ซูเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ข้ากับท่านเป็นสามีภรรยากัน อยู่ในขอบเขตของสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน ไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมั่วโลกีย์เกินความเหมาะสม เหตุใดต้องควบคุมอดกลั้นด้วย”
ตอนที่เขาสัมผัสจูบลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีกว่า “ท่านสวมใส่เช่นนี้ แน่ใจว่าไม่ได้ดึงดูดล่อลวงข้า”
“………”เฉินเสียนอ้าปาก จำใจต้องกล่าวโต้แย้งเขาว่า “ข้าสวมใส่เช่นนี้ ไม่ได้เปิดโล่งสักนิดหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะบอกว่าข้าดึงดูดล่อลวงท่าน…..”
“เช่นนั้นหรือ เมื่อครู่พูดแล้วเพื่อที่จะครอบงำจิตใจให้อยู่ใต้อำนาจอย่างเด็ดขาดจึงแสร้งทำอย่างนี้ก่อน หากว่าท่านสวมใส่แบบเปิดเผยสักหน่อย ข้าเห็นบ่อยเป็นประจำ ไม่แน่ว่าข้ากลับจะมีความสนใจไม่มาก ”
เฉินเสียนชะล่าใจ แท้จริงแล้วการรับมือกับคนอย่างซูเจ๋อ ไม่สามารถใช้ตรรกะความคิดแบบคนทั่วไปได้ จำเป็นต้องทำวิธีที่ตรงกันข้าม
เฉินเสียนถูกเขาแทะโลมอย่างหนัก กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “คุยกันแล้ว หนึ่งเดือนสองครั้ง เดือนนี้ใช้ไปหมดแล้ว…….”
ซูเจ๋อยุแหย่พร้อมกับเบียดเสียดเข้าไปในเรือนร่างของเธอด้วย ฟังสิ่งที่เธอตักเตือนแล้วกัดที่ใบหูของเธอ กล่าวขึ้นว่า “ข้าจะใช้ของเดือนหน้าก่อน”
เฉินเสียนแววตามาดร้าย ไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทานเขา ริมฝีปากแดงฉ่ำบนพึมพำว่า “เช่นนั้นพอถึงเดือนหน้าจะทำอย่างไร?”
“ยังมีเดือนถัดจากเดือนหน้าไปอีก”
“ท่านปลิ้นปล้อนขี้โกง…..”
ต่อมาเฉินเสียนคิดคำพูดของซูเจ๋ออย่างละเอียด ในเมื่อสวมใส่มิดชิดอย่างนี้เขากลับคิดว่าดึงดูดล่อลวง เช่นนั้นสวมใส่เปิดเผยมาหน่อย อาจจะดูจนชินตา ก็ไม่ค่อยมีความสนใจแล้วจริงๆ
เธอเลยตัดสินใจที่จะลองดู
ด้วยเหตุนี้เธอออกมาจากห้องอาบน้ำเลยสวมใส่ชุดนอนที่บางเบาพลิ้วไหว เรือนร่างผอมบางมีเสน่ห์น่าดึงดูด ก้าวเท้าเดินอยู่บนพื้นพรม มุมกระโปรงลอยพลิ้ว สวยงามเป็นอย่างมาก
พอซูเจ๋อมองเห็น แม้ว่าจะขำขัน แต่ทว่าสายตาหรี่มองมีเลศนัยกล่าวขึ้นว่า “มานอนได้แล้ว”
พอเฉินเสียนเห็นสายตานั้น ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นภายในใจก็มีเสียงระฆังดังเตือน เลยจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ กล่าวขึ้นว่า “ไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าข้าอาบไม่สะอาดขึ้นมาทันทีเลย ข้าจะไปอาบอีกรอบ”
ผลสรุปเพิ่งจะเดินได้สองก้าว ก็ถูกซูเจ๋อกอดจากทางด้านหลัง และเอามือวางกดอยู่บนโต๊ะด้านข้าง
เฉินเสียนใช้มือทั้งสองข้างดันที่โต๊ะเพื่อให้ร่างกายยืนอยู่อย่างมั่นคง แต่ทว่าซูเจ๋อแข็งแกร่งกว่าเธอ กลิ่นหอมของไม้กฤษณาแผ่ปกคลุมเข้ามา มือที่นุ่มนวลข้างหนึ่งสัมผัสที่ขาของเธอ ทันใดนั้นเธอรู้สึกขาอ่อนแรงขึ้นมา
ข้างหูมีเสียงของกระโปรงที่ถูกกระชากฉีกขาดดังขึ้น เขาฝังลึกเข้ามา เฉินเสียนกัดริมฝีปากเล็กน้อย สั่นสะท้านไม่หยุด ตนเองถูกประคองเอวมาวางไว้บนโต๊ะ ราวกับทำเยี่ยงนี้สามารถทำให้เขาเข้าไปได้ลึกมากขึ้น
นิ้วมือของเฉินเสียนคว้าจับผ้าปูโต๊ะไว้แน่น
เฉินเสียนครางกระเส่า กล่าวว่า “ท่านมันคนโกหก…..”
ซูเจ๋อมีความสุขอย่างมาก คล้ายดั่งหัวเราะทุ้มต่ำและกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ คิดไม่ถึงว่าท่านจะเชื่อจริงๆ แล้วเป็นฝ่ายรุกส่งมอบมาด้วยตนเอง”
เมื่อก่อนเวลาที่ทั้งสองคนนอนด้วยกัน ห่มผ้าแล้ว เฉินเสียนมักจะหมอบฟุบอยู่ในอ้อมอกเขาแล้วเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
เธอนำเรื่องราวระหว่างเขากับเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบ เล่าให้เขาฟังทีละนิด
ค่ำคืนนี้เหนื่อยเกินไปแล้ว เฉินเสียนนอนอยู่บนเตียงหลับลึกเป็นอย่างมาก
พอถึงช่วงกลางดึก ภายในห้องบรรทมเหลือเพียงแสงที่สาดสะท้อนมาอย่างบางเบา เบิกตาโตทั้งสองข้าง มองแผ่นหลังของหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของตนเอง
แม้ว่าจะมีท่าทางสะลึมสะลือ แต่ในแววตาของเขาก็มีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาได้
คล้ายดั่งว่าห่างเป็นเวลานาน สุดท้ายก็โคจรวนกลับมาตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นความสนใจทั้งหมดเลยพุ่งไปอยู่บนตัวเธอจุดเดียว
เขาเข้าใกล้เล็กน้อย ดมกลิ่นหอมอ่อนๆของเส้นผม มือสัมผัสผ่านไหล่ของเธอ กอบกุมผ่านเอวทั้งสองข้างของเธอ โอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมอกอย่างแนบแน่น เสียงทุ้มต่ำเรียกเธอว่า“อาเสียน”
ตอนแรกเริ่มเธอรู้สึกว่าด้านข้างหูอบอุ่น ต่อมารู้สึกว่ามันร้อนผ่าว
มือข้างหนึ่งของซูเจ๋อโอบกอดเธอ มืออีกข้างหนึ่งเลื่อนถอดกางเกงหลุดออก คนด้านหลังที่อามรณ์ยังหลงเหลืออยู่ ถลันเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จิตใต้สำนึกของเฉินเสียนควบคุมไว้ และครางกระเส่าออกมา
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังพัวพันรัดไว้ไม่หยุด ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทำอย่างดุเดือด เฉินเสียนจมอยู่กับความสุขที่รุกเข้ามาเกาะกิน จนตื่นขึ้นมา
เดิมที่เธอคิดว่ากำลังฝันอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ตื่นมากลับพบว่ามีสิ่งที่ร้อนแผดเผาเข้าๆออกๆอยู่ในร่างกายของเธอ
“ซูเจ๋อ……..”
ซูเจ๋อนำเธอพลิกตัวมา สัมผัสที่ใจกลางระหว่างขาของเธอและยิ่งฝังลึกไปจนมิดลำ
สมองของเฉินเสียนขาวโพลน เอื้อมมือโอบกอดเขาแน่น นิ้วมือกรีดกรายที่เอวของเขา และเธอได้กัดที่ลงบนไหล่ของเขา
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอไร้หนทางที่จะปฏิเสธเขา ยิ่งกว่านั้นไร้หนทางต่อต้านด้วย
“ซูเจ๋อ…..”
“ข้าอยู่ตลอด”
“ไม่ใช่ว่าจะนอนดีๆหรือ ท่านเป็นอันใด……”
ซูเจ๋อจับเอวทั้งสองข้างของเธอ บดละเอียดจนเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว เผยออ้าปากเล็กน้อย แหงนคออยู่บนหมอนและพูดออกมาอีกไม่ได้สักคำ
ซูเจ๋อจูบเธออย่างดูดดื่ม ต้องการให้ร่างกายทุกจุดของเธอหลงเหลือร่องรอยของตนเองที่ฝากไว้
ตอนที่เฉินเสียนถูกเขาทำให้จิตวิญญาณเลือนหายไป เขาจูบสัมผัสที่หูของเธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเป็นอย่างมากว่า “มิได้เป็นอันใด เพียงแต่เหมือนว่ากำลังฝันอย่างยาวนาน”
ช่วงปีที่ผ่านมานี้สำหรับเขา ก็เหมือนความฝันที่ไม่เป็นจริง ความสุขมักเกิดขึ้นช่วงเวลาสั้นๆไม่ยั่งยืน แล้วเลือนหายไป เป็นสัจธรรม ตอนนี้ตื่นจากฝันแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ สภาพการณ์ไม่กี่ปีมานี้สรุปว่าอยู่ในความฝันหรือว่านอกความฝัน
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ตอนที่ตื่นจากความฝัน กลับรู้สึกว่ามีความปีติยินดีอย่างไม่สามารถมีอะไรมาเปรียบเทียบได้ ปีติยินดีที่มีหญิงผู้นี้ในอ้อมกอด หญิงสาวที่ตนเองต้องการมากที่สุดตลอดชาตินี้ เขาไม่ได้ทำเธอสูญหายไป
“อาเสียน……..”
ตั้งแต่นั้นมา ตอนที่เขาเรียกชื่อของเธอ รู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม คล้ายดั่งตกตะกอนลึกซึ้งมากขึ้น
ตอนที่เฉินเสียนจับชีพจร ได้ยินตอนที่เขาเรียกตนเองอย่างนี้ นิ้วมืออดไม่ได้ที่จะสั่นไหว เธอเงยหน้ามายิ้มให้กับซูเจ๋อแล้วกล่าวว่า “ท่านมักทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับอดีตที่ผ่านมา หรือว่าในระยะนี้ฟังเรื่องราวมากมาย?”
ซูเจ๋อไม่มีความทรงจำของเมื่อก่อน แม้ว่าไม่ได้มีผลกระทบกับความรักความผูกพันของเขา แต่ถึงอย่างไรภายในใจก็จะความรู้สึกเสียดาย
เธออยากถาม แต่สุดท้ายไม่ได้ถาม เธอไม่อยากให้ซูเจ๋อกดดัน และก็ไม่อยากได้ยินคำตอบว่าซูเจ๋อคิดไม่ออกจำไม่ได้
แต่ต่อให้เขาคิดไม่ออกจำไม่ได้ ก็มิเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสัมพันธ์
เธอรักคือซูเจ๋อผู้นี้ ไม่ใช่เรื่องระหว่างพวกเขาที่ผ่านไปแล้ว ความทรงจำหวานชื่นเหล่านั้น อนาคตยังมีเวลาที่จะเริ่มใหม่และเพิ่มเติมได้
ซูเจ๋อมองเฉินเสียนที่ปรับตำรับยาบำรุงร่างกายและผสมยาจีน ให้เขาเสร็จสมบูรณ์ เขากล่าวว่า“ความชำนาญในการรักษาของท่าน เทียบกับเมื่อก่อนแล้วมีการพัฒนาไปมาก”
เฉินเสียนยุ่งอยู่ ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา เธอราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มกล่าวว่า “ไม่หรอก เมื่อก่อนอยู่ที่เป่ยเซี่ยเคยรักษาท่านครั้งหนึ่งแล้ว ข้ากลับมาถึงต้าฉู่ก็บากบั่นศึกษาค้นคว้าวิชาการแพทย์เพิ่ม เพื่อที่จะช่วยท่านรักษาบำรุงร่างกาย”
ซูเจ๋อไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองหญิงสาวตรงหน้าที่ยุ่งอยู่กับการช่วยเขาอย่างเงียบๆ
ต่อมาเขายิ้มขึ้นมาอย่างสดใส
เฉินเสียนเงยหน้ามองเขา กล่าวถามว่า “ท่านยิ้มอะไร?”
ซูเจ๋อตอบกลับว่า “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่กำลังคิด ได้ภรรยาเช่นนี้ ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”