Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 28.2 สุดยอดอาวุธสังหาร (2)

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่มั่นใจนักว่าลูกศรของตนจะทำร้ายหลัวเขอตี้ได้ แต่ในการทดสอบในครั้งนี้ เธอแค่ต้องทำให้เขาขยับตัวปัดป้องลูกศรของเธอให้ได้เท่านั้น เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตนจะทำสำเร็จ ยังไงซะ เธอก็มีศรติดตามไร้เสียงซึ่งเป็นสิ่งที่ดูจะได้เปรียบที่สุดสำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าตนน่าจะผ่านการทดสอบในครั้งนี้แน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมีท่าทีผ่อนคลายหลังจากได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับบททดสอบด่านแรก
ตามที่คาดไว้ หลังจากที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปล่อยลูกศรออกไป หลัวเขอตี้ก็สามารถเอี้ยวตัวหลบธนูดอกนั้นได้ในพริบตา แต่ทว่าศรติดตามไร้เสียงกลับหมุนตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็วและพุ่งเขาหาเขาอีกครั้ง ในครั้งนี้มันเกือบจะพุ่งถึงใบหน้าของเขาแล้ว หลัวเขอตี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะยกมือของเขาขึ้นมาป้องกันตนเอง แสงสีขาวสว่างเรืองรองขึ้นมาจากมือของเขา จากนั้นศรติดตามไร้เสียงก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศทันที
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เก็บธนูอุษาม่วงพาดไว้บนหลังด้วยรอยยิ้ม เธอพูดกับโจวเหว่ยชิงว่า “เขาเป็นผู้อาวุโสจากหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จริงๆ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เธอย่อมไม่รู้ว่าในอีกด้านหนึ่ง หลัวเขอตี้เองก็กำลังประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน แม้เขาจะสามารถหยุดยั้งศรติดตามไร้เสียงได้ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว แต่ตอนนี้เขาปลายนิ้วข้างนั้นกลับรู้สึกชาหนึบ จากประสบการณ์ของหลัวเขอตี้ เขาจึงสามารถจำแนกระดับพลังปราณสวรรค์และทักษะธาตุของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ในทันที เขาคิดกับตัวเองว่า แม่นางน้อยผู้นี้สมควรได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์จริงๆ! อายุเพียงแค่นี้แต่กลับมีพลังปราณสวรรค์อยู่ในขั้นพื้นฐานระดับที่ 10 แล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่ตาแก่โจวจะแนะนำให้เธอเข้าร่วมหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เธอจะต้องมีอนาคตที่รุ่งโรจน์อย่างแน่นอน!
“เอาล่ะ เจ้าผ่านการทดสอบในครั้งนี้ ส่วนเจ้า เจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นน่ะ ตาเจ้าแล้ว”
ในครั้งนี้เป้าหมายหลักของหลัวเขอตี้ไม่ใช่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ในที่สุดเมื่อถึงคราวของโจวเหว่ยชิง เขาก็ผุดรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาบางเบาก่อนจะคิดกับตัวเองอย่างลับๆว่า: ไอ้เจ้าเด็กตัวเหม็น! กล้าล้อเล่นกับข้ารึ! ข้าจะทำให้เจ้าเห็นเองว่าข้าจะเอาคืนอย่างไร! ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นจ้าวมณีสวรรค์ ดังนั้นเธอจึงผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดาย  แต่เจ้า เจ้าเป็นแค่จ้าวมณีทั่วๆไป…หึๆๆ!
ในอีกด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงเพิ่งเรียกธนูราชันย์ของเขาออกมา เนื่องจากพวกเขาอยู่ห่างกันถึง 300 หลา แม้ว่าหลัวเขอตี้จะเห็นศาสตรามณียุทธ์ของเขา แต่เขาก็ไม่อาจมองเห็นมณีรอบข้อมือของเขาได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินว่าโจวเหว่ยชิงเป็นจ้าวมณียุทธ์ธรรมดาๆ ที่มีมณีเพียงดวงเดียว แน่นอนว่าสำหรับหลัวเขอตี้แล้ว หากจะโทษเขาที่ฟันธงไปเช่นนั้นก็อาจไม่ถูกนัก เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์มีจ้าวมณีสวรรค์เพียง 2 คนเท่านั้น และแม้ว่าจ้าวมณีสวรรค์อีกคนอาจจะถือกำเนิดขึ้น พวกเขาก็อาจไม่เลือกอยู่ในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ต่อเนื่องจากรู้ดีว่าอาณาจักรไม่มีกำลังสนับสนุนพวกเขาได้เพียงพอ
โจวเหว่ยชิงนำลูกศรออกมาจากแล่งแล้วพาดไปบนธนูราชันย์  เขาง้างสายธนูขึ้นมาประมาณครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็  *หวืด* ลูกศรดอกแรกพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ธนูราชันย์คือธนูชนิดใดน่ะหรือ? มันเป็นหนึ่งในธนูที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศาสตรามณียุทธ์ อีกทั้งอำนาจการทำลายล้างของมันต่างก็เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง มีเพียงจ้าวมณีสวรรค์ผู้ครอบครองมณียุทธ์บริสุทธิ์ประเภทเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะหลอมรวมเข้ากับมันได้ แม้ว่ามันจะถูกง้างขึ้นเพียงครึ่งเดียว ลูกศรที่พุ่งทะยานออกไปก็ยังมีความเร็วมากกว่าธนูอุษาม่วงที่ง้างขึ้นจนสุดสายเสียอีก
เมื่อลูกศรดอกแรกแหวกอากาศออกไป ลูกศรดอกที่สองก็พุ่งตามออกไปติดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งที่ 2 นี้โจวเหว่ยชิงยังง้างธนูขึ้นจนสุดสายก่อนจะปล่อยออกไปเสียด้วย
ทักษะการยิงธนูเช่นนี้เรียกว่าการยิงคู่; ลูกศรดอกแรกจะถูกยิงออกไปด้วยความเร็วค่อนข้างช้า จากนั้นจึงตามด้วยลูกศรดอกที่สองซึ่งเร็วกว่า และแน่นอนว่าด้วยความเร็วระดับนั้น ลูกศรดอกที่สองย่อมจะต้องพุ่งแซงดอกแรกไปถึงจุดหมายก่อน ทักษะนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นคนสอนให้กับเขา โดยทักษะนี้มักจะใช้กับศัตรูที่แข็งแกร่งเพื่อทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทัน
ม่านตาของหลัวเขอตี้หดแคบลงเมื่อลูกศรของโจวเหว่ยชิงพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกับเสียงแหวกอากาศที่ดังจนแสบแก้วหู สายตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นเป็นธนูที่ทรงพลังจริงๆ แต่มันก็อาจกลายเป็นธนูที่ไร้ประโยชน์ได้เช่นกัน ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัว สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักธนูคือความเงียบ เพราะฉะนั้น ธนูที่ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นเช่นนี้ค่อนข้างจะไร้ประโยชน์มากเนื่องจากศัตรูส่วนใหญ่จะสามารถไหวตัวทันและพุ่งตัวหลบได้
ในขณะที่เขากำลังขบคิดเกี่ยวกับลูกศรของโจวเหว่ยชิง เขาก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน เมื่อลูกศร         2 ดอก พุ่งมาถึงตัวเขา หลัวเขอตี้ก็ไม่ได้ขยับขาของเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างกายส่วนบนของเขาหักหลบไปทางซ้ายจนดูเหมือนกับว่าร่างกายส่วนบนของเขาถูกถอดออกจากบั้นเอวเลยทีเดียว
แม้ว่าลูกศรของโจวเหว่ยชิงจะดูเหมือนพุ่งเป้าไปที่จุดเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว ทิศทางของลูกศรทั้ง 2 ดอกมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเนื่องจากลูกศรดอกแรกเบี่ยงไปทางซ้าย ในขณะที่อีกดอกเบี่ยงไปทางขวา อย่างไรก็ตาม ทักษะการหลบหลีกของหลัวเขอตี้เองก็ยังน่าตกใจอยู่มาก แน่นอนว่าเขาสามารถหลบลูกศรทั้ง 2 ดอกนี้ได้อย่างง่ายดาย
โจวเหว่ยชิงนึกถึงคำพวกนี้ขึ้นมาทันที: จ้าวมณียุทธ์ประเภทความยืดหยุ่น เขาแน่ใจว่าหลัวเขอตี้ผู้นี้เป็นจ้าวมณียุทธ์ และในบรรดามณียุทธ์ของเขา หนึ่งในนั้นมีคุณสมบัติเพิ่มความยืดหยุ่นอย่างแน่นอน
ขณะที่เขากรุ่นคิดอยู่เช่นนั้น มือของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ลูกศรอีกสองลูกถูกยิงออกไปอีกครั้ง  คราวนี้ดอกแรกมีเป้าหมายอยู่ที่ร่างกายส่วนบนของหลัวเขอตี้ซึ่งโค้งออกมาทางซ้าย ส่วนอีกดอกหนึ่งก็เล็งไปยังกลางลำตัวของเขา ด้วยวิธีนี้หากหลัวเขอตี้กลับมายืนตัวตรงเขาจะต้องปะทะกับลูกศรดอกที่ 2 แต่ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาก็จะถูกโจมตีด้วยลูกศรดอกแรก แม้โจวเหว่ยชิงจะรู้ว่าลูกศรทั้งสองดอกนี้อาจไม่ได้ทำให้หลัวเขอตี้ถึงกับยกมือขึ้นมาปัดป้องพวกมันออกไป แต่เป้าหมายของเขาก็คือพยายามทำให้หลัวเขอตี้ขยับเท้าออกจากจุดที่เขายืนอยู่ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
อย่างไรก็ตาม หลัวเขอตี้เองก็ตกใจกับลูกศรของโจวเหว่ยชิงจริงๆ เขาขยับเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยความยาก ลำบาก ร่างกายส่วนบนของเขาที่โค้งไปทางซ้ายดูเหมือนจะหักโค้งไปด้านหลังแทน ท้ายที่สุดเขาก็ลงเอยในตำแหน่งสะพานโค้งโดยที่ขาของเขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย โจวเหว่ยชิงได้แต่อ้าปากค้างและคิดสงสัยว่าขาของหลัวเขอตี้ถูกตอกติดพื้นเอาไว้หรืออย่างไร
“เจ้าเด็กเหลือขอ! นั่นคือทั้งหมดที่เจ้ามีแล้วรึ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะเข้าร่วมหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ด้วยความสามารถระดับนั้นหรือ? ในพื้นที่โล่งๆเช่นนี้ หากเจ้าไม่สามารถทำให้ข้าขยับเท้าได้ เจ้าก็ควรกลับบ้านไปดูดนมมารดาต่อไป!” โจวเหว่ยชิงได้ยินคำเยาะเย้ยของหลัวเขอตี้ดังมาจากระยะไกลๆ
ตอนนี้เขากระจ่างแจ้งแล้ว  ไอ้เจ้านั่น! ตอนนี้กำลังแก้แค้นข้าอยู่อย่างแน่นอน! แม้ว่าลูกศรของซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะทรงพลังจริงๆ แต่ด้วยความสามารถที่หลัวเขอตี้ได้เปิดเผยออกมาเมื่อสักครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถหลบลูกศรของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้อย่างง่ายดาย แม้แต่จะรอจนกระทั่งปราณสวรรค์ที่ควบคุมลูกศรดอกนั้นหมดไปก็ยังได้ ถึงกระนั้น เขาก็ยังยอมให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าส่วนเป้าหมายที่แท้จริงของหลัวเขอตี้ก็คือเขานั่นเอง!
รอยยิ้มเย็นๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงทันที หึ! ไม่ขยับขางั้นรึ? ข้าจะดูว่ารอบนี้เจ้าจะยังไม่ขยับอยู่ไหม! เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลูกศรดอกที่ห้าของเขาก็ถูกยิงออกไป
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง ลูกศรดอกที่ห้าพุ่งไปทางขาซ้ายของหลัวเขอตี้ทันที ทว่าหลัวเขอตี้กลับหัวเราะเสียงดัง เขายกขาซ้ายขึ้นกวาดโค้งเหนือศีรษะของตนไปอย่างง่ายดายคล้ายกับท่า ‘ไก่ทองยืนขาเดียว'[1] อย่างไรก็ตาม หลังจากหัวเราะได้เพียงชั่วครู่ ในวินาทีถัดมาความโชคร้ายก็มาเยือนเขาทันที
ก่อนหน้านี้ ลูกศรถูกยิงไปในระยะไกลมาก และข้อจำกัดของธนูราชันย์คือ หากลูกศรพุ่งออกไปไกลกว่า 1.5 กิโลเมตร พลังปราณสวรรค์ในลูกศรพวกนั้นจะกระจายตัวออกไปจนหมด ส่วนความสามารถในการระเบิดทำลายล้างของธนูราชันย์จะไม่มีผลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คราวนี้ถึงแม้หลัวเขอตี้จะหลบลูกศรดอกนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ยังพุ่งลงไปยังพื้นดินเบื้องล่างเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังกึกก้องขึ้นมาทันที ในเสี้ยววินาทีนั้นหลัวเขอตี้พลันรู้สึกตกตะลึงมากจนการตอบสนองของเขาช้าลงกว่าปกติเล็กน้อย แรงระเบิดครั้งนี้ทำให้เขาต้องโผนทะยานขึ้นไปเหนืออากาศทันที และแม้ว่าเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการปลดปล่อยมณียุทธ์ของเขาออกมาและพลิกตัวกลับกลางอากาศเพื่อลดแรงกระแทกของกระเบิดลูกนั้น แต่เสื้อผ้าของเขาก็ยังคงฉีกขาดออกจากกันเนื่องจากแรงปะทะที่เกิดขึ้น
“เวรเอ้ย! ไอ้ธนูนั่นคือ…” หลัวเขอตี้ได้แต่สบถสาปแช่งอยู่ในใจของเขา แต่ปัญหาของเขายังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นมาใกล้ๆ หูของเขาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
อารมณ์โกรธเกรี้ยวของหลัวเขอตี้พุ่งทะยานขึ้นมาทันที ในขณะนี้ร่างของเขาลอยคว้างอยู่กลางอากาศจึงยากที่จะหาสิ่งใดเป็นที่ยึดเกาะเพื่อเหวี่ยงตัวหลบวิถีของลูกศรดอกนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงพุ่งลงไปฟาดฝ่ามือลงกับพื้นอย่างไม่มีตัวเลือก พลังปราณสวรรค์ขุมหนึ่งกระแทกกับพื้นดินจนเป็นรอย เขาใช้แรงปะทะพลิกตัวไปด้านหลังและกลับไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงจ้าวมณียุทธ์ที่มีมณียุทธ์ 5 ดวง แม้ว่าในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เขาจะถูกพิจารณาว่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แต่เนื่องจากทักษะมณียุทธ์ของเขาคือความยืดหยุ่นและการประสอดประสาน เพราะ ฉะนั้นแม้ว่าขณะนี้เขาจะลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาก็ยังมั่นใจว่าตนเองจะสามารถหลบลูกศรที่พุ่งเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่เขาจะได้หัวเราะออกมา เรื่องเหลือเชื่ออีกอย่างก็ปรากฏขึ้นตามมาติดๆ ขณะที่เขาใช้แรงกระแทกเพื่อพลิกตัวกลับขึ้นไปในอากาศนั้นเอง ดูเผินๆเหมือนว่าเขาจะหลบลูกศรดอกนั้นพ้นแล้ว แต่ในวินาทีนั้นเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกอย่างรุนแรง ร่างของเขาถูกผลักกระเด็นออกไปด้านหลังทันที ด้วยแรงระเบิดขนาดย่อมๆเขาจึงกระเด็นออกไปไกลกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่ในระยะไกลๆ “หวังว่าท่านจะสนุกกับ ‘ลูกศรราชันย์เคลื่อนย้ายพริบตา’ ของข้านะ ฮิๆ! ”
…………………………………………………..
[1] ท่า ‘ไก่ทองยืนขาเดียว’ (金鶏独立) เป็นท่ารำไทเก๊กชนิดหนึ่ง

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset