เมื่อก่อนฉินหรูเหลียงมักพูดว่า เรื่องของจาวหยางไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ตอนนี้จาวหยางสลัดเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใยแล้ว เขากลับรู้สึกว่าหงุดหงิดใจ
ร่างสูงใหญ่ของฉินหรูเหลียงหันเดินมาทางจาวหยาง รูปร่างของเขาแผ่ปกคลุมตรงหน้าจาวหยาง ทำให้จาวหยางมีความรู้สึกที่ว่าโหดร้ายน่ากลัวมากกว่าเมื่อก่อน
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“หากว่าท่านไม่อยากให้ข้าสนใจก้าวก่ายจริงๆ เมื่อแรกเริ่มไม่ควรร้องขอให้ข้าช่วยท่าน ข้าช่วยท่านเสร็จแล้ว ท่านก็แต่งงานกับข้าแล้ว ต่อให้ไม่มีความรู้สึกฉันท์สามีภรรยา ตอนนี้ท่านก็เป็นภรรยาของข้าแล้ว”
จาวหยางรู้สึกแน่นหายใจไม่ออกพักหนึ่ง กล่าวว่า“แต่เมื่อสมัยนั้นพวกเราคุยกันอย่างชัดเจนแล้วนะ การแต่งงานเป็นหน้าฉากมีประโยชน์ที่ดีต่อข้าและต่อท่านด้วย ท่านก็คิดว่าไม่ได้แต่งภรรยา ส่วนข้าก็ทำเป็นไม่ได้แต่งงาน ต่างคนต่างใช้ชีวิตตนเอง”
“นั่นคล้ายกับว่าท่านเป็นคนพูด ข้าไม่เคยพูด”
ฉินหรูเหลียงคิด หากเมื่อสมัยนั้นนางไม่ได้อำลา เขาอาจจะเก็บนางไว้ในจวนตลอด ในเมื่อแต่งกับนางแล้ว ก็ยิ่งต้องรับผิดชอบชั่วชีวิตของนาง แต่งงานกับหญิงที่ไม่เคยพบมาก่อนและเอามาเป็นภรรยา เขารับรองว่าจะให้เกียรตินางเหมือนต้อนรับแขกที่มาเยือน บางทีอาจจะดีกับจาวหยางด้วย
เขาไม่อยากทำให้ผู้อื่นผิดหวัง แต่การดูแลนางกลับไม่ใช่ปัญหา หากอนาคตข้างหน้านางมีคนที่หมายปอง เขาก็สามารถช่วยเหลือสนับอย่างเต็มที่
เดิมฉินหรูเหลียงคิดวางแผนว่าจะลองดู
แต่ต่อมานางไปแล้ว ฉินหรูเหลียงคิดอีกว่า หากว่าฟ้าสูงทะเลกว้างเป็นสิ่งที่นางต้องการ นั่นเขาก็สามารถที่จะช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาไร้หนทางที่จะยอมรับได้เวลานางนั่งดื่มชาพูดคุยกับชายอื่น มีพูดคุยมีหัวเราะด้วย
จาวหยางกล่าวว่า “เมื่อสมัยนั้นไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่คุยเรื่องความรู้สึกกับท่าน ข้าคุยเพียงเงื่อนไขกับท่าน ท่านถึงรับปากแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่?”
ฉินหรูเหลียงมองนางนิ่ง แล้วกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้ ท่านเลยถือว่าการแต่งงานนั่นเป็นการเล่นแบบเด็กๆใช่หรือไม่?”
จาวหยางกล่าวว่า “ก็ไม่ใช่ว่าข้าถือว่าเป็นการเล่นแบบเด็กๆหรอก แต่เป็นท่านที่ไม่เคยคิดเป็นเรื่องจริงเลย พวกเราเพียงแค่ทำอย่างนี้ อีกทั้งยังไม่ได้เข้าหอ ไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง”
“ไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง?”แววตาสีหน้าฉินหรูเหลียงทั้งอึมครึมทั้งลึกซึ้ง “ใช่หรือไม่ว่าเข้าห้องหอแล้ว ก็นับว่าเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงแล้ว?”
จาวหยางอ้าปากหวอ พูดอะไรไม่ออก
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “อยู่ข้างนอกมาสองปีแล้ว ใจที่มุ่งมาดทะเยอทะยานก็ควรพอแล้ว พรุ่งนี้กลับเรือนกับข้า”
แต่ทว่าจาวหยางกล่าวปฏิเสธว่า“ข้าไม่กลับ”
ฉินหรูเหลียงหมดความอดทน ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เหตุใดไม่กลับ?”
จาวหยางพิงที่ผนังห้อง เงียบสงบ สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้กล่าวว่า “นั่นเป็นเรือนข้าที่ไหนกัน เพียงแต่เป็นเหมือนกับสถานที่มากมายที่ข้าเดินผ่าน เป็นใต้ชายที่กันลมหลบฝน ท่านต้องการให้ข้ากลับไปทำอะไร?ใช้ชีวิตกับท่านหรือ?หรือว่าข้าต้องปกป้องใช้ชีวิตกับชายคนหนึ่งที่มีคนอื่นอยู่ในใจหรือ?”
นางส่ายศีรษะ หลุบสายตาขึ้นมองฉินหรูเหลียงเล็กน้อย แววตามีความเศร้าสลด ริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นมา กล่าวอย่างสงบจิตสงบใจว่า “ท่านปล่อยข้าไปเถิด ข้าจาวหยางไม่ใช่คนคับอกคับใจเคียดแค้นขนาดนั้น”
ฉินหรูเหลียงจ้องมองเธออย่างลึกซึ้งไม่อาจคาดเดาได้
จาวหยางยักไหล่ กล่าวอีกว่า “ที่ควรจะพูดข้าก็พูดชัดเจนแล้ว ท่านมาที่นี่ หากว่ากังวลใจว่าข้ากับคนอื่นจะสมคบสวมเขาให้ท่านล่ะก็ นั่นไม่จำเป็นเลย”
ตอนที่นางพูด ยังคงก้มศีรษะลงแล้วหัวเราะ “พบเจอผู้คนมากมาย ข้าไม่เลือกคนเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว ข้าพบเจอบุคคลที่ข้าชอบ ข้าจะกลับมาบอกท่านอย่างชัดเจนด้วยตัวของข้าเอง”
นางหมุนตัว เดินไปทางประตู กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เช่นนั้น ข้ากับท่านก็อำลากันที่นี่เถิดนะ”
เพิ่งจะเดินได้สองก้าว ฉินหรูเหลียงที่อยู่ด้านหลังเอื้อมมือมารั้งนาง จาวหยางมีการเตรียมตัวป้องกันนานแล้ว จึงได้แฉลบหลบออก
นี่เป็นการคาดการณ์ผลลัพธ์ของฉินหรูเหลียง เขาเอื้อมมืออีก นางก็หลบอีก รูปร่างปราดเปียวอย่างมาก
ฉินหรูเหลียงหรี่ตามอง กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “คาดไม่ถึงว่าท่านจะมีฝีมือการต่อสู้”
จาวหยางกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเทียบท่านไม่ได้ แต่ว่าก็มีวิธีการปกป้องตนเองเล็กน้อย”
ด้วยเหตุนี้ฉินหรูเหลียงเลยไม่เกรงใจอีก ครั้งนี้ตราบใดที่เขาไม่ต้องการ เขาก็ไม่มีทางให้จาวหยางหายไปจากสายตาของเขาอีกแล้ว ทั้งสองคนสู้กันไปมา สุดท้ายไม่ต้องสงสัยจาวหยางได้แพ้อยู่บนมือเขาอย่างราบคาบ หายใจหอบแฮกๆ มือทั้งสองข้างถูกเขาเอาไขว้ไว้ด้านหลัง ดันอัดอยู่ที่ฝาผนัง
ฉินหรูเหลียงกล่าวอย่างอึมครึมว่า “ข้าจะพูดอีกหนึ่งครั้ง กลับเรือนกับข้า”
จาวหยางดวงตาแดงก่ำ กล่าวว่า “ข้าก็จะพูดกับท่านอีกหนึ่งครั้ง ข้าไม่กลับ!ท่านไม่ชอบข้า เหตุใดข้าต้องกลับไปกับท่าน!ใจของท่านมีบุคคลอื่น ท่านยังมาวุ่นวายยั่วแหย่กับข้าทำไม!”
ฉินหรูเหลียงมองท่าทางนางที่โมโหทั้งใจร้อน กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เห็นชัดเจนว่าท่านวุ่นวายยั่วแหย่ข้าก่อน”
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าไม่คิดแล้วได้หรือไม่?”จาวหยางกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง ก็สบายดี!”
ฉินหรูเหลียงจ้องมองปากที่ไม่ยอมแพ้นั่น เขานึกถึงปีนั้นในค่ำคืนที่มีหิมะ นางเขย่งเท้าขึ้นแล้วจูบตนเองเบาๆ
ไม่รู้ว่าเป็นฝันร้ายหรือว่าอย่างไร ต่อมาฉากนั้นมักจะตามหลอกหลอนเขาไม่เลิก ทำให้เขาไม่สามารถที่จะลืมได้
ใจที่เงียบสงบมานาน สั่นหวั่นไหว มีระลอกคลื่นเป็นรอบๆ ภายในจิตใจก็กระเพื่อมขึ้น
ฉินหรูเหลียงก้มศีรษะลงไปช้าๆ เอียงหน้าเล็กน้อย ลองเข้าใกล้ริมฝีปากของจาวหยาง
จาวหยางเบิกตากว้าง คนทั้งคนตัวแข็งทื่อ จนกระทั่งนางกลั้นหายใจไม่กล้าที่จะหายใจออกมาเลย
ริมฝีปากบางแนบสัมผัสที่ริมฝีปากของนาง
มีชั่วประเดี๋ยวเดียวที่ทั้งสองคนเผลอใจลอย
“กลับเรือนกับข้า”ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีกครั้ง น้ำเสียงของเขามีความอ่อนโยนอยู่เลือนราง ฟังแล้วไพเราะ
แต่ทว่าฉินหรูเหลียงกลับไม่ให้โอกาสนางได้ตอบกลับ จูบสัมผัสลงที่ริมฝีปากนางอีกครั้ง จูบบางเบาไม่ต่างกับแมลงป่องที่แตะผิวน้ำ และปิดกั้นกลีบปากของนาง คล้ายดั่งชายผู้หนึ่งที่จูบสัมผัสหญิงที่มีจิตใจเลื่อมใสรักมานานแล้ว เขาพยายามที่จะเปิดไรฟันที่ปิดอยู่ แล้วเข้าไปสำรวจ
จาวหยางไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลย นางรู้เพียงว่าตรงหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ตาลายแม้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านยังไม่มี อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมอกเขา
ฉินหรูเหลียงอุ้มนางขึ้น หันเดินไปที่เตียงไม้ กล่าวว่า “ในเมื่อท่านพูดว่าไม่ได้เข้าหอก็ไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง เช่นนั้นตอนนี้ชดเชยก็นับว่ายังไม่สาย”
“ข้าไม่……..”
ฉินหรูเหลียงกดตัวลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและคละเคล้าไปด้วยความอบอุ่นว่า “รอข้ากับท่านเป็นสามีภรรยากันจริงๆแล้ว ท่านน่าจะไม่ไม่ยั่วบุคคลอื่นอีกแล้ว”
จาวหยางหน้าแดงก่ำ และยังคงถีบเท้าเตะใส่เขาไม่หยุด แต่คนผู้นี้คล้ายดั่งภูเขาที่กดทับอยู่บนตัวนาง ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นไร้การเคลื่อนไหว
กระโปรงที่เปียกชื้นครึ่งหนึ่งถูกมือใหญ่ของเขาถอดออกมาทีละชิ้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยถูกชายหนุ่มเข้าใกล้อย่างนี้เลย นางเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงสั่นเทาไปหมด
ดวงตาของจาวหยางเต็มไปด้วยน้ำตา กล่าวอย่างเลื่อนลอยว่า “ท่านชอบผู้อื่น ก็ไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้กับข้า นี่ท่านไม่รับผิดชอบ…….”
เป็นเวลานานมากแล้วที่ฉินหรูเหลียงไม่ได้มีปฏิกิริยาอย่างนี้กับผู้หญิง
แต่ตอนที่เห็นนางน้ำตาโรยริน เขาไม่ได้ทำต่ออีก ราวกับว่ากลัวนางเคียดแค้นเขา
จาวหยางกล่าวอย่างร้อนรนอีกว่า “ต่อให้เป็นสามีภรรยาที่แท้จริงแล้วอย่างไรล่ะ ข้ากับท่านนอนร่วมเตียงเดียวกันแต่ทว่าฝันต่างกัน นับเป็นสามีภรรยาแบบไหนกัน?”