“มานั่งเร็วเข้า”
ครอบครัวสี่คนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างกลมกลืนมาก ติงเมิ่งเหยนได้คีบเนื้อชิ้นหนึ่งไปให้เจียงชื่อและพูดว่า “ที่รัก คุณชิมดูก่อน”
ที่รัก?
ติงฉี่ซานกับซูฉินต่างมองหน้ากัน และในขณะเดียวกันก็แสดงท่าทางประหลาดใจ
นิสัยของลูกสาวเป็นอย่างไร คนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้ได้อย่างไร?
อย่ามองว่าติงเมิ่งเหยนกับเจียงชื่อแต่งงานมาหลายปีและยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะติงเมิ่งเหยนเป็นคนที่ขี้อายมาก ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า ‘ที่รัก’ เธอไม่ค่อยหรือไม่เคยใช้เรียกสามีเธอเลยด้วยซ้ำ
แต่วันนี้เธอกลับเรียกขึ้นก่อน และยังเรียกต่อหน้าคนแก่สองคนนี้ด้วย หึ ๆ ช่างเป็นเรื่องลึกซึ้งที่ชวนคิดตามจริงๆ
ติงฉี่ซานกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “พวกเธอ มีอะไรกันใช่ไหม?”
ติงเมิ่งเหยนหน้าแดงขึ้นมาทันที “เราเป็นสามีภรรยากันนะพ่อ มีอะไรน่าแปลกใจล่ะ? เราจะมีอะไรกันมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็จริงเหมือนกัน” ติงฉี่ซานพูดเสริม “งั้นรีบมีหลานกันสักคนสิ? พ่อกับแม่อยากอุ้มหลานมานานแล้วนะ”
“พ่อ!!! พูดอะไรล่ะ ไม่คุยกับพ่อเล่า”
“เฮ้อ พ่อเปล่าไร้สาระนะ พ่อแค่……”
ซูฉินรีบเอาเนื้อยัดปากติงฉี่ซาน “คุณรีบกินฉันวไป ไร้สาระไปวันๆ เด็กเขาจะทำยังไงก็เรื่องเขาสิ คุณไม่ต้องตัดสินใจแทนหรอก”
ติงฉี่ซานแทบจะสำลักตาย
ไม่ง่ายเลยที่เขาจะกลืนเนื้อในปากเข้าไปได้ หลังจากนั้นเขามองไปที่เจียงชื่อกับติงเมิ่งเหยนแล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เอ่อ คือว่า เมิ่งเหยน ชื่อเอ๋ย ที่พวกเธอไม่ยอมมีลูกกันสักที เพราะพวกเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับครั้งแรกใช่ไหม? หรือว่าจะให้พ่อที่เคยมีประสบการณ์คนนี้ลองสอนดูไหม ว่ามันควรใช้วิธีไหนบ้าง?”
เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนต้องเขินจนหน้าแดงกันหมด
ซูฉินรีบผลักติงฉี่ซานออกไป “ตาเฒ่าหัวงู กินฉันวกันอยู่ คุณพูดอะไรกันแน่? ไป ๆ ๆ ไปขัดหม้อไป ไม่ต้องกินแล้ว!”
เจียงชื่อผู้ซึ่งแน่วแน่และสงบคนนี้ก็เริ่มรับไม่ได้กับสิ่งนี้
เขาได้แต่ส่ายหัวอย่างขมขื่นและไม่รู้จะพูดยังไงกับพ่อตาที่เป็นห่วงเขาคนนี้แล้ว
บนโต๊ะอาหารเย็นนั้น
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกเขินอายจนไม่พูดไม่จากับเจียงชื่อสักคำ เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตากินฉันวไป
เมื่อกินเสร็จ เธอก็รีบวางชามกับตะเกียบลงแล้วเข้าไปในห้องทันที
และในเวลานี้ ซูฉินก็เผย ‘ท่าแท้’ ของเธอออกมา เธอจึงพูดกับเจียงชื่อว่า “ชื่อเอ๋ย ถึงแม้เมื่อกี้พ่อจะหยาบคายกับพวกเธอไปหน่อย แต่มันก็สมเหตุสมผลเหมือนกันนะ”
“เรื่องแบบนี้ผู้หญิงคงจะออกตัวก่อนไม่ได้หรอก ในฐานะลูกเป็นผู้ชาย บางทีลูกต้องเป็นคนที่ริเริ่มก่อน มันอาจจะขืนใจไปบ้าง แต่ไม่เป็นไรหรอก”
“ไฟต์บังคับน่ะ รู้จักไหม?”
“ผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงขี้อายอย่างเมิ่งเหยน ถ้าลูกแตะเนื้อต้องตัวหน่อย นางอาจปฏิเสธได้ มันไม่แปลกหรอก”
“แต่ว่า!”
“บางทีการปฏิเสธมันไม่ได้หมายถึงไม่เต็มใจหรอกนะ มันเป็นแค่สัญชาตญาณเฉยๆ อันที่จริงแล้วในใจของนางคาดหวังให้ ‘ลงมือ’ กับนางมานานแล้วด้วยซ้ำ หรือบางที ผู้หญิงยิ่งปฏิเสธ ยิ่งตะโกนเสียงดังมากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความต้องการมากเท่านั้นนะ”
“ส่วนปฏิกิริยาเหล่านั้นมันก็แค่ระบายความตึงเครียดเฉยๆ”
“ลูกเข้าใจไหม?”
เป็นคำพูดที่ปลุกคนให้ตื่นจากความฝันจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนมีประสบการณ์!
เพราะที่ผ่านมาเจียงชื่อแตะเนื้อต้องตัวติงเมิ่งเหยนทีไร เธอก็จะปฏิเสธทุกที และเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน?
“อะแฮ่ม! ครับแม่ ผมเข้าใจแล้วครับ”
“เข้าใจก็รีบเลยสิ รีบกินรีบอาบน้ำแล้วเริ่มงานเลย ลูกไม่ต้องห่วงนะ แม่กับพ่อจะกลับไปในห้องแล้ว ปิดประตูแน่นๆ แล้วพวกเธอจะตะโกนยังไงก็ได้ เราไม่ได้ยินหรอก”
ซูฉินพูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ชื่อเอ๋ย ลูกไม่ต้องห่วงนะ แม่จะสนับสนุนลูกเต็มร้อยเลยล่ะ!”