“ซูย้าว!”
พอโม่หว่านหว่านเดินขึ้นไปถึงชั้นบน เธอก็ตะโกนเรียกซูย้าวเต็มเสียงทันที
ไม่ทันได้รอให้ซูย้าวตอบรับ ประตูห้องนอนก็ถูกโม่หว่านหว่านผลักให้เปิดออกทันที ก่อนที่เธอจะก้าวยาวๆ บุกเข้าไปในห้องอีกฝ่าย ใช่ บุกเข้าไป ไม่มีการเคาะประตู ไม่มีการถามไถ่ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์แบบนี้คือการบุกรุก
ซูย้าวที่กำลังเอนกายลงบนเตียงตั้งใจจะพักผ่อน อยู่ๆ ก็หันไปเห็นใบหน้าอัน “ดุดัน” ของหญิงสาวอีกคน ทำเอาเธอถึงกับต้องหยุดชะงัก กะพริบตาปริบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฉันควรจะเรียกเธอว่าซูย้าว ใช่ไหม?” ทันใดนั้นโม่หว่านหว่านก็เอ่ยถามขึ้น
ซูย้าวขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง ดึงลิ้นชักออกมา พร้อมกับหยิบบัตรประชาชน พาสปอร์ต ใบขับขี่ โยนไปทางโม่หว่านหว่าน
โม่หว่านหว่านหลุบตาลงมอง ที่แท้ในใบรับรองแต่ละใบล้วนมีสองคำที่เขียนอยู่อย่างชัดเจนว่า “ซูย้าว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น แววตาเย็นชาและดุดันยังคงอยู่ “ความทรงจำฟื้นคืนมาแล้วใช่ไหม?”
ซูย้าวกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบรับ
โม่หว่านหว่านยิ่งหงุดหงิดจนแทบจะระเบิด เธอพุ่งตรงไปข้างหน้า ก่อนจะกระชากคอเสื้อของซูย้าวขึ้นมา “ในเมื่อฟื้นความทรงจำแล้ว งั้นเธอรู้ไหมว่าฉันคือใคร?”
“โม่หว่านหว่าน” ซูย้าวตอบกลับ
โม่หว่านหว่านสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอดหนึ่งที อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ “อืม แค่ชื่ออย่างเดียวงั้นเหรอ?”
ซูย้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะปัดพันธนาการที่ “ไร้เหตุผล” นี้ออก “สรุปแล้วเธอต้องการอะไร? ถ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมา”
พรวดพลาดเข้ามาท่าทางตื่นตูมขนาดนี้ ซูย้าวก็นึกว่ามีเรื่องใหญ่อะไรเสียอีก!
โม่หว่านหว่านรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ในอก จนอึดอัดมาก ทันใดนั้นเธอก็หยิบรูปถ่ายจำนวนหลายใบออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะโยนทั้งหมดลงบนเตียง ขณะเดียวกัน เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เลื่อนวิดีโออยู่สองสามตอน พร้อมกับให้ซูย้าวดูไปด้วย
ซูย้าวนึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ เธอจึงหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูทีละใบพร้อมกับดูวิดีโอซ้ำไปซ้ำมาอยู่สองสามรอบ ก่อนจะพบว่า มันเป็นแค่รูปถ่ายแล้วก็คลิปวิดีโอในตอนที่โม่หว่านหว่านกับเพ้ยส้าวหลี่แต่งงานกันเท่านั้นเอง
หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “พวกเธอแต่งงานกันแล้ว งานแต่งงานก็ยิ่งใหญ่ เธอก็สวยมาก แต่เรื่องพวกนี้มันทำไมเหรอ?”
โม่หว่านหว่านจ้องไปที่เธอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเดินไปนั่งลงข้างๆ จากนั้นก็กุมมือเธอไว้ “เมื่อก่อนฉันเคยพูดว่าอะไร?”
“ตอนแรกที่เธอแต่งงานกับลี่เฉินซี แม้จะเป็นแค่การจัดพิธีเล็กๆ ไม่ได้ประกาศออกสื่อ แต่ฉันก็ยังอยู่ข้างๆ เธอ ก่อนหน้านั้นเราเคยสาบานด้วยกันแล้วว่า ถ้าใครแต่งงาน อีกคนจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาว เธอควรจะต้องอยู่กับฉันสิ!”
โม่หว่านหว่านดึงมือซูย้าวขึ้นมา “สองปีนี้ที่เธอหายไป เธอรู้ไหมมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เธอรู้ไหมว่าฉันคิดถึงเธอแค่ไหน?”
ขณะที่พูดขอบตาเธอก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ “เธอยังโชคดี ไม่ง่ายเลยที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาได้ แต่ก็ยังไม่ยอมเข้ามาหาฉันก่อน ไหนจะมาใช้ชีวิตแบบสบายหายห่วงที่นี่อีก ซูย้าว จิตใจเธอนี่มันเหี้ยมโหดจริงๆ !”
ซูย้าวรู้สึกมึนงงจนพูดไม่ออก
เธอนึกว่ามีเรื่องราวใหญ่โตอะไร ที่ไหนได้ก็แค่เรื่อง…..
“ถ้าไม่ใช่ส้าวหลิงรู้จากเฉินซีว่าความทรงจำเธอฟื้นกลับมาแล้ว เธอจะปิดบังฉันไปจนถึงเมื่อไร?” โม่หว่านหว่านเช็ดน้ำตาไปด้วย พร้อมกับยกมือขึ้นทุบเธอเบาๆ ไปด้วย
ซูย้าวพยักหน้ารับรัวๆ อย่างจนปัญญา “อา ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว พอใจรึยัง พี่ใหญ่หว่านหว่านอย่าโกรธกันเลย เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ตอนนี้ควรจะเรียกเธอว่าคุณนายลู่ใช่ไหมถึงจะถูก?”
โม่หว่านหว่านชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะผลักเธอเบาๆ อย่างขุ่นเคือง ยื้อยุดกันอยู่แบบนี้ ไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเหรอ?”
นัยน์ตาของซูย้าวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวจะผลักโม่หว่านหว่านเบาๆ ก่อนจะกวาดรูปถ่ายและโทรศัพท์ออกจากผ้าห่ม จากนั้นก็หันหลังคลุมโปง ไม่สนใจโม่หว่านหว่านอีกเลย
ด้านโม่หว่านหว่านเองก็ไม่ลังเล เธอกระชากผ้าห่มออก พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันพูดกับเธออยู่นะ สรุปแล้วเธอวางแผนจะทำอย่างไรต่อ?”
“ไม่ได้วางแผนอะไร” ซูย้าวตอบกลับอย่างเกียจคร้าน “ฉันกับเขา น่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีผลลัพธ์อะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีความสัมพันธ์ต่อกัน”
โม่หว่านหว่านหมดคำจะพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ หญิงสาวโน้มตัวไปหาซูย้าว พร้อมกับดึงเธอขึ้นมาอย่างไม่ลังเล “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?”
“ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้ลี่เฉินซีก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทำเรื่องเลวๆ ไว้ก็มาก แต่คนเรามันเปลี่ยนกันได้ เขารู้สึกผิดจริงๆ แถมยังพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองอีก เธอก็ให้โอกาสเขาหน่อยสิ! คิดเสียว่าเห็นแก่พวกเด็กๆ ไม่ได้เหรอ?”
ซูย้าวมองไปที่เธอด้วยแววตาสับสน ก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยความสงสัย “โม่หว่านหว่าน ทำไมเธอถึงมาพูดแทนเขาแบบนี้?”
ถึงแม้ความทรงจำเธอไม่ได้ฟื้นกลับคืนมาทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ก็กลับมาแล้ว ถ้าลองพิจารณาดูจากภาพความทรงจำที่กลับคืนมา ความสัมพันธ์ระหว่างโม่หว่านหว่านกับลี่เฉินซีก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่จะดีนี่!
สรุปแล้วสองปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้โม่หว่านหว่านเปลี่ยนมุมมองต่อเขาได้…..
โม่หว่านหว่านครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับว่า “อาจเป็นเพราะช่วงเวลาสองปีที่เธอไม่อยู่ ฉันเห็นสิ่งที่เขาทำกับเด็กๆ ทำกับเธอ มันออกมาจากใจจริงๆ บางที……”
ไม่ต้องรอให้เธอพูดจบ ซูย้าวก็พูดต่อท้ายประโยคให้เธอทันที “บางทีอาจเป็นเพราะเธอแต่งงานกับเพ้ยส้าวหลี่ ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นพรรคพวกของลี่เฉินซี เขาชอบใครเธอก็ชอบด้วย ถึงได้วิ่งมาพูดกับฉันถึงที่นี่สินะ”
โม่หว่านหว่าน “……”
ซูย้าวกวาดสายตามองไปยังรูปถ่ายที่กองอยู่กับพื้น ก่อนจะหันกลับมามองโม่หว่านหว่าน “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ที่เธอแต่งงานฉันไม่ได้อยู่กับเธอด้วย ขอโทษจริงๆ ครั้งหน้า ครั้งหน้าถ้าเธอแต่งงาน ฉันจะเป็นเจ้าภาพให้แน่ๆ แล้วก็จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ด้วย!”
โม่หว่านหว่านเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ “เด็กเมื่อวานซืนนี่ เธอมันปากร้ายจริงๆ ! น่าโมโหที่สุด!”
ซูย้าวหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปสวมกอดโม่หว่านหว่าน “ไม่ว่าจะพูดยังไง แค่ได้เห็นเธอมีความสุขแบบนี้ มีลูกน้อยที่น่ารัก นี่ก็ดีมากแล้ว หว่านหว่าน หลายปีมานี้ ฉันก็คิดถึงเธอ”
“ในที่สุดเธอก็พูดอะไรที่มันน่าฟังออกมาสักทีสินะ” โม่หว่านหว่านเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “เอาล่ะ ไม่เถียงเรื่องไร้สาระกับเธอแล้ว ให้โอกาสลี่เฉินซีเขาหน่อยเถอะ การจมอยู่กับบาดแผลในอดีต ไม่ได้เป็นการลงโทษเขานะ แต่มันจะเป็นการทรมานตัวเธอเองต่างหาก”
โม่หว่านหว่านกุมมือเธอไว้ พร้อมกับลูบไปมาเบาๆ “ย้าวย้าว คุณลุงกับคุณป้าเองก็จากโลกนี้ไปนานแล้ว ญาติสนิทที่เธอยังเหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแต่พวกเด็กๆ ส่วนลี่เฉินซีเมื่อก่อนเขาอาจจะเคยเป็นคนไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงๆ นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ เธอไม่ให้เขาลองดูหน่อยล่ะ?”
พอพูดถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาซูย้าวก็ลึกล้ำขึ้นมาทันที
ระหว่างเธอกับลี่เฉินซี ก็แค่ความเจ็บปวดในอดีตที่ยากจะปล่อยไป ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
ตัวเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับระเบิดล่องหน ตราบใดที่อานเจียเย้นยังอยู่ และเขายังไม่ยอมตัดใจจากเธอ ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าเธอจะอยู่กับใคร ก็มีแต่กลายจะเป็นตัวอันตรายทั้งนั้น
โม่หว่านหว่านจ้องไปที่ซูย้าว พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าผู้ชายในโลกนี้ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนนิสัยไม่ดี แต่สักวันหนึ่ง เธออาจจะได้เจอกับผู้ชายที่เขาเห็นเธอเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า ตัวฉันเองเจอแล้ว ย้าวย้าว ตอนนี้ถึงตาเธอแล้วล่ะ”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ แพขนตางอนยาวปิดบังความรู้สึกสับสนในตาเธอจนมิด มีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันที่ปรากฏให้เห็น “เพราะงั้นล่ะ ฉันเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีมาเยอะแล้ว แต่ก็หวังว่าสักวันจะได้เจอกับผู้ชายที่เห็นฉันเป็นสมบัติล้ำค่านะ!”
โม่หว่านหว่านยกมุมปากขึ้นอย่างหมดความอดทน ก่อนจะยกมือขึ้นจิ้มหน้าผากซูย้าวเบาๆ “เธอเจอแล้ว ก็ลี่เฉินซีนั่นไง ต่อให้เขาจะเคยนิสัยไม่ดี แต่ก็ถูกเธอทำให้เปลี่ยนไปแล้ว!”
“ในเมื่อเปลี่ยนไปแล้ว งั้นก็ควรจะปล่อยให้เขาออกสู่สังคม เจอหน้าทุกๆ คน บริการผู้หญิงคนอื่นๆ ให้มากขึ้นสิ ใช่ไหม?” ซูย้าวจงใจย้อนคำพูดเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น อาจเป็นเพราะไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร ตัวเขาก็ได้ไปเจอกับฝูงชนมาแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมัดใจอู๋หยานได้ไม่ใช่รึไง?
ก็แค่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ทั้งๆ ที่เขามีรักครั้งใหม่ไปแล้ว แต่ก็ยังมาวุ่นวายกับเธออยู่อีก น่าปวดหัวจริงๆ …….