“เสี่ยวอวี๋ เธอเปลี่ยนไปนะ” หลี่ว์ซู่พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666!]
เขาคิดว่าหลี่ว์เสี่ยวอี๋จะสนับสนุนเขาตลอดและมาปกป้องเขา แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ยอมต่อสู้กับผู้บัญชาการของทหารชิงไซ่…
เปลี่ยนไปแล้ว คนเรามันเปลี่ยนกันได้!
ส่วนทางหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยังยิ้มร่า ที่จริงเรื่องนี้มันใหม่สำหรับเธอ หลี่ว์ซู่มาที่โลกจักรวาลหลี่ว์ไม่ทันไรก็กลายเป็นที่นิยมของคนที่นี่ แม้แต่ผู้ชายก็ยังมองเขา ไม่มีอะไรน่าสนใจให้หัวเรื่องนี้แล้ว
ตอนนี้ หลิวอี้เจายังรอคำตอบของหลี่ว์ซู่อยู่ หลี่ว์ซู่คิดแล้วมองทางจางเว่ยอวี่ “เรื่องนี้น้าฉัน…”
เขาอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ให้น้าเป็นคนตัดสินใจ ตอนนี้จางเว่ยอวี่เริ่มกลัวความสามารถโยนบาปของหลี่ว์ซู่แล้ว ดังนั้นพอหลี่ว์ซู่พูดคำว่า “น้า” เขาก็เริ่มถอยหลังออกไปแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหลี่ว์ซู่
แต่หลี่ว์ซู่จะลากเขาเข้ามาให้ได้ สิ่งที่จังทำจริงเปล่าประโยชน์แต่ละหลี่ว์ซู่กังวลเรื่องอื่น เรื่องนี้ต่อให้จางเว่ยอวี่ตอบตกลงแทนเขาก็ไม่มีประโยชน์ จ้างไม่เสียอะไรดีไม่ดีอาจมีโอกาสแกล้งเขาอีกด้วย…
ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงเปลี่ยนเรื่อง “น้าฉันเป็นชาวเมืองเถียนเกิ่ง ตอนนี้ทัพเฮยอวี่กำลังจะโจมตี ฉันและน้าเกิดเป็นคนเถียนเกิ่ง ตายก็จะเป็นผีที่นี่ ตอนนี้จะให้ไปเที่ยวที่เมืองหนานเกิงได้อย่างไร ฉันและน้าจะร่วมกันต่อสู้ต้านข้าศึกเพื่อที่นี่!
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]
จางเว่ยอวี่ตกใจ “ฉันเป็นคนธรรมดา จะไปต่อสู้อะไรได้! “
หลี่ว์ซู่พูดว่า “น้าลืมแล้วหรือ น้าเคยบอกว่าต่อให้ต้องใช้ฟันสู้กับทัพเฮยอวี่ก็จะสู้จนตัวตาย”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า “ฉันก็ได้ยิน”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]
จางเว่ยอวี่มองทางหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ด้วยใบหน้าตกใจ เด็กสาวหน้าตาน่ารักอย่างนี้ทำไมถึงโกหกไม่กะพริบตาเหมือนหลี่ว์ซู่เลย
“งั้นก็ดีเลย ขอเชิญทุกท่านอยู่เพื่อร่วมต้านศัตรู เมืองเถียนเกิ่งไม่ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์ ฉันจึงไม่ได้อยู่ที่นี่พร้อมกับทุกท่าน ยังมีกิจทหารติดพันจึงขอลาก่อน” หลิวอี้เจายิ้ม
หลี่ว์ซู่ถอนหายใจในที่สุดเจ้านี่ก็ไปจนได้ ตอนนี้เขานับวันยิ่งไม่เข้าใจโลกจักรวาลหลี่ว์นี้แล้ว
ในตอนนี้ขุนนางของเมืองเถียนเกิ่งเริ่มสังเกตเห็นกว่าหลิวอี้เจาคุยกับหลี่ว์ซู่แล้ว เขาดูสดใสขึ้นมากเลย ไม่มีความกดดันแบบเมื่อก่อน เชอะ ทุกวันนี้ตัวเขาซื้อใจวัยรุ่นคนนี้ ไม่แน่วันข้างหน้าท่านเจ้าเมืองมีเรื่องเรียกใช้ พวกนั้นอาจช่วยพูดให้เขาดูดีขึ้นได้…
อย่างในครั้งนี้ ถ้าท่านหลี่ให้หลี่ว์ซู่ช่วยพูดให้เขา แค่ต้องบอกว่าทัพเฮยอวี่มาจริงๆ เรื่องข่าวกรองทหารปลอมนั้นก็จะผ่านไป
คนที่จะมีขีวิตรอดอยู่ในกลียุคเช่นนี้ได้ต่างไม่ใช่คนโง่ รอจนหลิวอี้เจานำทัพชิงไซ่ออกไปแล้ว เขาก็จะมาพูดกับหลี่ว์ซู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ผู้กล้าท่านนี้ไม่ทราบว่ายอมไปพักผ่อนที่เรือนของฉันไหม ฉันจะตระเตรียมอาหารที่พักไว้รับรองพวกท่าน ที่พักของพวกท่านอันตรายเกินไป ถ้าหากทัพเฮยอวี่มาอีก ท่านจะถูกโจมตี วางใจเถอะ ที่พักของฉันนั้นสะอาดไม่ใหญ่มากและก็มีความเป็นส่วนตัว”
หลี่ว์ซู่ชำเลืองมองเขาแล้วก็ตอบตกลง ประโยคนี้ทำให้หลี่ว์ซู่รู้ว่าท่านหลี่คนนี้มีแผนอะไรอยู่แต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรในตอนนี้
เย็นวันนี้เพิ่งมาได้เจอกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อีกครั้ง ต้องคุยกันเรื่องแผนการในอนาคตซะก่อน ดังนั้นมีที่พักก็ถือว่าไม่เลว
ยังไงเสียด้วยพลังของเสี่ยวอวี๋ อยากจะที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้
…
ยามดึก หลี่ว์ซู่ได้ยินเสียงเปิดประตูของห้องข้างๆ เขาแอบมองลอดช่องหน้าต่างเห็นจางเว่ยอวี่กำลังย่องเดินออกไป แล้วยัดอะไรบางอย่างไว้ในอก
“ตาเฒ่านี่ตอนเย็นไม่กินอะไร ที่แท้เก็บเอาไว้จะออกไปข้างนอกนี่เอง” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจแล้วพูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า “คนพวกนี้มีชีวิตลำบากนะ ไม่รู้ว่ามาอยู่ละแวกเมืองเถียนเกิ่งเพื่อจุดประสงค์อะไร ต้องอดทนขนาดกินรากต้นไม้อีกด้วย ก่อนนี้มีคนยอมตายแต่ไม่ยอมขายตัวเป็นทาส”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหลี่ว์ซู่ “ต้องช่วยเขาไหม ฉันเห็นเขาดูอ่อนแอมาก”
“ไม่ต้องหรอก” หลี่ว์ซู่ส่ายหน้า “มีโอกาสก็แอบช่วยเขาเสียหน่อย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง ยังไงพวกเราช่วยเขาไปตลอดไม่ได้หรอก”
“อืม” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า “ต่อไปพวกเราจะไปไหนกัน”
“หาวิธีกลับบ้านไง” หลี่ว์ซู่คิดอยู่สักพักแล้วก็พูด พอคุยถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกปวดหัว เพราะเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวิธีที่จะกลับไปยังโลกเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้หลี่ว์ซู่มั่นใจว่าราชาองค์เก่าท่านนั้นมีพลังทะลุผ่านกำแพงโลกได้ ไม่อย่างนั้นพวกหวังซือจะมาจากไหนกัน
ถ้าราชาองค์เก่ารู้วิธี แล้วราชาแห่งทวยเทพองค์ใหม่ล่ะจะรู้ไหม
อาจจะรู้ก็ได้ แต่คำถามคือเขาจะตรงไปหาราชาของโลกนี้แล้วบอกว่าส่งฉันกลับไปทีเถอะ พวกเขาจะยอมหรือ
หลี่ว์ซู่คิดแล้วก็พูดว่า “ฉันว่าพวกเราน่าจะไปเมืองหลวงสักรอบหนึ่ง”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นึกถึงคำพูดที่ผู้บัญชาการค่ายทัพหน้าของทัพเฮยอวี่คนนั้นพูดไว้ จึงพูดปฏิเสธขึ้นว่า “ไม่ได้ ยังไปเมืองหลวงไม่ได้”
ผู้บัญชาการคนนั้นเห็นรูปของหลี่ว์ซู่แล้วพูดว่า “เด็กหนุ่มคนนี้ถ้าไปเมืองหลวงจะต้องไปรับความนิยมเป็นแน่” ตอนนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าที่นั่นจะต้องมีพวกชอบคนที่หน้าตา…
หลี่ว์ซู่ประหลาดใจ “ทำไมไปที่นั่นไม่ได้ละ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ส่ายหน้า “บอกนายไม่ได้ ยังไงก็ห้ามไป”
หลี่ว์ซู่ “…ถ้าอย่างนั้นมาคิดวิธีอื่นกัน พรุ่งนี้ต้องลองถามจางเว่ยอวี่ดูว่ามีแผนที่ของที่นี่ไหม ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน”
ตอนนี้จางเว่ยอวี่เร่งรีบเดินขึ้นเหนือไป เขาอยากจะนำอาหารไปวางไว้ที่ปากถ้ำนั้น รอให้คนอื่นไปถึงถ้ำนั้นก็จะมีอาหารกิน
พอเขาวางเสร็จแล้วก็จะรีบกลับมา ก่อนหน้าเขาไม่ได้ซื้อเสบียงไว้เลย ตอนนี้ได้รับการรับรองต้อนรับ จางเว่ยอวี่จึงคิดว่าถ้าเขาเก็บอาหารเอาไว้มากประมาณนี้ทุกวัน พวกพี่น้องก็จะได้สุขสบายขึ้นหน่อย
ทุกครั้งที่เขานึกถึงเพื่อนเก่าที่ฆ่าตัวตายคนนั้นก็จะรู้สึกทุกข์ใจจนพูดไม่ออก
ทันใดนั้น จางเว่ยอวี่หยุดเดินลง และมองไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า มีคนค่อยๆ ลุกขึ้นมา
หลิวอี้เจาที่อยู่ตรงหน้าได้เปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองสีดำ ในความเงียบนี้ หลิวอี้เจาคุกเข่าลงคารวะ “หลิวอี้เจาทหารมังกรหลวงขอคารวะใต้เท้าจางทหารวังใน”
จางเว่ยอวี่ยิ้มอย่างเสแสร้ง “ไม่คิดว่าจะมีคนจำฉันได้ แต่ตอนนี้ฉันเป็นนักโทษปกปิดชื่อแซ่มาที่นี่ หวังว่าท่านจะมีเมตตา”
หลิวอี้เจายืนขึ้น “ใต้เท้าคนอื่นก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
“ทำไมรึ” จางเว่ยอวี่ยิ้ม “คิดจะเอาพวกฉันไปแลกกับตำแหน่งหรือ”
“เหตุใดใต้เท้าจางจึงพูดเช่นนี้” หลิวอี้เจาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันไม่รู้เรื่องในอดีตเมื่อ 18 ปีก่อน ที่ฉันรู้ทหารมังกรหลวงส่วนใหญ่ล้วนตายหมดแล้ว มีเพียงไม่กี่คนอย่างนายที่มีชีวิตรอดอย่างมีความสุข” จางเว่ยอวี่พูด