึ้นมาแล้ว นายกำลังก้าวก่ายการตัดสินใจของพ่อไม่ใช่หรือไง”
เย่ม่านแสยะยิ้มและถามขึ้น
ในสถานการณ์แบบนี้ เธอต้องเหยียบย่ำเย่ชังให้สาสม
หลายปีมานี้ เย่ชังกดขี่เธอมาตลอด กว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องใช้ให้คุ้ม
หยางเฉินเป็นลูกเขยของเธอ ถ้าหยางเฉินสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน งั้นเธอก็คือแม่ยายของเจ้าบ้าน เธอจะมีอำนาจรองจากหยางเฉินไม่ใช่เหรอ
ผลตอนนี้ เหนือกว่าแผนการที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้ มันสมบูรณ์แบบมาก
“คุณน้า ลุงรองทำเพื่อตระกูลเย่ คุณพูดกับลุงรองแบบนี้ จะเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
“หยางเฉินเป็นลูกเขยของน้า แน่นอนว่าน้าอยากให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน”
“แต่ยังไง เขาก็ไม่ใช่คนในตระกูลเย่ ถึงจะเปลี่ยนนามสกุล ก็เปลี่ยนความจริง ที่เขาเป็นคนนอกไม่ได้หรอก”
“ตระกูลเย่ของเราให้ความสำคัญด้านสายเลือดมาก ถึงเขาจะเก่งขนาดไหน แล้วยังไงเหรอ”
เย่หวูซวงพูดขึ้น จู่ๆ เขาก็เล่นงานเย่ม่าน
จู่ๆ เย่ชังกับเย่หวูซวงมีความคิดเห็นตรงกัน และร่วมมือกันเล่นงานเย่ม่าน
หยางเฉินยังไม่แสดงท่าทีอะไร เขาขำกับเรื่องที่เกิดขึ้น
การที่เย่จี้จงเสนอให้เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย นี่แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเย่จี้จง
เขาทุ่มสุดตัว เพื่อความก้าวหน้าของตระกูลเย่
อย่างที่เย่ชังกับเย่หวูซวงพูด ไม่ว่ายังไง ก็เปลี่ยนความจริง ที่หยางเฉินเป็นคนนอกไม่ได้หรอก
ถ้าหยางเฉินไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมา ตระกูลเย่ก็จะตกเป็นของเขา โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย
“หุบปากให้หมด!”
ขณะที่เย่ชัง เย่หวูซวง และเย่ม่านกำลังปะทะฝีปากกัน จู่ๆ เย่จี้จงตวาดออกมาเสียงดัง
ทั้งสามคนจึงเงียบ ใบหน้าของเย่ชังกับเย่หวูซวง เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ มีเพียงเย่ม่าน ที่มีสีหน้าชอบใจ
“เรื่องนี้ตกลงเช่นนี้ ฉันให้เวลาสามวัน จัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย จากนั้นพาเย่เสี่ยวซีมาเจอฉัน!”
“เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะเตรียมพิธีมอบตำแหน่งให้ เมื่อเสร็จเรียบร้อย นายก็คือเจ้าบ้านตระกูลเย่”
“นายมีอะไรจะพูดไหม”
ราวกับว่าเย่จี้จงตัดสินใจแล้ว หยางเฉินจะไม่ปฏิเสธ เมื่อพูดเรื่องพิธีมอบตำแหน่ง เขาจึงเพิ่งถามความเห็นของหยางเฉิน
เย่ชังกับเย่หวูซวงมีสีหน้าไม่พอใจ พวกเขาจ้องหยางเฉินเขม็ง
สำหรับพวกเขาแล้ว โชคหล่นทับขนาดนี้ มีหรือหยางเฉินจะปฏิเสธ
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง หยางเฉินส่ายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมขอปฏิเสธ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนเบิกตาโพลง สีหน้าเหลือเชื่อ
เย่จี้จงก็อึ้งไปเช่นกัน เข้าใจว่าตัวเองหูฝาด เขาขมวดคิ้วถาม “นายพูดอะไรนะ”
“อย่าว่าแต่จะให้ผมเปลี่ยนนามสกุลพร้อมฉินซีเลย ถึงจะไม่เปลี่ยนนามสกุล ผมก็ไม่เป็นเจ้าบ้านหรอก”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ “ในความคิดของผม อำนาจและเงินทองที่พวกคุณพูด สำหรับผม มันเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน บนโลกใบนี้ สิ่งเดียวที่ยั่งยืน ก็คือความสามารถที่แท้จริง!”
ตอนนี้ คนในตระกูลเย่แน่ใจแล้ว หยางเฉินปฏิเสธโอกาส ที่จะเป็นเจ้าบ้านจริงๆ
แววตาของ เย่ชังกับเย่หวูซวงเต็มไปด้วยความพอใจ แต่เย่ม่านกลับพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง “หยางเฉิน นายรู้หรือเปล่า ว่าฐานะของตระกูลเย่ในเมืองเยี่ยนตูอยู่ระดับไหน พ่อให้นายมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง เพราะพ่อเห็นความสำคัญของนาย แต่นายกลับปฏิเสธ”
สีหน้าของ เย่จี้จงก็ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การที่คนของนายกำราบผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่สำเร็จ นายคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นเหรอ”
จู่ๆ หยางเฉินยิ้มออกมา ในรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เขาขำที่คนพวกนี้มองอะไรตื้นๆ ขำพวกกระจอก ที่หลงตัวเองว่ามีอำนาจในตระกูลใหญ่
หลังจากที่ผ่านการฆ่าฟันในสงคราม หยางเฉินเจออะไรมาเยอะแล้ว อีกทั้งยังเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง จนไม่สามารถเทียบได้
ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง คนเดียวสามารถต้านทานได้ทั้งประเทศ!
ตระกูลธรรมดาๆ อย่างตระกูลเย่ ในประเทศที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีอะไรดีอย่างนั้นเหรอ
“นายยิ้มอะไร”
เย่จี้จงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คิดบางเรื่องขึ้นมาได้น่ะครับ เลยรู้สึกตลก”
หยางเฉินยิ้มบางๆ และเอ่ยขึ้น
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
หยางเฉินเดินได้ไม่กี่ก้าว เย่จี้จงเรียกเขาด้วยความโมโห
“พูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ คิดว่าตระกูลเย่เป็นตลาดเหรอ คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา”
“ฉันไม่ได้ทำให้นายลำบากใจ สุนัขรับใช้ของนายทำร้ายผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่ แถมยังกล้าฆ่าผู้แข็งแกร่งข้างกายฉันด้วย”
“ชีวิตแลกด้วยชีวิต ขอแค่เขาตาย ฉันจะปล่อยนายไป! ไม่งั้น วันนี้นายอย่าหวังว่าจะได้ก้าวออกจากตระกูลเย่ แม้แต่ก้าวเดียว!”
ใบหน้าของเย่จี้จงเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเขาพูดจบ ผู้แข็งแกร่ง 2 คนปรากฏตัวขึ้นข้างหลังชายชรา คนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีดำ ส่วนอีกคนแต่งกายด้วยชุดสีขาว
หยางเฉินรู้สึกถึงการมีอยู่ของสองคนนี้ตั้งนานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อครู่คนที่อยากจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้เขา อย่าง เย่จี้จง จู่ๆ ก็มาสร้างปัญหาให้เขา
มีพละกำลังแข็งแกร่งแผ่ออกจากตัว ของคนที่สวมชุดดำและขาว ทั้งสองคนฝีมือพอๆ กับหม่าชาว
ไม่เสียแรงที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ดูเหมือนว่าแม้แต่คนในตระกูลเย่ ก็ไม่รู้จักผู้แข็งแกร่งสองคนนี้
แม้แต่เย่ชังกับเย่หวูซวง ต่างมีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งทั้งสองคน
“เหอะๆ”
หยางเฉินหัวเราะ แววตาฉายแววอาฆาต เขาจ้องเย่จี้จงแล้วพูดว่า “เขาเป็นเพื่อนผม ถ้าผมยังได้ยินคุณพูดดูถูกเขาอีก ถึงคุณจะเป็นตาของเสี่ยวซี ผมก็จะให้คุณชดใช้!”
น้ำเสียงของหยางเฉินเย็นชามาก เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา อุณหภูมิห้องโถงในงาน เหมือนจะลดลงไปหลายองศา
เย่จี้จงโดนความกดดันจากหยางเฉิน เขารับรู้ได้ดี รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แขนขาเย็นไปหมด
เขาอ้าปากกำลังจะด่า แต่เมื่อเห็นสายตาอันแหลมคมราวกับมีดของหยางเฉิน จึงจำใจต้องกลืนสิ่งที่จะพูดลงคอ
ตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญอยู่กับมัจจุราช
เดิมทีคู่หูขาวดำเป็นผู้แข็งแกร่งฝีมือดี พวกเขารับรู้ถึงความอาฆาตได้เป็นอย่างดี ทั้งคู่ก้าวมาข้างหน้าแทบจะพร้อมกัน และยืนคุ้มครองซ้ายขวา อยู่ข้างหน้าเย่จี้จง