การจ้องมองของฉินเฉิงมันดูราวกับใบมีดคม พลังอาฆาตบนร่างกายของเค้าเป็นเหมือนกับลมหนาวของเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ
โจวติ่งหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “แก อยากฆ่าฉันเหรอ?”
“ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะหักกระดูกของแกซะ” ฉินเฉิพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
โจวติ่งเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “โชคไม่ดีเลยนะ ที่แกไม่มีโอกาสนั้น ฉินเฉิง วันนี้แกต้องตาย”
“ไสหัวไปซะ” ฉินเฉิงก้าวเข้ามา
โจวติ่งยื่นมือออกมาแล้วขวางทางฉินเฉิงเอาไว้
เค้าหรี่ตาแล้วพูดว่า: “คุณพูดอะไร? ลองพูดอีกทีสิ”
“ฉันบอกให้แกไสหัวไปไง!” ฉินเฉิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา
ในตอนนี้เอง ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ได้ยิน
สีหน้าของโจวติ่งก็ดูไม่ได้เลย
แรงกดดันของเค้าก็ระเบิดออกในทันที เค้าดูราวกับภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ระเบิดออกแล้วพุ่งตรงเข้าหาฉินเฉิง
ฉินเฉิงไม่ขยับ เค้าเองก็ปล่อยพลังออกมาเช่นกัน
การปะทะกันของแรงของทั้งสอง มันก็ทำให้เกิดกระแสอากาศแปรปวนขึ้นมา
“ราชครูโจว การทำแบบนี้กับเด็กมันไม่เหมาะสมเลยนะ” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมา “ถ้าคันไม้คันมือมากนักหละก็ ฉันเป็นคู่ประลองกันคุณได้นะ”
“ฮ่าฮ่า พูดได้ดี!” ชูลี่ฉุนที่อบู่ข้างๆก็ตะโกนขึ้นมา “โจวติ่ง ฉันเองก็คันไม้คันมือเล็กน้อยเหมือนกัน เราจะลองกันซะตั้งไหม!”
โจวติ่งเหลือบมองพวกเค้าแล้วค่อยๆสลายพลังแห่งการสังหารไป
“อย่าคิดว่ามีคนเข้าข้างแกแล้วฉันจะไม่กล้าฆ่าแก” โจวติงเยาะเย้ย “ฉันบอกแล้ว วันนี้แกจะต้องตายแน่”
ฉินเฉิงไม่พูดอะไร เค้าก้าวไปข้างหน้า
สายตาของเค้ามันดูราวกับดาบ ด้วยเสียง “หวด” นี้เอง เค้าก็พุ่งเข้าไปหาซูหยู่
“ปู่ครับ ผมขอตัวก่อนนะ” หลังจากที่ซูหยู่พูดกับนายท่านซูแล้ว เค้าก็เดินตรงเข้าไปหาฉินเฉิงทีละก้าว
ด้วยแววตาที่สบตากัน พลังของซูหยู่มันก็ถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่มีการยับยั้งอะไรเลย
พลังที่น่าสยดสยองนี้เอง มันก็ได้เติมเต็มความกระหายของผู้ชมในทันที
อย่างไรก็ตาม พลังของฉินเฉิงที่มาบรรจบกันมันก็ดูเหมือนกับคนทั่วไปเท่านั้น
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง” ซูหยู่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “วันนี้ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าความพยายามทั้งหมดของแก มันเทียบอะไรกับฉันไม่ได้เลยแล้วฉันก็ยังสามารถบดขยี้แกได้อย่างง่ายดายอีกด้วย”
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “วันนี้ฉันจะให้แกเข้าใจว่าความเย่อหยิ่งของแกมันไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันเลย”
“ฉินเฉิง ประลองกันแบบนี้มันก็ไม่ค่อยสนุกเลยนะ เรามาเดิมพันกันซะหน่อยไหม” ซูหยู่หัวเราะขึ้นมาอย่างเฉยชา
“อย่างงั้นก็น่าสนใจ” ฉินเฉิงกำหมัดของเค้าโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นซูหยู่กับโจวติ่ง ภาพน้ำตาของหยูเหม่ยเหรินก็ปรากฎขึ้นมาในหัวของเค้า
“ถ้าแกแพ้ ก็เอาของที่ตระกูลซูต้องการส่งมาซะ” ซูหยู่พูดขึ้นมาอีกว่า “แกกล้าไหมหละ?”
“ได้” ฉินเฉิงตอบตกลงโดยไม่ลังเลอะไรเลย “ถ้าแกแพ้ ตระกูลซูจะต้องปล่อยนายท่านซูกับซูวานในทันที”
“ได้” ซูหยู่พยักหน้า “สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูจะเป็นสักขีพยานเอง”
ชางโจวก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ฉันจะเป็นคนรับรองเรื่องนี้เอง”
ฉินเฉิงไม่พูดอะไรต่อ เค้าก้าวไปข้างหน้า
หลังจากนั้นไม่นาน คนของสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็ออกมาแล้วให้คำแนะนำแก่ทั้งสองคน
“อย่าทำให้คนทั่วไปได้รับบาดเจ็บ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ เข้าใจไหม?” เชาหลุนก็เตือนขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ท่านผู้อาวุโสวางใจได้”
เชาหลุนตอบตกลงแล้วพูดว่า: “ไปเตรียมตัวเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่ม”
ฉินเฉิงไม่มีอะไรต้องเตรียม แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เค้าก็ต้องไปทักทายคนรู้จักของเค้า
ดังนั้นฉินเฉิงจึงรีบเดินไปที่เจ้าสำนักแล้วโค้งคำนับและพูดว่า: “ท่านเจ้าสำนัก”
เจ้าสำนักพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ตามสบายเถอะ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
“ผมเข้าใจแล้ว” ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ตั้งแต่วินาทีที่เค้าก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ฉินเฉิงก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้ซูหยู่รอดไปได้
“อืม?”
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็สังเกตเห็นซูวานที่อยู่ถัดจากเจ้าสำนักวาน
ซูวานถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ มันปกปิดใบหน้าของเธอไว้เป็นความลับ ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยไม่สามารถมองเห็นตัวตนของเธอได้เลย
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็มองมาที่เธอ ส่วนซูวานก็หันหน้าไปทางอื่น
“มันแปลกมาก” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา
“ทำไมเหรอ?” เจ้าสำนักก็ถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไรครับ” ฉินเฉิงส่ายหัว
เค้ารู้สึกถึงออร่าที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากจากผู้หญิงในชุดดำ แต่เค้าไม่รู้เลยว่าออร่านี้มันมาจากที่ไหนกัน
“ฉินเฉิง ฉันจะจับตาดูนายนะ!” ชูลี่ฉุนก็ยิ้ม “ถ้ามีโอกาสก็ไปเป็นแขกของตระกูลชูนะ”
ฉินเฉิงคำนับแล้วพูดว่า: “ได้สิ แน่นอน”
จากนั้น ฉินเฉิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก้าวเดินไปที่กลางของสถานที่
ซูหยู่ขยับข้อมือแล้วเดินตรงเข้ามาหาฉินเฉิง
“ฉันจะให้โอกาสแกคุกเข่าลงแล้วอ้อนวอนร้องขอความเมตตาและมอบสิ่งของนั่นมาซะ ฉันจะไว้ชีวิตแก” ซูหยู่หัวเราะ
ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชาว่า: “วันนี้แกต้องตาย ฉันจะไม่โอกาสแกอีก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ปากดีเสียจริง!” ซูหยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉินเฉิง ดูเหมือนว่าแกจะจำตัวเองในตอนนั้นไม่ได้นะ”
ในตอนที่พูดอยู่นี้เอง พลังของซูหยู่ก็ระเบิดออกมาแล้วทั่วทั้งร่างกายของเค้ามันก็ล้อมรอบไปด้วยออร่าสีม่วงในทันที
“ฉันจะฆ่าแกให้เหมือนกับการเหยียบมดเลย!”
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของซูหยู่ก็หายไป! มันเหลือเพียงแค่แสงสีม่วงในอากาศเท่านั้น!
“รวดเร็วมาก!” จงเผิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ความเร็วนี้มันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดเองก็ยังไม่สามารถที่จะทำมันได้เลย!
“ปัง!”
ทันใดนั้นเอง มือของซูหยู่ปรากฏขึ้นมาที่หน้าอกของฉินเฉิงแล้วเค้าก็กระชากมันอย่างดุเดือด!
“ตูม!”
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของฉินเฉิงก็แบกรับไม่ไหว มันระเบิดออกในทันที หินดินจำนวนนับไม่ถ้วนมันก็ระเบิดออก รอยแตกที่นั่นมันแยกออกไปยาวกว่าหลายเมตร!
“แค่ฝ่ามือนี่ก็แข็งแกร่งมาก สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะของโลกใบนี้” ในตอนนี้เอง ก็มีคนแสดงความคิดเก็นขึ้นมา
“ว้าววว ซูหยู่คนนี้ เค้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากจริงๆ” แม้แต่ชูลี่ฉุนเองก็ยังแสดงความเห็นออกมาแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ฉากที่น่ากลัวมันก็ปรากฏขึ้น
มันเห็นได้ว่าเสื้อผ้าของฉินเฉิงถูกทำลายโดยพลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ แต่ร่างของเค้าก็ไม่ขยับเลย!
สีหน้าที่เย็นชาของเค้า มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็น!
“ร่างกายของเค้า มันแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” ทุกคนต่างร้องอุทาน!
สีหน้าของซูหยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “ร่างกายของแกมันแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่มันก็ไร้ประโยชน์”
“พึบ!”
ในตอนนี้เอง นิ้วของซูหยู่ระเบิดแสงสีม่วงออกมาราวกับปลายเข็ม มันแทงเข้าไปที่หน้าอกของฉินเฉิงโดยตรง!
กระบวนท่านี้เค้าได้รับมันมาจากโจวติ่ง มันสามารถทำลายเหล็กและหินได้อย่างง่ายดาย!
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง จู่ๆมันก็มีเสียงดังสนั่น!
มันเห็นเพียงแค่แสงสีทองส่องประกายระยิบระยับอยู่ที่ตรงกลางสถานที่จัดงาน!
แสงนี้แผดเผาราวกับเปลวไฟ พลังที่หาที่เปรียบไม่ได้ก็แผ่ไปทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ในทันที!
พร้อมกับเสียงดังนี้เอง ร่างของซูหยู่ก็ถอยหลังไปนับไม่ถ้วนเพื่อประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้!
ตรงกันข้าม เค้าทิ้งรอยข่วนสีขาวไว้บนหน้าอกของฉินเฉิงเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเพียงแค่รอยขีดข่วน ผิวของฉินเฉิงไม่เป็นอะไรเลย