สีเหลืองทองทั้งตัวของเค้านั้นมันดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง มันส่องสว่างไปเกือบทั่วทั้งหุบเขา!
แม้แต่ดวงตาของเค้าเอง ในตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปเป็นสีทอง!
พลังที่พุ่งพล่านอย่างมหาศาลทั่วทั้งร่างกายของเค้า ฉินเฉิงกำหมัดของเค้าด้วยพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน พลังนี้มันครอบคลุมทั้งหมัดของเค้า!
ในตอนที่กำลังก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ อารมณ์ของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ อารมณ์ทั้งหมดของเค้ามันสงบนิ่งลงราวกับท้องทะเลสาบที่เงียบสงบและลึกลับ
“นี่คือพลังของจอมยุทธ์” ฉินเฉิงกระซิบ เค้ายังรู้สึกว่าหมัดของเค้ามันมีพลังมากพอที่จะทุบทุกสิ่ง!
แสงสีทองบนร่างของเค้ามันเริ่มมาบรรจบกับเนื้อหนังของเค้า
ในตอนนี้ร่างกายของฉินเฉิงมันมีความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงสีทองนี้ก็หายไปจนหมดแล้วทุกอย่างก็สงบลง
“ฮู้ววววว”
ฉินเฉิงปล่อยพลังในร่างกายของเค้าออกมา ทันใดนั้นเอง หุบเขาทั้งหมดมันก็สั่นสะเทือน! เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเขย่าออกในทันทีแล้วมันก็กลายเป็นเศษฝุ่นไปในทันที!
“มีคนมา?” รูม่านตาของฉินเฉิงกวาดมองไปในทางนั้น สีหน้าของเค้าไม่แยแสอะไรเลย
ในตอนนี้ ฉินเฉิงกระตือรือร้นที่จะต่อสู้เป็นอย่างมาก เค้าแทบทนรอไม่ไหวที่จะดูว่าพลังของจอมยุทธ์มันแข็งแกร่งมากไหน!
“วู้วววววว!”
มันมีร่างหนึ่งที่บินผ่านอากาศเข้ามา เค้าลงมายืนต่อหน้าของฉินเฉิงพร้อมกับเสียง
คนที่มาก็คือผู้พิทักษ์ตระกูลซู เค้ารูปร่างสูงและพลังของเค้าก็แข็งแกร่ง เค้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ขึ้เล่นบนใบหน้าของเค้า
“ฉินเฉิง แกมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เองเหรอ” ผู้พิทักษ์ที่สามก็มองไปโดยรอบ เค้าหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า : “หรือว่าเมื่อกี้แกจะพึ่งผ่านการลงทัณฑ์สวรรค์มา?”
ฉินเฉิงหลับตาลงเล็กน้อย เค้าพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า: “แกเป็นใคร?”
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร” ผู้พิทักษ์ที่สามก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “แกแค่ต้องรู้ว่าวันนี้มันจะเป็นวันตายของแก”
“ตายที่นี่อย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงหัวเราะ “จอมยุทธ์ขั้นหก ความแข็งแกร่งดีนี่”
ผู้พิทักษ์ที่สามก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วด่าว่า: “ฉินเฉิง แกคิดว่าหลังจากที่แกฆ่าจอมยุทธ์มาแล้วสองสามคน แกจะลายเป็นคนที่ไร้เทียมทานที่สุดอย่างงั้นเหรอ! สำหรับฉันแล้ว แกมันก็แค่พวกปลาซิวปลาสร้อยก็เท่านั้น!”
ฉินเฉิงเบ้ปากของเค้าแล้วพูดว่า: “ในความคิดของฉัน แกกับคนพวกนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรเลย”
“หวด หวด!”
ในตอนนี้เอง ที่ไม่ไกลออกไป มันก็มีพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามา!
“มีผู้ช่วยด้วยเหรอ?” ฉินเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฉันก็แค่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง นี่จอมยุทธ์ขั้นเจ็ดจะต้องลงมือด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
“ญาณหยั่งรู้ของแกไวดีหนิ” ผู้พิทักษ์ที่สามก็เยาะเย้ยขึ้นมา
ฉินเฉิงลุกขึ้นยืน พลังในร่างกายของเค้าในตอนนี้มันแบบราบมาก มันแทบไม่ต่างไปจากคนทั่วไปเลย
จากนั้นไม่นาน ผู้พิทักษ์ที่เหลืออีกหกคนก็รีบไปที่นั่น
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด พวกแกมาจากตระกูลซูสินะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเฉยชา
ทันทีที่เค้าพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของผู้พิทักษ์หลายคนก็เปลี่ยนไปในทันที
เค้า รู้ได้ยังไงกัน?
“แปลกใจเหรอ?” เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเค้า ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เค้าเหลือบมองไปที่หน้าของคนพวกนี้แล้วพูดเบาๆว่า: “พวกแกมีทั้งหมดเจ็ดคน แล้วทั้งหมดก็ยังอยู่ในขอบเขตของจอมยุทธ์ขั้นหก นอกจากตระกูลชั้นนำแล้ว มันก็ไม่มีใครสั่งให้พวกแกลงมือได้เลย”
“ตระกูลซูมีผู้พิทักษ์ทั้งหมดแปดคน มันก็ตรงกัน” ฉินเฉิงวิเคราะห์อย่างใจเย็น
ผู้พิทักษ์ที่สองก็พูดอย่างโมโหว่า: “ไร้สาระ! ฉินเฉิง แกทำให้คนไม่พอใจเยอะมาก วันนี้แกจะต้องตายที่นี่แหละ!”
“ตายที่นี่?” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ถ้าฉันเดาไม่ผิด คำสั่งที่แกได้รับมันไม่ใช่ให้มาฆ่าฉัน แต่ให้มาทำให้ฉันพิการเพราะกลัวว่าฉันจะทำให้ซูหยู่เสียหน้า ใช่ไหม?”
ในตอนนี้เอง ผู้พิทักษ์หลายคนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เลย
ฉินเฉิงอ้าปากพูดขึ้นมาและค้นพบกลอุบายที่ซ่อนเร้นอย่างขมขื่นซึ่งมันทำให้พวกเค้าตกใจจริงๆ
“ฮ่าฮ่า ฉันประเมินแกต่ำไปจริงๆ” ผู้พิทักษ์ที่สองก็ก้าวไปข้างหน้า เค้ากระชากผ้าคลุมออกจากหน้า มันเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่แท้จริงของเค้า
นี่คือใบหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมาก มันมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมดพร้อมกับผิวที่หยาบกร้าน มันดูราวกับว่ามีตะขาบสองสามตัวอยู่บนใบหน้าของเค้า
ผู้พิทักษ์คนอื่นๆก็ถอดหน้ากากออกเช่นกัน มันเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เย็นชาของเค้า
“นี่ไม่ใช่เพราะว่าคุณชายซูกลัวแก ด้วยความสามารถของแก แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายซูเลยด้วยซ้ำ” ผู้พิทักษ์ที่สองก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชา “มันเป็นเพราะว่าเจ้านายของเราเค้าระมัดระวังตัวแล้วก็ชอบที่จะควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในเงื้อมมือของเค้า”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย” ฉินเฉิงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา “ฉันชอบแหกการควมคุมของคนอื่นซะด้วยสิ”
“รนหาที่ตาย!” ผู้พิทักษ์ที่สองตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ หมัดของเค้าก็ควบแน่นไปด้วยแสงแพรวพราว ลมที่น่าสะพรึงกลัวมันก็พุ่งมาที่ตรงหน้า!
ในตอนนี้เอง ที่สถานที่ๆไม่ไกลออกไปก็มีร่างที่สวยงามร่างหนึ่งที่ก้าวเข้ามา
“ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดของตระกูลซู จะจัดการกับเด็กคนหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้มันถูกแพร่ออกไป มันคงจะเป็นเรื่องที่ตลกเป็นอย่างมาก”
เสียงที่แผ่วเบานี้มันก็ดังเข้าหูของทุกคน
ผู้พิทักษ์คนที่สองก็หันหน้ามาแล้วขมวดคิ้วในทันที
“เจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ?” ผู้พิทักษ์ที่สองก็หรี่ตาลง “ทำไม เธอต้องการจะยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อย่างงั้นเหรอ?”
เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “แล้วคิดว่าไงหละ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้พิทักษ์ที่สองก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ! แม่นางในดวงใจของฉัน ถ้าเธอลองคิดใหม่ เธอจะต้องสนุกกับมันอย่างแน่นอน!”
สีหน้าของเจ้าสำนักดูไม่มีความผันผวนอะไรเลยแม้แต่น้อย มันดูราวกับว่าเธอมีท่าทีที่เย็นชาอยู่ตลอดเวลา
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา เจ้าสำนักก็เดินตรงเข้าไปที่ฉินเฉิง
เธอยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า: “กลับไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่ฉันจัดการเอง”
หลังจากพูดจบ เจ้าสำนักก็ใช้กระบวนท่าของเธอ เท้าของเธอเหยียบลงบนพื้นเบาๆแล้วพลังสีฟ้ามันก็กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ
“ท่านเจ้าสำนัก” ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดเจ้าสำนัก
เค้ามองไปที่เจ้าสำนักแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านเจ้าสำนัก ครั้งนี้ฉันต้องการที่จะลองกับมันด้วยตัวเอง”
มันเป็นครั้งแรกที่เจ้าสำนักแสดงท่าทีประหลาดใจ เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “นายรู้ไหมว่าทั้งเจ็ดคนนี้เป็นใครกัน พวกเค้าไม่ใช่แค่จอมยุทธ์ธรรมดา”
“ผมรู้” ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผมอยากลอง”
เจ้าสำนักเงียบไปซักพัก เธอดับเพลิงแห่งจิตวิญญาณ เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า: “อืม”
หลังจากนั้น เจ้าสำนักก็ถอยออกไป
อย่างไรก็ตามเจ้าสำนักก็ยังคงจ้องมองผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ด หากมีเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เธอก็พร้อมที่จะลงมือในทันที
“เจ้าหนู แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆเลย ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กล้าท้าทายพวกเราทั้งเจ็ด” ผู้พิทักษ์ที่สองเยาะเย้ยขึ้นมา
หลังจากพูดจบ พลังในร่างกายของเค้าก็ระเบิดออกทันที!
ทันใดนั้นเอง หลุมดินขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเค้า มันราวกับถูกระเบิด!
ฉินเฉิงกวาดมองไปที่ผู้พิทักษ์ที่สองอย่างเย็นชา ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็ปล่อยพลังของเค้าออกมาในทันที!
“ตูม!”
พลังที่ทรงพลังมากกว่าหลายเท่าที่ไม่มีใครเทียบได้มันก็กระจายไปโดยรอบ
ทันใดนั้นเอง พลังของผู้พิทักษ์ที่สองก็ถูกบดขยี้ไปโดยไร้ความปราณีใดๆ!