ครุ่นคิดอยู่ วารุณีก็กดโทรศัพท์ติดนัทธี
นัทธีที่ดูเหมือนว่ากำลังรอสายอยู่ เมื่อโทรศัพท์ดังปุ๊บก็กดรีบรับทันที “ฮัลโหล”
“นัทธีคุณตื่นแล้วเหรอ” วารุณีถามขณะที่นั่งอยู่บนโซฟา
นัทธีค่อย ๆ ยกคางขึ้น “อืม ทางคุณงานเลี้ยงจบแล้วเหรอ”
วารุณีพยักหน้า “จบแล้ว”
“เหนื่อยไหม” นัทธีถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
วารุณีนวดไหล่เบา ๆ “เหนื่อยสิ ยืนเกือบทั้งวันเลย”
นัทธีเงียบไปครู่หนึ่ง “อย่างนั้นผมจะจัดคนรับใช้ไปดูแลเธอเพิ่มอีกสักคน แบบนี้คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
“ไม่ต้องหรอก แค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น” วารุณีที่ยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ได้
แต่นัทธียังคงดึงดัน “คุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ ยังมีอีกหนึ่งชีวิตในท้องของคุณ ลูกน้อยไม่ได้กวนคุณใช่ไหม”
ได้ยินดังนั้น วารุณีก้มหน้าลูบท้องของตัวเอง แววตาอ่อนโยน “ไม่กวนเลย เชื่อฟังมาก”
ประเด็นหลักคือตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มมีอาการแพ้ท้อง ดังนั้นจึงยังไม่รู้สึกว่าไม่สบายตรงไหน
แต่ถ้าผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ คงถึงเวลาที่ต้องทุกข์ทรมาน
นัทธีไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก็ได้เบาใจลง “อย่างนั้นก็ดี”
“เด็ก ๆ ทั้งสองคนตื่นหรือยัง” วารุณียกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม
นัทธีส่ายหน้า “ยังเลย เดี๋ยวคุยจบแล้ว ผมจะให้ป้าส้มไปปลุกพวกเขา”
“อืม” วารุณีตอบรับอืมหนึ่งคำ
จากนั้นนัทธีก็ได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา น้ำเสียงดูเคร่งขรึมกว่าเดิม “ใช่แล้ว เรื่องอดีตบางเรื่องของนวิยา ผมไปสืบมาแล้วนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วารุณีก็นั่งตัวตรงขึ้น สีหน้าจริงจัง “อย่างนั้นผลการสืบเป็นอย่างไร”
“เหมือนอย่างที่คุณพูด นวิยาได้ทำเรื่องทารุณกรรมแมวจริง ๆ และก็ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว” นัทธีนวดหว่างคิ้วแล้วกล่าว
วารุณีฮึดฮัด “อย่างนั้นเห็นที คนที่ฆ่าฉันเป็นไปได้สูงที่จะเป็นนวิยาแล้วสิ”
นัทธีไม่ได้ตอบกลับ กล่าวเพียง:“ผมได้ให้ตระกูลจามจุรีศิลป์ไปสืบเรื่องของนายท่านบุญชัยว่ามีการใช้อำนาจของตัวเองในการปกป้องคนร้ายหรือไม่ ถ้าหากตรวจสอบว่ามี และคนที่ปกป้องยังเป็นนวิยา อย่างนั้นผลลัพธ์ก็ย่อมตามออกมา”
“ถ้าหากว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้นั้นเป็นนวิยาจริง ๆ นัทธีคุณจะทำอย่างไร” วารุณีหรี่ตาถามเบา ๆ
นัทธีขยับริมฝีปากเบาๆ กำลังจะปริปาก
วารุณีก็กล่าวต่อ:“ฉันอยากจะฟังคำพูดจากใจจริง ๆ”
“นวิยาทำเรื่องแบบนี้ ก็ต้องรับผลในสิ่งที่กระทำ” นัทธีกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
วารุณียิ้มขึ้น ความกังวลในใจก็พลันหายไป
ยังดีที่เขาไม่ทำให้เธอผิดหวัง
“ดีค่ะ นัทธี นี่คุณพูดเองนะ ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วเป็นฝีมือของนวิยาจริง ๆ ฉันจะให้เธอติดคุก คุณจะช่วยเธอไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยา” วารุณีหรี่ตา น้ำเสียงก็เข้มขึ้นเล็กน้อย
ถึงอย่างไร เธอไม่มีทางปล่อยฆาตกรให้ลอยนวลอย่างแน่นอน
นึกถึงครั้งที่อารัณเกือบเสียชีวิต ในใจของเธอก็เคียดแค้นฆาตกรคนร้ายมาก แค้นกว่าที่คนร้ายลงมือกับเธอในตอนนั้นเสียอีก
นัทธีฟังออกถึงความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของวารุณี จึงกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา:“ผมไม่มีทางช่วยเธอ”
พิจารณาจากสิ่งที่เขาได้ไปสืบมา พฤติกรรมนิสัยของนวิยาเดิมทีก็ผิดปกติอยู่แล้ว
เขายังได้ค้นหาข้อมูลเพิ่ม ในข้อมูลบอกว่าเด็กที่ตัวเล็กขนาดนี้สามารถทำทารุณกรรมฆ่าสัตว์ได้ คือผู้กระทำผิดที่ขาดความเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งอื่น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คนจำพวกนี้เป็นจำพวกที่ต่อต้านสังคม พวกเขาเกิดมาก็เห็นแก่ตัวไร้ความปรานี เห็นคนที่ไม่ชอบหน้าหรือคนที่ไม่ถูกใจก็จะถูกพวกเขากำจัดทิ้งไป
นวิยาอาจจะเป็นคนจำพวกนี้ ดังนั้นปล่อยให้อยู่ข้างนอก จึงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคนอื่น สังคม รวมไปถึงตัวของนวิยาเอง
เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่มีหลักฐานที่จะจับตัวนวิยาไปขังได้ ถ้าหากว่าบังคับจับขัง เกรงว่าจะกระทบกระเทือนต่อนวิยา จนทำให้นวิยาทำเรื่องที่ขาดสติได้
“ได้ยินประโยคนี้ของคุณ ฉันก็พอใจแล้ว แต่ว่าทางคุณหมอพิชิต……” วารุณีรู้สึกกังวล
นัทธีสีหน้าเคร่งขรึม “ทางฝั่งพิชิต เดี๋ยวผมไปจัดการเอง”
“อย่างนั้นก็ดีค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนะ” วารุณียิ้มแล้วก็หาวขึ้น
นัทธีได้ยินน้ำเสียงก็อ่อนโยนลง “ในเมื่อเหนื่อยแล้ว ก็ไปพักผ่อนเถอะ”
“อืม” วารุณีพยักหน้า
นัทธีขมับริมฝีปากบาง “บาย”
เมื่อสิ้นสุดการสนทนา เขาก็วางโทรศัพท์ลง แล้วให้ป้าส้มขึ้นไปบนตึกปลุกเด็กน้อยทั้งสองคน
เด็กทั้งสองคนนั้นก็เชื่อฟัง แค่เรียกก็ตื่น
หลังจากทานอาหารเสร็จ นัทธีก็ขับรถส่งพวกเขาไปโรงเรียน
ตอนค่ำ งานเลี้ยงฉลองการฟื้นตัวของนวิยาได้เริ่มขึ้น
หลังจากที่นัทธีมอบหมายให้ป้าส้มดูแลเด็กทั้งสองแล้ว ก็ได้ให้มารุตขับรถไปที่โรงแรม
นวิยาเป็นตัวเด่นในงานเลี้ยงคืนนี้ เธอสวมชุดเดรสเกาะอกสีขาว ควงแขนของชายชราผมหงอกทั้งหัว เดินอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อที่อยู่ในงานด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น นวิยาก็มองเห็นนัทธี ดวงตาจึงเป็นประกาย จากนั้นเดินไปข้างหน้าพร้อมกับชายชรา “นัทธี คุณมาแล้วเหรอคะ”
นัทธีพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปหามารุต
มารุตรีบยื่นกล่องของขวัญวางไว้ที่มือของเขาทันที
นัทธียื่นกล่องของขวัญที่ประณีตให้กับนวิยา “ของขวัญสำหรับคุณ”
“ขอบคุณค่ะ” นวิยายิ้มแล้วรับมา จากนั้นก็มองเขา “ฉันสามารถเปิดได้ไหม”
“แน่นอน” นัทธีพยักหน้า
นวิยาแกะของขวัญอย่างมีความสุข
ชายชราที่ลูบเคราอยู่ข้าง ๆ เธอ มองตาหรี่สำรวจดูนัทธี “นัทธี ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย”
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยครับนายท่านบุญชัย” นัทธียิ้มจาง ๆ ให้กับนายท่านบุญชัย
นายท่านบุญชัยก็หัวเราะฮ่า ๆ “ใช่แล้ว แต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พาภรรยามาด้วยกัน ฉันได้ยินนวิยาบอกตลอดว่าแฟนนายสวยมาก ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย”
นัทธีจัดระเบียบแขนเสื้อแล้วตอบกลับว่า:“เธอไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ต่างประเทศแล้วครับ ไม่ได้อยู่ที่นี่”
นายท่านบุญชัยรู้สึกประหลาดใจครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าอย่างชื่นชม “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ไปทำชื่อเสียงให้กับประเทศ เป็นเรื่องที่ดี อย่างนั้นก็อวยพรให้เธอราบรื่นนะ”
“ขอบคุณครับ” นัทธีตอบกลับอย่างสุภาพ
เวลานี้นวิยาได้แกะกล่องของขวัญออกมาแล้ว ข้างในเป็นสร้อยคอเพชรสีน้ำเงินที่งดงาม
นวิยายกมือปิดปากด้วยความดีใจ “สวมงามมาก ขอบคุณนะคะนัทธี”
เธอพลางพูดพลางอ้าแขนทั้งสองข้างออกเพื่อจะกอดเขา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทต่อนายท่านบุญชัย นัทธีจะไม่ปฏิเสธ และกอดตอบนวิยา
แต่หลังจากที่เห็นข้อมูลของนวิยาแล้ว เขาเม้มริมฝีปากบางจากนั้นก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว
นวิยาจึงกอดแค่เพียงอากาศด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา จากนั้นมองเขาอย่างน้อยใจ “นัทธี……”
นัทธีแววตาจริงจัง “ขอโทษด้วยนวิยาผมมีภรรยาแล้ว คุณเองก็มีแฟน ทำแบบนี้ไม่เหมาะ”
นวิยาสีหน้าตะลึงงัน กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
นัทธีก็มองเห็นพิชิต จึงพูดกับนายท่านบุญชัยว่า:“นายท่านบุญชัย พิชิตมาแล้ว ผมต้องขอตัวไปหาเขาก่อน พวกท่านค่อย ๆ คุยกันนะครับ”
พูดจบเขาก็เดินผ่านพวกเขาสองคนไป มุ่งเดินไปหาพิชิต
นวิยากำสร้อยคอไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอรู้สึกถึงท่าทีของนัทธีที่มีต่อเธอนั้นเย็นชามากอย่างกะทันหัน
ถึงแม้ว่าหลังจากที่นัทธีกับวารุณีแต่งงานกันแล้ว ท่าทีที่มีต่อเธอจะไม่สนิทเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าก็ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยกัน ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าใกล้นัทธีต่อหน้าวารุณีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่าตอนนี้ ท่าทีที่นัทธีปฏิบัติต่อเธอ เร็วจนตามทันการกระทำที่เขาเย็นชาต่อวารุณีแล้ว
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่ว่าแววตาที่เขามองเธอนั้นเย็นชามาก เธอนั้นรู้สึกได้
หรือว่านิรุตติ์ไปพูดอะไรกับนัทธี จึงทำให้นัทธีปฏิบัติกับเธอเช่นนี้
ครุ่นคิด สีหน้าของนวิยาก็ดูแย่ขึ้นฉับพลัน และร่างกายก็กำลังสั่นเทา จากนั้นจึงได้กล่าวขอตัวกับนายท่านบุญชัยที่อยู่ข้าง ๆ แล้วไปที่ห้องรับรองเพื่อทำการโทรศัพท์
ฝั่งทางนัทธีที่ได้ไปหาพิชิตที่กำลังดื่มด่ำกับแอลกอฮอล์ “นวิยาอยู่ตรงนั้น ทำไมถึงไม่เข้าไป”