ฉากตรงหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยๆของณัฐณิชานั้นเต้นแรงกว่าเก่าราวกับว่ามันจะกระโดดหลุดออกมาจากคอของเธอได้อย่างไงอย่างงั้น!
“ธราเทพ ฉันยังไม่อยากตายนะ …อ๊าอ๊า…”
คำพูดของเธอนั้นถูกลมพัดกระจายยุ่งเหยิง มีเสียงทุ้มต่ำที่ดูหมดความอดทนลอยเข้ามาในหู “หนวกหูมาก เงียบๆ”
“…..”
ฮือฮือฮือ เธอเองก็อยากจะเงียบเหมือนกันแต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับการเสี่ยงชีวิตอยู่!
ณัฐณิชาที่รู้สึกไม่เป็นทำจึงหันศีรษะกลับไปเพื่อโต้เถียงกับธราเทพ เมื่อหันศีรษะกลับไปก็เพิ่งนึกได้ว่าธราเทพนั้นปิดตาอยู่ เธอจึงรู้สึกไม่ดีมากขึ้นกว่าเดิม “นายนายนาย นายขับรถแบบนี้ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?”
“บอกทางฉันมา”
ธราเทพพูดอย่างหงุดหงิด
อันที่จริงกิจกรรมการซิ่งรถแบบนี้เป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับพวกเขาที่เริ่มแข่งรถกันตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นแล้ว
อีกอย่าง ผ้าไหมสีดำนั้นโปร่งแสง ด้วยแสงอาทิตย์กับความทรงจำของเขาเองก็สามารถทำให้บรรลุภารกิจนี้ได้
“ข้างหน้า…เลี้ยวซ้าย!”
“ตรงไปตรงไป!ขับไปข้างหน้าต่อไม่ได้แล้ว”
“…..นายขับช้าๆหน่อยสิ…..”
ณัฐณิชาร้องห่มร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้เห็นรถของธิปติพัศที่ตามมาผ่านกระจกหลัง ทันใดนั้นก็ได้ร้องกรี๊ดออกมา หูของธราเทพขยับ “เกิดอะไรขึ้น?”
“เขาจะแซงแล้ว!” ณัฐณิชาที่ตะลึงงันพูดออกมาด้วยความตกใจ “ธิป ธิปติพัศอยู่ข้างหลังเราทางขวา ห่างออกไปไม่ถึงยี่สิบเมตร..”
นึกว่าจะช้าไป แต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด เพียงช่วงอึดใจเดียว ธราเทพก็ได้หมุนพวงมาลัยลอยลำไปอย่างรวดเร็วจนรถลอยข้ามสะพานยกระดับไป!
หัวใจของณัฐณิชาหยุดเต้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น เธอลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
วินาทีถัดมา รถกระแทกลงพื้นด้วยเสียงดัง‘ปัง’ และโค้งไปมา ยางรถไถลไปกับพื้นจนเกิดเสียง‘ฉึก’ จนเกิดร่องรอยหลุมลึกบนถนน
มุมริมฝีปากของธราเทพนั้นขดเล็กน้อย ในระยะเวลาไม่ถึงห้านาทีเขาก็สามารถดับไฟได้ จากนั้นเขาแก้ผ้าไหมสีดำที่ปิดตาออก ผ้าไหมสีดำปลิวไปอยู่ที่หลังมือของณัฐณิชา มันช่างเย็นสบายและได้นำความรู้สึกนึกคิดของเธอกลับมา
“อึก”
มันเป็นเสียงณัฐณิชากลืนน้ำลาย
“ฉัน ฉันยังมีชีวิตอยู่ไหม?” เธอมองไปที่ธราเทพอย่างเหลือเชื่อ หลังจากเห็นธราเทพนั้นแทบไม่ได้ยินและพยักหน้าให้ ใบหน้าของณัฐณิชาก็แสดงความประหลาดใจ เธอวิ่งเข้าไปกอดธราเทพอย่างมีความสุขพร้อมกับตบไปที่หลังของเขาอย่างตื่นตระหนก “ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่านายน่ะเก่ง นายมั่นใจขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ ปล่อยให้ฉันกังวลใจอยู่ได้…ฮือฮือฮือ ฉันยังมีชีวิตอยู่ นี่มันเยี่ยมยอดเลยล่ะ!”
“อ่ะแฮ่ม…”
ณัฐณิชาไม่ได้สังเกตท่าทางของธราเทพเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่กอดเขาด้วยความตื่นตระหนกและพักคางไว้บนไหล่ของธราเทพก็เท่านั้น เมื่อกอดจนพอแล้วก็ค่อยๆปล่อยมือออก หน้าอกยังคงขยับขึ้นลงอย่างไม่หยุดหย่อน “ธราเทพ ทำไมแต่ก่อนฉันไม่เคยรู้เลยว่านายจะเก่งขนาดนี้?นึกไม่ถึงเลยว่านายจะแข่งรถได้ นายยังทำอย่างอื่นเป็นอีกใช่ไหม?อย่างเช่น…”
“เชอะ สิ่งที่ฉันทำได้น่ะมีตั้งเยอะแยะ” ธราเทพมองเธออย่างมีความหมายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันยังสามารถโยนคนที่เสียงดังเอะอะโวยวายออกไปได้ด้วย”
“….” โอเค
ณัฐณิชายื่นมือออกมาพร้อมกับทำท่ารูดซิปปากอย่างเงียบๆ แสดงให้เห็นว่าเธอจะไม่พูดมากอีก
เวลานั้นเอง นอกหน้าต่างก็มีเสียง ‘ก๊อกก๊อกก๊อก’ดังเข้ามา เมื่อณัฐณิชามองขึ้นไปก็เห็นธิปติพัศยืนอยู่นอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่มืดมน