A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1853 อสูรอาญาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ทว่าครู่ต่อมาอสูรวิญญาณสีดำตัวนั้นก็ถูกประจุไฟฟ้านับร้อยสายโจมตีพร้อมกัน ชั่วพริบตาก็ระเบิดออก

ไอสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางลำแสงอัสนี

เมื่อประจุไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงไปไอสีดำก็หมุนคว้างดูดซับสายฟ้าทั้งหมดไปจนเกลี้ยงท่าทางไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด

วิหคยักษ์สองหัวเห็นเช่นนั้นแววตาพลันฉายแววตกตะลึง แต่หลังจากที่แค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาฝ่ามือสีเงินด้านหนึ่งก็ตะปบไปยังไอสีดำ

ประจุไฟฟ้านับพันสายบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยหลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือห้าสีเหนือไอสีดำ

มือยักษ์เปล่งเสียงเปรี๊ยะๆ ออกมา สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวไปมาบนผิวของมันไม่หยุด แล้วร่อนลงมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ตะปบไอสีดำกลุ่มนั้นเอาไว้ในมือ

นิ้วทั้งห้ากำแน่นอัสนีลำแสงระเบิดออกทันที!

การที่มือยักษ์คิดจะตะปบครั้งนี้ก็เพื่อจะทำให้ไอสีดำสลายตัวออก

แต่ไอสีดำกลับมีเสียงหวีดร้องด้วยความโกรธแค้นออกมาอีกครั้ง จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านฝ่ามือห้าสีไป

สถานการณ์ที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น

คาดไม่ถึงว่าลำแสงอัสนีที่รวมตัวกันจนกลายเป็นฝ่ามือห้าสีข้างนี้มีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ สลายออกราวกับพบกับดาวมฤตยู

ไอสีดำได้รับอิสระอีกครั้งและรวมกลุ่มกันทันทีกลายเป็นวานรน้อยสีดำอีกตัวหนึ่ง!

นั่นก็คืออสูรวิญญาณครวญ!

ทว่าวิญญาณครวญในยามนี้แตกต่างจากในยามปกติ มันไม่ได้จ้องไปที่วิหคยักษ์สองหัวด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะมีสีหน้าตื่นเต้นและดีใจ ไม่รอให้หานลี่ใช้จิตสัมผัสกระตุ้นก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาผิวเปล่งแสงสีดำแล้วขยายร่างใหญ่ขึ้นกลายเป็นวานรยักษ์สีดำสูงสามสิบจั้งเศษ

จากนั้นดวงตาของอสูรตัวนี้ก็มีลำแสงสีโลหิตผสมอยู่ กำปั้นทั้งสองที่มีขนาดครึ่งจั้งทุบไปที่ทรวงอกสีดำของตนเอง!

ชั่วพริบตานั้นขนทั้งร่างก็ลุกชัน บนหัวมีเขางอกออกมาและมีเขี้ยวเผยออกมาจากปาก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภูติยักษ์สามตาตัวหนึ่ง

แผ่นหลังของอสูรตัวนี้มีหนามกระดูกสีดำปรากฏขึ้นสามแท่งไอทมิฬบีบเค้นผู้คน น่าหวาดผวามาก

“อสูรอาญา”

เมื่อเห็นรูปร่างของภูติยักษ์ที่แปลงมาจากวิญญาณครวญอย่างชัดเจน หัวของเจ้าของร้านอวี๋ในร่างวิหคยักษ์สองหัวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดผวาสุดขีดออกมา ลำแสงอัสนีทั่วท้องฟ้าเปล่งแสง “สวบ” ออกมา ล้วนกลายเป็นประจุไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนมาผนึกอยู่บนร่างของเขา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นโล่อัสนียักษ์ต้านทานอยู่เบื้องหน้ามีขนาดประมาณร้อยจั้งและหนาประมาณสิบจั้งเศษ

ส่วนร่างของวิหคยักษ์ก็กระพือปีกทั้งแปดพร้อมกัน ร่างอันใหญ่ยักษ์ถูกประจุไฟฟ้าห้าสีทะลักเข้ามาก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แล้วสลายหายไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมากลางอากาศห่างออกไปสิบลี้เศษก็มีสายฟ้าห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบร่างวิหคยักษ์ถึงได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ

วิหคยักษ์ขยับปีกทั้งแปดอย่างไม่ลังเลอีกครั้งผิวของมันมีประจุไฟฟ้าทะลักออกมาแล้วเคลื่อนย้ายกายไปอีกครั้ง

ทว่ายามนี้วิญญาณครวญที่กลายเป็นภูติยักษ์กลับร้องคำรามเสียงดังสนั่นออกมาดูเหมือนว่าจะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาเพราะวิหคยักษ์หนีไป

ท่ามกลางเสียงร้องคำรามร่างของภูติยักษ์ก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง ผิวของมันมีอักขระสีทองและเงินปรากฏอยู่ทั่วเรือนร่างดวงตาปีศาจที่สามพลันขยับพ่นเสาลำแสงสีแดงโลหิตออกมา แต่เสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้นและเปล่งแสงสว่างวาบพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนร่างของวิหคยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปก็รางเลือนแล้วสลายหายไปท่ามกลางสายฟ้า

แทบจะในเวลาเดียวกันเสาลำแสงสีแดงโลหิตก็พุ่งออกมาจากจุดที่อยู่ใกล้กันแต่เมื่อปรากฏตัวก็ส่งเสียงแหลมเล็กออกมาแล้วกลายเป็นโซ่สีแดงโลหิตเส้นหนึ่ง

โซ่เส้นนั้นแค่สะบัดไปกลางอากาศก็กลายเป็นเชือกบ่วงขนาดใหญ่และส่งเสียง “สวบ” ออกมา ท่อนแรกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ

โซ่ทั้งเส้นส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ผิวมีประจุไฟฟ้าสีแดงโลหิตปรากฏขึ้น

โซ่โลหิตสั่นเทาเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นมา จากนั้นก็รัดแน่น!

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ปลายโซ่สีโลหิตมีประจุไฟฟ้าสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบบรรยากาศรอบๆ บิดเบี้ยว ร่างของวิหคยักษ์สองหัวถูกลากออกมาจากกลางอากาศ

หัวทั้งสองของวิหคยักษ์ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ด้วยความตกตะลึงระคนหวาดกลัวใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ปีกทั้งแปดพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่พอโซ่สีโลหิตรัดอยู่กลับไม่มีผลเลยสักนิด

มันดูเหมือนจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อัสนีไม่ได้เลย

พลังปราณที่แต่เดิมปกคลุมทั่วท้องฟ้าพลันหายไปในทันที

วิญญาณครวญที่กลายเป็นอสูรยักษ์เห็นเช่นนี้ก็ส่งเสียงร้อง “เจี๊ยกๆ” ออกมา หว่างคิ้วมีเสาลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะพ่นโซ่สีโลหิตออกมาอีกสองสามเส้นแล้วรัดวิหคประหลาดเอาไว้อย่างแน่นหนา

โซ่สีโลหิตสะบัดอีกครั้ง ร่างของวิหคยักษ์สั่นเทาสลายหายไปอีกครั้ง

ทันใดนั้นกลางอากาศห่างจากวิญญาณครวญไปยี่สิบสามสิบจั้งก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น โซ่โลหิตและวิหคยักษ์สองหัวปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน

แววตาของวิญญาณครวญเปล่งแสงสีโลหิตวาววับ ฝ่ามือที่มีขนปุกปุยข้างหนึ่งตะปบไปทางด้านหลัง

หนามกระดูกสีดำสามแท่งบนแผ่นหลังหายวับไปจากแผ่นหลังอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน

ครู่ต่อมามือของวิญญาณครวญก็มีแสงสีดำสว่างวาบ หนามกระดูกที่หายไปปรากฏขึ้นและถูกกำเอาไว้แน่น

เสียงบริกรรมคาถาโบราณที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากปากของวิญญาณครวญ หอกกระดูกสีดำมีอักขระสีทองปรากฏขึ้นเป็นแถวๆ เผยความลึกลับออกมา

หอกกระดูกสั่นเทาอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมาและยิ่งไปกว่านั้นยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากเสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ระลอกคลื่นสีทองพลันคลี่ตัวลงมาจากปลายหอกชั่วพริบตาก็ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา

อักขระยันต์ที่ดูคล้ายคลึงกับอักขระบนหอกกระดูกปรากฏขึ้นกลางอากาศและเริงระบำขึ้นลงไปมา

ชั่วพริบตาที่อักขระยันต์ปรากฏขึ้น หอกกระดูกก็แผ่จิตสังหารที่ทำให้ขนลุกชัน!

วิหคยักษ์สองหัวเห็นท่าทางแปลกประหลาดของหอกกระดูกชั่วขณะนั้นก็ส่งเสียงร้องแหลมสูง หัวทั้งสองเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวอย่างสุดขีดออกมา พยายามดิ้นรนภายใต้โซ่สีโลหิตอย่างบ้าคลั่ง

แต่ร่างของมันกลับเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุดในร่างมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลับไม่อาจดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการได้

แต่ครู่ต่อมาเสียงหวีดร้องก็ดังขึ้น หอกกระดูกสีทองกลายเป็นผลึกสีทองพุ่งออกไปจากฝ่ามือ

ความเร็วหาที่เปรียบแค่เปล่งแสงสว่างวาบก็ทะลวงผ่านหัวของอสูรอัสนีวิหคยักษ์ไป

ตรงหว่างคิ้วของหัวหนึ่งของวิหคยักษ์มีรูขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้น

ชั่วพริบตานั้นลำแสงสีทองเจิดจ้าพลันทะลักออกมาจากรู!

ชั่วพริบตานั้นหัวอสูรอัสนีราวกับกลายเป็นหิน จากนั้นก็ส่งเสียงปริแตกออกมา!

หัวทั้งหัวปรากฏลวดลายสีทองเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็ระเบิดออกเสียงดังสนั่น

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือสิ่งที่ปลิวออกมามิใช่เศษเนื้อเศษกระดูกแต่เป็นหมอกลำแสงห้าสีและยิ่งไปกว่านั้นตรงลำคอของวิหคยักษ์ยังปรากฏรอยแตกสีทองเช่นเดียวกันออกมาไม่หยุด และขยายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว

วิญญาณครวญเห็นสถานการณ์เช่นนี้ดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกาย พ่นลมหายใจออกมาจากจมูกหมอกสีเหลืองถูกพ่นออกมา

แม้ว่าหัวเจ้าของร้านอวี๋อีกหัวหนึ่งของวิหคยักษ์จะยังปลอดภัย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ภายใต้ความร้อนใจก็อ้าปากออกพ่นกระบี่สั้นสีเงินเล่มหนึ่งออกมา ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นสายรุ้งความยาวสิบจั้งเศษสับลงมาที่ตนเอง

หลังจากเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น หัวของเจ้าของร้านอวี๋ก็กลิ้งหลุนๆ ตกลงมาจากร่างใหญ่ยักษ์พลิ้วไหวและกลายเป็นลำแสงโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

จากนั้นร่างของวิหคยักษ์ระเบิดออก กลายเป็นหมอกลำแสงห้าสีพุ่งไปปะทะกับโซ่โลหิตแต่กลับไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการได้

ยามนี้ลำแสงสีเหลืองส่งเสียงหวีดร้องออกมาม้วนเอาลำแสงอัสนีห้าสีเข้าไปอย่างง่ายดายแล้วหมุนวนบินกลับมา

อสูรวิญญาณครวญอ้าปากกลืนทั้งหมดลงไปในท้อง จากนั้นก็ทุบทรวงอกอีกครั้งด้วยความยินดีปรีดา เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา

หลังจากที่โซ่โลหิตส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมาก็กลายเป็นดวงลำแสงหายวับไป

ส่วนหอกกระดูกที่พุ่งออกมาก็แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาปรากฏบนแผ่นหลังของวิญญาณครวญ แต่ผิวของมันพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหม่นแสงลง ลำแสงสีดำที่เดิมแผ่ออกมาจากเรือนร่างเลือนรางจนแทบมองไม่เห็น

ราวกับว่าการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เจ้าสิ่งนี้สูญเสียพลานุภาพทั้งหมด

หานลี่เห็นสิ่งนี้ย่อมตกตะลึงจนตาค้าง

ทว่าโชคดีที่เขาไม่ใช่คนธรรมดา ชั่วพริบตาที่หัวของเจ้าของร้านอวี๋กลายเป็นลำแสงสีโลหิตหลีกหนีไปก็ได้สติกลับคืนมา

เขาแทบจะผิวปากยาวๆ อย่างไม่ต้องขบคิด ใบมีดชำรุดสีทองและเกราะสีทองหายวับไปพร้อมกัน ส่วนร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นหลายร้อยเท่ากลายเป็นวานรยักษ์สีทองความสูงร้อยจั้งเศษ

ผิวของวานรยักษ์เปล่งแสงสีทองสว่างวาบก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งเสียง “สวบ” ดังขึ้นและหายวับไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาร่างอันใหญ่โตของวานรยักษ์ก็มาปรากฏห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง ขวางทางลำแสงโลหิตเอาไว้อย่างพอดิบพอดีและปล่อยกำปั้นอย่างไม่เกรงใจไปเลยสักนิด

กำปั้นยังไม่ทันได้โจมตีไปจริงๆ พลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้ก็ห่อหุ้มเอาไว้

หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาถูกพลังมหาศาลกลุ่มนี้กักอยู่ เกรงว่าคงไม่อาจขยับตัวได้

แต่ลำแสงโลหิตสายนั้นกลับบิดเบี้ยวและหลุดพ้นจากพลังมหาศาลไปปรากฏตัวห่างออกไปสามสิบจั้ง

จากนั้นเสียงหวีดร้องด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากลำแสงสีโลหิต ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลงเผยเงาร่างคนออกมา

นั่นก็คือเจ้าของร้านอวี๋ผู้นั้น!

ทว่าเขาในยามนี้มีสีหน้าซีดเผือดกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างอ่อนแอกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แม้แต่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นก็ไม่มั่นคง

“นายท่านสังหารข้าไม่ได้นะ หากทำเช่นนั้นตาเฒ่าจะยอมละทิ้งร่างที่ฝึกฝนอย่างหนักมาสองสามหมื่นปีเพื่อสู้กับเจ้า!” ดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าของร้านอวี๋มีเปลวเพลิงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบเอ่ยด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง

สิ้นเสียงผิวของเขาก็เปล่งแสงสีโลหิตกลายเป็นนกยูงยักษ์สีแดงโลหิตตัวหนึ่งขนาดสิบกว่าจั้งกระพือปีกทั้งสองข้างเล็กน้อย กลิ่นคาวโลหิตโชยมาท่าทางน่าตกตะลึงยิ่งกว่าก่อนหน้า

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ใจหายวาบ แววตาอดที่จะกวาดมองไปทางอสูรวิญญาณครวญที่อยู่ไกลออกไปไม่ได้

ผลคืออสูรตัวนี้กำลังเล่นแก่นผลึกขนาดเท่าศีรษะด้วยรอยยิ้มไม่มีเจตนาจะช่วยเหลือเขาเลย

พอใช้จิตสัมผัสกระตุ้นผลก็คือไม่มีผล

หลังจากวิญญาณครวญที่กลายเป็นภูติกลืนกินลำแสงอัสนีห้าสีเข้าไปก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเจ้าของร้านอวี๋อีก

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ หลังจากเก็บแววตาที่หม่นแสงลงก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชา

วานรยักษ์ชูคอขึ้นร้องคำรามพลิกฝ่ามือทั้งสอง ลำแสงสีเขียวและสีดำเปล่งประกาย ยอดเขาสีดำและเขียวขนาดสิบจั้งเศษสองลูกปรากฏขึ้นบนฝ่ามือที่มีขนปุกปุยพร้อมกัน

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset