ในห้องอาบน้ำ ซูย้าวยืนอยู่ใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำอุ่นค่อยๆ ไหลลงมาชำระร่างกาย หญิงสาวเอนหลังพิงผนังอยากควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนจะปล่อยตัวลงช้าๆ จนในที่สุดก็ทรุดตัวนั่งกับพื้น
เธอหลับตาลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ในหัวของเธอมีเสียงคำรามกึกก้องพร้อมกับภาพที่ว่างเปล่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจน นั่นก็คือระหว่างที่เธอไม่ทันรู้ตัว เธอเริ่มเข้าใกล้ลี่เฉินซีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
แม้ว่าเธอจะยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา หรือยังมีความรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจเขาอยู่เล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้มันค่อยๆ หายไประหว่างที่เธอกำลังเข้าใกล้เขามากขึ้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เห็นได้ชัดว่าเส้นทางแห่งความรักนี้ เธอไม่เคยคิดจะเข้าไปเดิน ทั้งยังผลักไสทุกคนออกไปจากมันด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไร ทำไมคนคนนี้ถึงเข้ามาใกล้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดนี้ แถมยังมาสั่นคลอนหัวใจของเธอได้อีก?
เพราะความรู้สึกในอดีตยังหลงเหลืออยู่เหรอ?
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอรักใครสักคน และเพราะว่าเคยรัก ทั้งยังต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้น ตอนนี้ถึงได้หวั่นไหวงั้นเหรอ?
นี่มันข้ออ้างทั้งนั้น ข้ออ้าง!
หญิงสาวเตือนสติตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ฝ่ามือขาวซีดค่อยๆ พยุงกำแพงเบาๆ เธอจะรักเขาไม่ได้ ต้องทำให้เขาตัดใจจากเธอเท่านั้น ไม่อย่างนั้น…
“ก๊อกๆ ๆ ” เสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วย น้ำเสียงทุ้มต่ำของลี่เฉินซี “ยังอาบไม่เสร็จอีกเหรอ?”
เขามองดูนาฬิกา เห็นว่าหญิงสาวอาบน้ำไปกว่าสี่สิบนาทีแล้ว จะอาบอะไรนานขนาดนั้น?
ซูย้าวไม่ได้ขานรับแล้วก็ไม่ได้สนใจเขาด้วย เธอยังคงจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ก่อนจะอาบต่อไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง หลังจากออกมา เธอมองดูนิ้วมือที่เหี่ยวย่นไปเล็กน้อย ร่างบางห่อตัวด้วยชุดคลุมอาบน้ำ ขณะที่เดินออกมาก็เห็นว่าลี่เฉินซีเองก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มยืนพิงกำแพงด้านหลัง ชุดสูทที่ใส่ถูกเย็บปักด้วยมืออย่างประณีต แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทอประกายบางเบารอบๆ ตัวเขา
มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนอีกข้างคีบบุหรี่ไว้ ท่าทีดูสงบนิ่งและสง่างาม ปอยผมบนหน้าผากร่วงลงมาเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งเงาพาดผ่านใบหน้าด้านข้าง ทำให้ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์และกล้าหาญ
เขาก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะหันมามองที่เธอ “หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที แค่อาบน้ำ นานอะไรขนาดนั้น”
หญิงสาวรีบละสายตาด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทางแล้วมองผ่านเขาไป จากนั้นก็ตอบเสียงเรียบว่า “เพราะคุณสกปรกเกินไปน่ะสิ ต้องฆ่าเชื้อ ก็เลยใช้เวลานานหน่อย”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีแข็งทื่อขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตรงไปขวางทางเธอไว้ จากนั้นก็หันไปเขี่ยบุหรี่ทิ้งอีกด้าน ก่อนจะหันกลับมาใช้มือข้างหนึ่งประคองแก้มเธอขึ้น “คุณว่าใครสกปรก? เห็นกันชัดๆ อยู่ว่าคุณไม่เชื่อผม”
เขาขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่อยากทะเลาะกับเธอต่อไปในเรื่องนี้ “ผมกับอู๋หยานไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันจริงๆ ไม่เคยจูบ แล้วก็ไม่เคยกอดด้วย ยิ่งเรื่องอย่างว่าก็ยิ่งไม่เคยเลยสักนิด พอใจรึยัง?”
สีหน้าบึ้งตึงของซูย้าวยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงใช้สายตาเย็นชาจ้องมาที่เขาอยู่เหมือนเดิม
แววตาของเธอแบบนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจ นัยน์ตาสีเข้มลุ่มลึกขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกรอบ “เรื่องผู้หญิงคนอื่นยิ่งไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ นับตั้งแต่ที่ผมแต่งงานกับคุณ นอกจากคุณแล้ว ผู้หญิงหน้าไหนผมก็ไม่เคยแตะ!”
เพราะงั้น เขาสกปรกตรงไหน? ยังไงคำคำนี้ก็ไม่ใกล้เคียงกับเขาเลยสักนิด!
แต่แค่คำอธิบายพวกนี้ ซูย้าวจะเชื่อเหรอ?
หรือต่อให้เธอเชื่อจริงๆ แต่ก็คงไม่อยากแสดงออกมาให้เห็น อีกอย่าง ในใจของเธอตอนนี้ก็มีเรื่องให้สับสนเต็มไปหมด ไม่มีเวลาว่างมาสนใจอะไรแบบนี้หรอก
หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ ด้วยความเกียจคร้าน พร้อมกับตอบรับเสียงเรียบ “อืม รู้แล้ว งั้นก่อนหน้านี้ก็ลำบากคุณลี่แล้วนะ ต่อไปก็ไปผ่อนคลายลงหน่อยเถอะ!”
ลี่เฉินซีหยุดชะงักอย่างหมดคำจะพูด “ผ่อนคลายอะไร ซูย้าว ทำไมคุณถึงไม่ปกติแบบนี้หา”
“ก็อาจจะนะ!” เธอตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย รบกวนคุณลี่ปล่อยมือได้ไหม? ฉันอยากพัก”
ชายหนุ่มตกตะลึง แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ เขาใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงตรงหน้าไม่ให้เธอขยับไปไหน ใบหน้าหล่อเหลามีร่องรอยของความสิ้นหวังปรากฏขึ้น “ขอโทษ เมื่อครู่นี้ผมเอาแต่ใจเกินไปอาจจะทำให้คุณเจ็บไปบ้าง ผมขอโทษ ต่อไปผมจะอ่อนโยนมากกว่านี้ ตกลงไหม?”
หญิงสาวถูกคำพูดของเขาหว่านล้อมกะทันหัน เธอจึงเหลือบมองเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันเหนื่อยจริงๆ ”
ขณะที่พูด เธอก็กะจะเดินอ้อมเขาไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งข้อมือไว้เสียก่อน จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้าสู้อ้อมกอดอีกครั้ง ชายหนุ่มกอดเธอจากด้านหลังอย่างแนบแน่น เขาก้มหัวลงซบที่ซอกไหล่เธอ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มต่ำจะลอยตามมา “แค่เหนื่อยจริงๆ เหรอ?”
หญิงสาวพยักหน้าลงด้วยความสับสน ร่างบางจะขยับก็ไม่ขยับ “อืม”
“งั้นถ้าเหนื่อยก็ต้องทานข้าวก่อนค่อยพักสิ” ชายหนุ่มกุมมือเธอไว้ ก่อนจะประสานนิ้วเข้ากับมือเธอ “อยากทานอะไร? ทานที่บ้าน หรือจะให้ผมพาออกไปทานข้างนอก?”
เธอส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่หิว คิดเสียว่าลดน้ำหนักก็แล้วกัน!”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย “พูดอะไร? ที่รักของผมผอมขนาดนี้ มีตรงไหนที่ต้องลดน้ำหนัก หรือจะกินแล้วอวบไปบ้าง นั่นล่ะที่ผมอยากได้มากที่สุด!”
ขณะที่ลี่เฉินซีพูด เขาก็ยืดแขนออกไปกอดเอวบางอีกครั้ง จนเธอรู้สึกเขินอายขึ้นมา จึงต้องหยุดเดิน “เดี๋ยวผมอุ้มคุณกลับห้องไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเราก็ออกไปหาอะไรกิน แล้วค่อยกลับมานอนเป็นเพื่อนคุณ ตกลงไหม?”
มุมปากหญิงสาวกระตุกด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาเบา ก่อนจะดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนเขา “ลี่เฉินซี คุณว่างได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสริมขึ้นอีก “หรือว่าการที่ส่งเด็กๆ ออกไปชั่วคราว ทำให้คุณมีเวลาว่างมากเดิม หรือทางบริษัทลี่ซื่อไม่มีเรื่องให้คุณต้องทำแล้วเหรอ?”
พูดไปได้ไม่กี่คำ ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็มีแต่ความรู้สึกจนปัญญา เขายกมือขึ้นวางบนหน้าผากเธอ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เด็กน้อยไร้หัวใจ คุณออกไปสืบดูสิ ว่าผมเคยทำแบบนี้กับใครไหม!”
ซูย้าวยักไหล่เบาๆ “ออกไปสืบอะไร? ฉันชินแล้ว ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวแบบนี้ล่ะ ทำไมเหรอ?”
ชายหนุ่มพูดไม่ออกอีกครั้ง เธอจงใจทำให้เขาโกรธอย่างเห็นได้ชัด ผู้หญิงคนนี้…..
“ถ้าฉันหิวจริงๆ ลุงเฉินจะทำกับข้าวให้ฉันทานเอง ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปเถฮะ ฉันอยากพักคนเดียวเงียบๆ จริงๆ อย่ามากวนฉัน” พูดจบ หญิงสาวก็หมุนตัวพร้อมกับเดินตรงกลับห้องตัวเองทันที
ลี่เฉินซีมึนงงไปชั่วขณะ เขายังอยากตามไปอีก แต่ซูย้าวไม่เปิดโอกาสให้ เธอไม่เพียงแค่ปิดประตู แต่ยังล็อกมันด้วย
ใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าที่นี่คือบ้านตระกูลซู เขาคงจะทำอะไรไม่ได้สินะ!
แต่อยู่ๆ ชั้นล่างก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้น
ลี่เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังเดินลงไป ก่อนจะเห็นโม่หว่านหว่านเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าโกรธจัด ด้านหนึ่งก็อุ้มลูกชายตัวน้อย ส่วนอีกด้านก็ส่งถุงหลายใบให้ลุงเฉิน
ทันทีที่โม่หว่านหว่านเห็นลี่เฉินซีอยู่ที่ชั้นล่าง เธอก็ขมวดคิ้วแน่น “ทำไมคุณ……”
หญิงสาวยังไม่ทันถาม เธอก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของครีมอาบน้ำบนตัวเขา นั่นทำให้เธอเข้าใจทุกอย่างได้ในพริบตา เดียว มุมปากของเธอเกิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “คืนดีกับย้าวย้าวแล้วเหรอ?”
ลี่เฉินซียิ้มออกมาอย่างขมขื่น พร้อมกับรับเด็กน้อยในอ้อมแขนโม่หว่านหว่านมาอุ้มไว้ “บูริน รู้จักคุณลุงไหม? เรียกคุณลุง……”
เด็กน้อยยังคงเด็กมาก เพิ่งจะเรียนรู้การออกเสียง ยังพูดไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แต่ดูท่าแล้วก็เหมือนจะชอบที่ถูกลี่เฉินซีอุ้ม ปากน้อยๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
โม่หว่านหว่านที่อยู่ข้างๆ กวาดสายตามองไปด้านบน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หรือว่าทำย้าวย้าวโกรธอีกแล้ว?”
ลี่เฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เขาจึงทำได้แค่ยักไหล่เบาๆ “เธอดูเหมือนจะไม่พอใจนิดหน่อย…..”
สิ่งที่ควรอธิบายเขาก็บอกไปจนหมด ส่วนเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ยังพูดออกไปได้จริงๆ มันอาจจะไม่เป็นผลดีกับเธอ
โม่หว่านหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับตบไหล่เขาเบาๆ “คุณเองก็ต้องเข้าใจด้วย ว่าแผลที่คุณเคยทำกับซูย้าวไว้มันลึกขนาดไหน ถ้าเธอจะอภัยให้คุณได้อีกครั้ง ก็อาจจะต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกก่อนละมั้ง แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ แต่แค่เป็นไปได้ยาก ในเมื่อคุณเลือกแล้ว งั้นก็ต้องอดทน สู้ต่อไป!”
จากนั้นหญิงสาวก็รับเด็กน้อยในอ้อมกอดเขากลับคืนมา พร้อมกับเสริมอีกประโยคว่า “แต่ว่า ที่เหลือจะส่งมันมาให้ฉันก็ได้นะ ฉันช่วยโน้มน้าวให้”