“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านอีวานส์ ท่านเป็นจอมเวทชั้นต้นเพียงคนเดียวเท่าที่ข้ารู้จักที่ผ่านการพิจารณาจากทางคณะกรรมการตั้งแต่งานเขียนสองชิ้นแรก” ลูซี่กล่าวด้วยความสุภาพ
ลูเซียนต้องยอมรับว่าเขาโชคดีมากแล้วที่รายงานชิ้นนี้ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการ หากว่าเขาไม่ได้แนบรายงานผลการทดลองไว้ท้ายๆ สมาชิกคณะกรรมการคงปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ เมื่องานเขียนของเขาผ่านการพิจารณาแล้ว ลูเซียนก็จำเป็นต้องหาทางช่วยให้มันดึงดูดความสนใจมากกว่าเดิม
จอมเวทท่านอื่นๆ จะต้องสามารถค้นพบธาตุใหม่ๆ ตามแนวคิดบนรายงานของเขา ลูเซียนพยายามอธิบายแนวคิดให้ละเอียดชัดเจนมากที่สุด ทั้งยังแนะนำให้ใช้วิธีวิเคราะห์ในทางเคมีจากเงาและวัตถุเพื่อศึกษาธาตุที่เหมือนกับธาตุโลหะ และค้นหาธาตุอโลหะเหมือนซิลิคอนจากการตรวจสอบปฏิกิริยาจากการเล่นแร่แปรธาตุจำเพาะบางอย่าง และลูเซียนยังเพิ่มลักษณะที่เป็นไปได้ของแร่อีกด้วย
เพื่อให้มีจอมเวทสนใจในงานเขียนชิ้นนี้เพิ่มขึ้น และเพื่อให้มีการตรวจสอบความถูกต้อง ลูเซียนจึงจำเป็นต้องหาผู้อ่านให้ได้มากขึ้น ลูเซียนหวังว่าจะมีนักเวทและจอมเวทมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะตรวจสอบสินแร่ที่พวกเขามีใหม่อีกครั้งอย่างระมัดระวัง
จากวารสารที่มีชื่อเสียงทั้งหมด ฉบับที่รับงานเขียนจากศาสตร์แห่งธาตุคือ ‘อาร์คานา’ ‘เวทธาตุ’ ‘เล่นแร่แปรธาตุ’ ‘โฮล์ม’ ‘ทฤษฎีอาร์คานาแห่งโคเลตต์’ และ ‘อาร์คานาสามัญ’ ทว่า จากทั้งหมดนี้ มีเพียง ‘อาร์คานา’ ‘เวทธาตุ’ ‘เล่นแร่แปรธาตุ’ และ ‘อาร์คานาสามัญ’ เท่านั้นที่รับงานเขียนที่เจ้าของงานส่งไปด้วยตนเอง
ลูเซียนไม่คิดพิจารณาวารสารอื่นๆ เพราะพวกมันไม่มีชื่อเสียงเพียงพอ และวารสารที่เขาต้องการย่อมเป็น ‘อาร์คานา’ แน่นอนอยู่แล้ว แม้เขาจะรู้ดีว่าโอกาสนั้นแทบจะเป็นศูนย์ก็ตาม ถึงกระนั้น ลูเซียนก็ยังอยากจะลองพยายามอยู่
“ขอบคุณขอรับ ท่านหญิงลูซี่” ลูเซียนพยักหน้าแล้วออกมาจากห้องทำงานนั้น
หลังจากพูดคุยกับซินดี้และโดน่าเล็กน้อย ลูเซียนก็ได้รู้ว่าสำนักงานใหญ่ของวารสารอาร์คานานั้นอยู่ที่ใด มันอยู่บนชั้นสิบนี้เอง
ลูเซียนขึ้นไปยืนอยู่บนพื้นทรงกรมสีเงินของลิฟต์เวทมนตร์ ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นอย่างนิ่วนวล ขณะจ้องมองห้องโถงหลักทางด้านล่าง ลูเซียนก็รู้สึกประหม่าและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่เก้า ลูเซียนก็กดปุ่มที่ปกคลุมด้วยแสงสีเหลืองและเขียว จากนั้นพื้นสีเงินก็เริ่มดูดซึมแสงนั้นไป
หลังจากที่แสงสองสีหายไป พื้นสีเงินก็พลันสั่นเบาๆ จากนั้นจึงมาหยุดอยู่ที่ชั้นสิบ
เมื่อก้าวออกมา ลูเซียนก็มายืนอยู่ห้องโถงหลักของชั้นนี้ ซึ่งเป็นห้องโถงต้อนรับของวารสารอาร์คานา
ห้องโถงดูโอ่อ่าใหญ่โตแต่ก็เงียบสงบ พื้นปูด้วยกระเบื้องอย่างดี
ลูเซียนเดินไปที่โต๊ะต้อนรับ ซึ่งด้านหลังโต๊ะนั้นเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ลูเซียนถามทั้งสองด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอประทานโทษขอรับ… ข้าอยากทราบว่าข้าจะส่งงานเขียนของข้าเองให้กับที่นี่ได้อย่างไรขอรับ”
ชายผู้นั้นหยุดพูดคุยกับสุภาพสตรีผู้งดงามแล้วหันมาทางลูเซียน หลังจากตรวจดูเหรียญตราบนอกลูเซียน เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเป็นงานเขียนของท่านจริงหรือ หรือเป็นของสหาย หรืออาจารย์ของท่านกัน”
ชายหญิงทั้งสองต่างติดเหรียญตราอาร์คานาที่มีดาวสองดวง กับป้ายชื่อ แต่ไม่มีเหรียญตราเวทมนตร์ ที่แห่งนี้ อาร์คานาศาสตร์คือทุกอย่าง
“ท่านการ์วิน เป็นงานเขียนของข้าเองขอรับ” ลูเซียนเหลือบมองป้ายชื่อของอีกฝ่าย ชื่อการ์วินนั้นยิ่งพบเห็นได้ทั่วไปกว่าลูเซียนเสียอีก
สีหน้าการ์วินดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงห้วนสั้น “ขออภัยด้วยขอรับท่าน เราไม่รับงานที่ส่งมาจากจอมเวทระดับต่ำ”
“เป็นเช่นนั้นรึ” ลูเซียนยืนกราน “ข้าไม่เห็นว่าจะมีกฎข้อนี้จากระเบียบการส่งงานเขียนให้กับวารสารอาร์คานาเลยนี่”
การ์วินหัวเสียเล็กน้อย แม้ว่าทางวารสารจะไม่ได้ตั้งกฎข้อนี้อย่างชัดเจน ข้อกำหนดก็มีอยู่จริง ในสายตาการ์วิน มันไม่มีทางที่จอมเวทระดับต่ำจะสู้จอมเวทระดับสูงหรือกระทั่งจอมมหาเวทได้เลย
“เราเคยตีพิมพ์บทความจากจอมเวทระดับต่ำมามากมายก่อนหน้านี้ก็จริง แต่บทความทั้งหมดนั้น ตอนที่ผ่านกระบวนการพิจารณาจากคณะกรรมการ ต่างถูกจัดสรรว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และจากนั้นทางเราก็จะส่งจดหมายเชิญให้พวกเขามาตีพิมพ์ด้วยเจ้าค่ะ” สุภาพสตรีข้างกายการ์วินเป็นผู้ตอบ “เราไม่เคยรับงานจากจอมเวทระดับต่ำคนใดที่มาส่งด้วยตัวเองเลยเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าก็ไม่ได้ทำผิดกฎอะไร ใช่ไหมขอรับ” ลูเซียนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “อย่างน้อยวารสารอาร์คานาก็น่าจะพิจารณางานเขียนของข้าเสียก่อน หากว่างานเขียนขอข้าไม่มีคุณสมบัติมากพอและถูกปฏิเสธ ข้าก็ย่อมไม่ว่าอะไร”
“เช่นนั้นท่านส่งงานเขียนนั้นมาให้ข้าได้เลย และเพราะว่าวันนี้ยังเป็นแค่วันที่สี่ของเดือน ท่านจะได้ทราบผลการพิจารณาในทันที” การ์วินตอบอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเหนื่อยหน่ายที่จะพูดคุยกับลูเซียนแล้ว
“ขอบคุณขอรับ ท่าน” ลูเซียนส่งงานเขียนให้กับการ์วิน
ทันทีที่การ์วินรับไป เขาก็เดินหายลับไปก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงระเบียงทางเดินโล่งๆ และเงียบงัน จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านงานเขียนของลูเซียน
เขาตัดสินใจตรวจดูงานเขียนของลูเซียนด้วยตัวเองก่อน หากว่าเขาไม่มั่นใจถึงคุณค่าของงานชิ้นนี้ เขาก็จะส่งมันไปให้ฝ่ายพิจารณา แต่ถ้าเขามั่นใจ เขาก็จะปฏิเสธมันด้วยตัวเองทันที
ในช่วงต้นๆ การ์วินตั้งใจอ่านอย่างมาก เพราะตารางธาตุดูค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยอย่างเหยียดหยัน
“ล้อเล่นหรือไร… มวลอะตอมของเทอร์มิริคผิดพลาดเช่นนั้นรึ จอมเวทระดับสูงหลายท่านเป็นผู้ตรวจสอบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อหลายปีก่อนโดยใช้วิธีการทดลองมากมายที่แตกต่างกัน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่างานชิ้นนี้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการมาได้…”
เทอร์มิริคคือธาตุเสริมพิเศษของวิญญาณ
การ์วินหยุดอ่านแล้วกลับมาหาลูเซียน ขณะที่เขายื่นปึกกระดาษคืนให้ลูเซียน เขาก็พูดว่า “จอมเวทที่พิจารณางานเขียนของท่านมองไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน เพราะมันเต็มไปด้วยปัญหา! เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการมาได้อย่างไร!”
ลูเซียนทำปากยื่นเล็กน้อยแต่ก็รู้ดีว่าเขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับมายังชั้นหนึ่ง และจากตรงนั้น เขาก็ส่งต้นฉบับไปให้สำนักงานใหญ่วารสารเวทธาตุในนครเรนทาโต
…
เป็นไปตามที่การ์วินว่า ในช่วงต้นเดือนนั้น สำนักพิมพ์ทั้งหลายยังไม่ค่อยยุ่งเท่าไร สามวันต่อมา ลูเซียนจึงได้รับจดหมายจากวารสารเวทธาตุ
มันเป็นวันเสาร์ และเหล่านักเวทฝึกหัดก็กำลังเรียนอยู่ที่บ้านเขา หลังจากมอบแบบฝึกหัดให้พวกเขาทำเพิ่ม ลูเซียนก็ไปยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องแล้วเปิดจดหมายอ่าน
‘เรียนท่านลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์’
‘งานเขียนของท่านควรค่าแก่การนำไปอภิปรายต่อ แต่เพราะต้นเดือนหน้าเราจะมีการประชุมในนครเรนทาโต วารสารของเราจึงจะตีพิมพ์ผลงานจากการประชุมครั้งนี้ทั้งหมด ดังนั้นทางเราจึงเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกท่านว่าเราไม่สามารถตีพิมพ์งานเขียนของท่านได้’
‘วารสารเวทธาตุ สหายของนักเวทศาสตร์แห่งธาตุและศาสตร์แห่งการแปรธาตุทุกท่าน’
‘6 มกราคม ปี 817’
มันเป็นจดหมายปฏิเสธฉบับแรกที่ลูเซียนได้รับ และมันก็ค่อนข้างสุภาพทีเดียว ลูเซียนรู้ว่าการประชุมสัมมนาอะไรนี่เป็นเพียงข้ออ้างของทางนั้น มิเช่นนั้นทางวารสารคงจะต้องเสนอให้ตีพิมพ์ในฉบับถัดไปแล้ว
ช่วงนี้ลูเซียนต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่น้อย หลังจากปีใหม่มาเยือน เขาจึงค่อยๆ ตรวจดูดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวของเขา แต่มันก็ยังคงพร่าเลือนอยู่เช่นเดิม
หลังจากสั่งงานเพิ่มให้กับลูกศิษย์ของเขา ลูเซียนก็มุ่งหน้ามายังสำนักงานใหญ่ของสภาเวทมนตร์และเขาก็ส่งต้นฉบับของเขาไปให้วารสารเล่นแร่แปรธาตุจากที่นั่น
ครั้งนี้ การพิจารณาใช้เวลานานกว่าเดิมมาก สองสัปดาห์ต่อมา หลังจากที่ลูเซียนล้มเหลวกับการทดลองหาธาตุใหม่ๆ ที่ทำให้เขาต้องเสียแต้มไปถึงสองร้อยแต้ม สุดท้ายเขาก็ได้รับจดหมายจากทางวารสารเล่นแร่แปรธาตุ
แต่ทว่า มันยังคงเป็นจดหมายปฏิเสธ วารสารนี้ยังบอกกับลูเซียนด้วยว่าห้ามส่งงานชิ้นนี้มาอีกเพราะข้อโต้แย้งเรื่องมวลอะตอมของลูเซียนนั้นไม่สมเหตุสมผล
ขณะถือจดหมายปฏิเสธอยู่นั้น ลูเซียนรู้สึกวิกตกกังวลเล็กน้อย เวลาของเขากำลังจะหมดลง หากว่าเขาไม่สามารถตีพิมพ์งานเขียนได้ในเร็วๆ นี้ ลูเซียนก็จะต้องรอไปอีกหนึ่งเดือน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไปเยี่ยมเยียนสำนักงานใหญ่ของวารสารอาร์คานาสามัญในเมืองอัลลิน แล้วส่งงานด้วยตนเองเป็นครั้งที่สาม
แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะสี่วันต่อมา เขาก็ได้รับจดหมายที่ไม่ใช่ทั้งการปฏิเสธและการตอบรับ แต่เป็นจดหมายเชิญจากจอมเวทระดับสี่นามวูดส์
…
สำนักงานใหญ่ของวารสารอาร์คานาสามัญ ในห้องทำงานอันสว่างไสว
“ข้าคือหนึ่งในผู้พิจารณารายงานการทดลองค้างคาวของเจ้า อีวานส์ และเป็นข้าเองที่ส่งจดหมายไปเชิญเจ้ามา” วูดส์กล่าวยิ้มๆ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวม วูดส์มีหนวดงามงอนสีเหลืองอ่อน
“ขอบคุณอย่างยิ่งขอรับ ท่านวูดส์ ที่ท่านกล่าวให้เกียรติงานเขียนของข้าถึงเพียงนั้น มิเช่นนั้นงานของข้าคงไม่มีทางอยู่ในสายตาของจอมมหาเวทเป็นแน่” ลูเซียนตอบกลับอย่างจริงใจ
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งสภาคงจะต้องสูญเสียไม่น้อย” วูดส์พยักหน้ารับอย่างมีเมตตา “ท่านเฟอร์นันโดสร้างแบบจำลองพื้นฐานของเวท ‘เนตรฟ้าคำรณ’ ‘เตาหลอมสายฟ้าแห่งเฟอร์นันโด’ และ ‘เตาเผาศพล่องหน’ ได้แล้ว คาถาทั้งสามนี้ยอดเยี่ยมและทรงพลังมาก แต่พราะแบบจำลองยังมีความซับซ้อนมาก ท่านเฟอร์นันโดจึงพยายามทำให้มันง่ายขึ้นอยู่ในตอนนี้”
ความสำเร็จของลูเซียนยังทำให้ชื่อเสียงของวูดส์กำจรกำจายกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นวูดส์จึงชอบใจในตัวลูเซียนจริงๆ
“ท่านจอมมหาเวทมีปัญญาเฉียบแหลมมากจริงๆ ขอรับ” ลูเซียนยังคงพูดด้วยความอ่อนน้อม “ท่านวูดส์ขอรับ… เหตุผลที่ท่านขอให้ข้ามาที่นี่… เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเขียนชิ้นใหม่ของข้าหรือเปล่าขอรับ”
“ใช่ ถูกแล้ว” วูดส์กล่าว “ข้าได้อ่านงานของเจ้าแล้วล่ะ และมันคุ้มค่าแก่การนำไปอภิปรายต่อ หากว่ามันไม่มีข้อสันนิษฐานส่วนบุคคลมากเกินไปล่ะก็ งานชิ้นนี้คงจะโดดเด่นอย่างมาก”
รายงานของลูเซียนวางอยู่ตรงหน้าเขา แล้ววูดส์ก็ชี้ไปที่แต่ละส่วนที่เขาไม่เห็นด้วยอย่างสุภาพ
“ถึงอย่างนั้น” วูดส์พูดต่อ “มันก็ยังเป็นงานเขียนที่ดี และยังมอบมุมมองใหม่ให้แก่จอมเวททั้งหลาย เพราะฉะนั้น ลูเซียน เจ้าอยากจะตีพิมพ์กับทางเราในเดือนหน้าหรือไม่ พอดีว่าเดือนนี้ เราจัดบทความไว้หมดแล้วน่ะ”
แน่นอนว่าวูดส์ตัดสินใจจะตีพิมพ์รายงานชิ้นนี้เพราะความชื่นชมที่มีต่อตัวลูเซียน และเหตุผลที่เขาขอให้ลูเซียนมายังห้องทำงานของเขา นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการให้ลูเซียนทราบว่าใครคือผู้ช่วยเหลือเขา และใครที่เขาควรจะสำนึกในบุญคุณ เช่น หากว่าสักวันหนึ่งลูเซียนกลายเป็นลูกศิษย์ของ ‘เจ้าแห่งวายุ’ นี่ก็คงจะเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จสำหรับวูดส์
แต่ฉบับหน้าเช่นนั้นหรือ ลูเซียนค่อนข้างลังเล
…………………………….