ซูย้าวมีสีหน้าที่หมดคำจะพูด เธอรีบผละออกจากเขา ก่อนจะจัดชุดตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก โดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย
ไร้เหตุผลจริงๆ เธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องงานกับเขา แค่เขาดื้อดึงก็เกินพอแล้ว ยังไม่ยอมฟังคำพูดเธออีก ถึงตอนนั้นถ้าเสียเปรียบขึ้นมาจริงๆ ก็อย่าหาว่าเธอไม่เตือนก็แล้วกัน!
แถมยังให้เธอเข้าไปในห้องพัก อาบน้ำรอเขา?
เขาเห็นเธอเป็นอะไร? เรียกใช้บริการเมื่อไรอย่างไรก็ได้งั้นเหรอ? !
ลี่เฉินซีมองแผ่นหลังอันดื้อรั้นของเธอที่เดินออกไปด้านนอก อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์ว่า “ลิ้นชักด้านซ้ายชั้นที่สองของตู้หนังสือ ด้านในมีของอยู่ หยิบมาให้ผมหน่อย”
ซูย้าวที่กำลังเดินไปจนเกือบถึงหน้าประตู กลับถูกประโยคของเขาเมื่อครู่รั้งไว้เสียก่อน ฝีเท้าของหญิงสาวหยุดชะงักลง
เห็นเธอเป็นพวกที่มาบริการถึงที่แบบนั้นก็ว่าเกินพอแล้ว ยังเห็นเธอเป็นพวกใช้แรงงานฟรีอีกเหรอ? !
หญิงสาวมีแต่ความคับข้องใจเต็มไปหมด เธอหันกลับไปตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณลี่ไม่มีมือไม่มีเท้ารึไง? ทำเองไม่ได้เหรอ? ทำไมถึงชอบร้องให้คนช่วยนัก?”
“อ๋อ ฉันเกือบลืมไป คุณเป็นถึงท่านประธานของบริษัทลี่ซื่อ ท่านประธานลี่ คุณตั้งใจทำงานหน่อยก็แล้วกัน ฉันไปล่ะ บาย”
พูดจบเธอก็หันหลังกลับทันที ชายหนุ่มจึงรีบตะโกนรั้งเธอไว้อีกรอบว่า “เลิกโมโหได้แล้ว เร็ว หยิบออกมาให้ผมหน่อย มันเกี่ยวกับคุณด้วยนะ”
เกี่ยวกับเธอด้วย?!
ซูย้าวชะงักไปชั่วขณะ ทั้งประหลาดใจทั้งสงสัยในเวลาเดียวกัน หญิงสาวกะพริบดวงตาคู่โต ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่เขาอย่างหมดความอดทน เหมือนกับต้องการจะบอกเขาว่า ถ้ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ หรือเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วเดียว เขาตายแน่!
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินไปทางตู้หนังสือที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะเปิดลิ้นชักชั้นที่สองออก ข้างกองเอกสารมีกล่องไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่กล่องหนึ่ง ภายนอกแลดูประณีตและสวยงาม
“กล่องเล็กๆ นั่นล่ะ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ขณะเดียวกันท่าทางของเขาก็ดูไม่ต่างจากคุณปู่เลย ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักโซฟา แถมยังยื่นมือออกมา เป็นสัญญาณว่าให้เธอส่งของไปให้เขา
ซูย้าวรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีวางมาดของเขาเป็นอย่างมาก เธอสูดลมหายใจเข้าอย่างจนปัญญา ก่อนจะหยิบกล่องเล็กๆ นั่นขึ้นมา จากนั้นก็โยนมันไปทางเขา
ลี่เฉินซีรับมันไว้ ก่อนจะกวักมือเรียกเธอเบาๆ “มานี่สิ”
คิดว่าเธอโง่รึไง? เมื่อครู่เธอเกือบถูกเขาทำเรื่องอย่างว่าแล้ว ยังจะให้เธอเข้าไปอีกเหรอ?
ซูย้าวยืนอยู่ห่างๆ ไม่ขยับไปไหน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “สรุปแล้วมันคืออะไร เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“คุณมานี่สิ หรือต้องรอให้ผมเข้าไปจับคุณรึไง?” ลี่เฉินซีเน้นเสียง “มานี่เร็ว เชื่อฟังหน่อยสิ!”
หญิงสาวกัดฟันเบาๆ เขาเห็นว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ รึไง?
ซูย้าวยังไม่ขยับไปไหน เธอยังรั้นที่จะยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะตอบกลับไปว่า “คุณเองก็เชื่อฟังหน่อย บอกมา ว่ามันเกี่ยวกับฉันอย่างไร?”
ลี่เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้น จากนั้นก็ก้าวเข้าไปหาเธอ
ซูย้าวเห็นท่าไม่ดีก็เริ่มลนลาน เธอคิดอย่างเดียวว่าต้องหลบ แต่ด้านหลังคือตู้หนังสือ ส่วนอีกด้านก็ห้องพัก เธอจะหลบที่ไหนได้ล่ะ?
ขณะที่ซูย้าวกำลังกระวนกระวายอยู่ ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาใกล้เธอ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือเธอไว้ จากนั้นก็เปิดกล่องใบเล็กที่อยู่ในมือออก ในกล่องนั้นมีแหวนเพชรคู่หนึ่งวางอยู่ ของผู้ชายแลดูบริสุทธิ์และสง่างาม ในขณะที่ของผู้หญิงดูละเอียดอ่อนและประณีต เพชรเม็ดไม่ใหญ่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะส่องประกายความหรูหราออกมา
ลี่เฉินซียื่นแหวนเพชรไปตรงหน้าเธอ “รู้จักมันไหม?”
“แหวนเพชร” เธอคงจะไม่สับสนจนถึงขั้นไม่รู้จักของสิ่งนี้หรอกนะ!
ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่รู้สึกว่าคุ้นตาหน่อยเหรอ?”
เพียงประโยคเดียวที่เหมือนเตือนสติเธอ ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปมองสำรวจแหวนเพชรอย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะรู้สึกคุ้นตาอยู่จริงๆ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยไปเจอที่ไหนมาก่อน ดังนั้น เธอเลยส่ายหน้าเบาๆ เป็นการตอบกลับ “ไม่เคยเห็นนะ ทำไมเหรอ?”
ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาข้างหน้า ส่วนซูย้าวก็ก้าวถอยหลัง เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกเขาต้อนจนจนมุม ด้านหลังเธอเป็นตู้หนังสือ ส่วนด้านหน้าก็เป็นแผ่นอกแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เขาใช้มือข้างหนึ่งยันตู้ไว้ ระยะห่างแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ ทำให้เธออยากจะหนีออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ลี่เฉินซีหลุบตาลงมองแววตาที่สับสนวุ่นวายของเธอ “นี่เป็นแหวนเพชรที่เคยใช้ในงานแต่งงานของเรา ไม่กี่ปีมานี้ผมได้ออกแบบเอง แล้วก็เปลี่ยนแปลงบางอย่างไปเล็กน้อย คุณยังชอบอยู่ไหม?”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นทุ้มต่ำและชวนหลงใหล ความรู้สึกที่น่าดึงดูดราวกับแม่เหล็กนั้น แต่ละคำที่หลุดออกมาไม่ต่างจากแอลกอฮอล์ที่พร้อมจะมอมเมา ละทำให้คนฟังใจสั่น
ซูย้าวทั้งประหลาดใจทั้งมึนงง เธอมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มสลับกับมองแหวนเพชรในมือ ซ้ำไปซ้ำมาจนสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “เอ่อ…แล้วอย่างไรล่ะ?”
“ฉันจะชอบหรือไม่ชอบมันก็ไม่สำคัญอะไรอยู่แล้วนี่ อย่างไรมันก็เป็นแหวนแต่งงานของคุณกับคุณอู๋ คุณควรจะไปถามความเห็นเธอมากว่าสิ อีกอย่าง แหวนวงนี้เคยใช้แต่งงานครั้งแรกมาแล้ว เอาไปใช้กับเจ้าสาวในการแต่งงานครั้งที่สองอีก แบบนี้….มันไม่ถูกต้องนะ!”
หลังจากเธอพูดจบ ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็หม่นแสงลงทันที
เขาอุตส่าห์พูดออกไปอย่างชัดเจนแล้วนะ เธอฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือตั้งใจทำมึนกันแน่?!
ชายหนุ่มพยายามระงับความโกรธ ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งบีบคางเธอเบาๆ “คุณไม่มีสมองรึไง?”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับมีแววตาเย้ยหยันเข้ามาแทนที่ “หรือว่า ความทรงจำฟื้นกลับมาแล้ว IQ กับ EQ ก็หายไปจนหมด?”
ซูย้าวชะงักไปอย่างหมดคำจะพูด เหมือนเธอจะโดนเขาดูถูกอีกแล้ว!
เธอมองไปที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจ “ลี่เฉินซี คุณมาเสียดสีฉันแบบนี้ ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันนะ…..”
“หืม? คุณฟังออกด้วยเหรอว่าผมเสียดสีคุณ!” ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นประหลาดใจ ก่อนจะปรบมือให้เธอด้วย “ไม่เลวเลยนี่ ยังไม่ถึงขั้นปัญญาอ่อน ไม่เลว…..”
คำสุดท้ายยังไม่ทันได้หลุดออกมา อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าข้อมือตัวเองถูกหญิงสาวล็อกเอาไว้ ขณะเดียวกันประกายเย็นยะเยือกก็ค่อยๆ คืบคลานผ่านแววตาของซูย้าวเข้ามา เพียงพริบตาเดียว เธอก็จับแขนเขาไว้ด้วยความรวดเร็วไม่ต่างจากสายฟ้าฟาด ก่อนจะหมุนตัวเต็มแรง สุดท้ายก็เป็นท่ายกไหล่ทุ่มที่สมบูรณ์แบบ และผลก็เป็นอย่างที่เห็น
ลี่เฉินซีคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะมาไม้นี้ได้ด้วย!
ชายหนุ่มที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นอย่างเขา กลับถูกทุ่มลงกับพื้นแบบนี้ เป็นเพราะเขาไม่ทันตั้งตัว หรือว่าเธอ…..
เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของชายหนุ่ม ซูย้าวก็ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างพอใจ ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ว่า “อานเจียเย้นสอนศิลปะการต่อสู้กับยูโดให้ฉัน แถมยังมีไอคิโดอีก แม้ว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญมาก แต่โดยพื้นฐานก็พอทำได้อยู่”
หญิงสาวยกมือปัดฝุ่นเบาๆ “ต่อไปนี้อย่ามายั่วฉันนะ เมื่อก่อนฉันไม่ได้อยากจะรู้จักคุณแค่ผิวเผินหรอก แต่ต่อจากนี้ คุณเองก็มีคุณอู๋แล้ว อย่าได้มาวุ่นวายกับฉันอีก เข้าใจไหม?”
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตาไปทางห้องพักที่อยู่ไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันขึ้นมาอีกรอบ “แล้วก็ เมื่อไรที่คุณต้องการล่ะก็ ไปหาอาหยานของคุณเถอะ ให้เธอไปอาบน้ำแล้วก็นอนรอคุณบนเตียงดีๆ ฉันว่าเธอน่าจะยอมทำด้วยความเต็มใจเลยล่ะ”
หลังจากพูดประโยคสุดท้ายจบ นัยน์ตาเธอก็มีประกายหนาวเย็นพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที จากนั้นหญิงสาวก็เดินผ่านเขาไปด้วยท่าทีเฉยเมย ทว่าชายหนุ่มกลับเอื้อมมือออกไปรั้งข้อเท้าเธอไว้ วินาทีถัดมา ร่างบางก็ล้มลงกองกับพื้นด้วยท่วงท่าสง่างามไม่ต่างกัน
เขาไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มลงจริงๆ เพราะขณะที่เธอกำลังจะสัมผัสพื้น เขาก็ดึงตัวเธอกลับมา และปล่อยให้หญิงสาวล้มลงในอ้อมกอดเขาแทน ลี่เฉินซีลุกขึ้นนั่งช้าๆ แขนแกร่งโอบกอดบริเวณเอวบาง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เธอหนี “ดูท่าแล้ว อานเจียเย้นคงสอนคุณไปไม่น้อยเลยสินะ”
“แต่ว่า คุณลืมไปรึเปล่า ว่าผู้ชายของคุณทำอะไรได้บ้าง?”
มาพูดเรื่องยูโดกับอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขา ไม่ใช่เป็นการทำเก่งต่อหน้าปรมาจารย์หรอกเหรอ? เขาเรียนเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญ แต่เขาไปถึงขั้นมืออาชีพตั้งนานแล้ว!
ชายหนุ่มกอดเธอจากด้านหลังอย่างนึกสนุกกับอิริยาบถของทั้งคู่ตอนนี้ เขาเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของหญิงสาว มือข้างหนึ่งถูกยื่นออกไปสอดประสานกับมือบางของเธอ “ผมเคยบอกตอนไหนว่าจะแต่งงานกับอู๋หยาน? ผมให้คุณดูแหวนแต่งงาน ก็หมายความว่าผมจะแต่งกับคุณสิ คุณแกล้งทำมึนรึไง? หรือว่าไม่ทันทำอะไรก็หึงอีกแล้ว?”
ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ไม่รอให้เธอตอบกลับ เขายืดตัวขึ้นช้าๆ ก่อนจะดึงเธอให้ลุกขึ้นตาม จากนั้นก็อุ้มหญิงสาวพาดไหล่ แล้วเดินตรงไปทางห้องพักทันที “ผมให้คุณอาบน้ำรอผมแล้วมันทำไม? ผมเป็นผู้ชายของคุณ แค่นอนนี่มันไม่ใช่เรื่องปกติรึไง?”