แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 198 วิธีใช้เตาระเบิด

“นังหนู เด็กนี่อยากเจอเจ้า บอกว่ามีเรื่องสำคัญแต่ยืนยันว่าจะบอกแต่เจ้าเท่านั้น” หลงจิ่งอู๋พาชายหนุ่มที่ถูกควบคุมพลังมารไว้เข้ามา
“มาพบข้าหรือ ตอนนี้ได้เจอข้าแล้ว มีเรื่องสำคัญอะไรก็พูดมา” หลิวหลีมองชายหนุ่มผู้นั้น ถึงแม้จะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรมาร แต่กลับมีกลิ่นอายที่แสนบริสุทธิ์ ผู้บำเพ็ญมารก็มีคนดีเหมือนกัน
“ท่านก็คือผู้อาวุโสหลิวหลี ข้าคือลูกเลี้ยงของผู้อาวุโสมาร โหมวซิงเจ๋อ” โหมวซิงเจ๋อกล่าว
“ซิงเจ๋อหรือ? เกรงว่าเจ้าคงไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยงของผู้อาวุโสมารเท่านั้นใช่หรือไม่ พูดมาเถอะ องค์ชายสามแห่งเผ่ามารที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน เจ้ามีเรื่องสำคัญอะไร ถึงบอกข้าได้คนเดียว” หลิวหลีมององค์ชายที่อายุไม่มากอย่างสนอกสนใจ โถ่ นึกไม่ถึงว่าท่านพญามารที่เขาว่ากันว่าใกล้จะไม่ไหวแล้ว จะมีลูกชายที่โตขนาดนี้ ดังนั้นสองคนแรกเป็นแค่ตัวเลือก คนผู้นี้คือคนที่ได้รับความเอ็นดูที่แท้จริง
“ผู้อาวุโสหลิวหลีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก ข้าจะไม่ปิดบังท่าน ข้าคือเยี่ยซิงเจ๋อจริงๆ เป็นบุตรชายคนที่สามของท่านพญามาร ตอนนั้นเสด็จพ่อรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน พี่ใหญ่กับพี่รองทะเยอทะยาน ท่านพ่อไม่อาจคุ้มครองข้าได้ เมื่อข้าคลอดออกมาก็ยกให้ผู้อาวุโสมารเป็นคนเลี้ยงดู ไม่มีใครในโลกมารรู้สถานะที่แท้จริงของข้า” เยี่ยซิงเจ๋อฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้น
“บอกมา มาหาข้าทำไม” หลิวหลีพยักหน้า ทุกบ้านมีปัญหาของตัวเอง จะถามละเอียดไปทำไม
“ขอให้ผู้อาวุโสหลิวหลีได้โปรดช่วยโลกมารด้วย ซิงเจ๋อไม่อยากให้โลกมารต้องล่มสลาย พี่รองฝึกฝนเคล็ดวิชาต้องห้ามของเผ่ามาร ดูดพลังของเสด็จพ่อกับพี่ใหญ่มาเป็นของตัวเอง ทำให้มีพลังบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้น และยังพิชิตเพลิงอัคคี เพลิงหยินหยาง ดูเหมือนว่าเขาจะเก็บดวงจิตอสูรกับเลือดอสูรจำนวนมาก เพื่อมาเลี้ยงอสูรร้าย เมื่อเลี้ยงได้สำเร็จ เขาก็จะเปิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ” เยี่ยซิงเจ๋อพูดด้วยความร้อนใจ
“ทำไมเจ้าถึงได้รู้ดีเช่นนี้” หลิวหลีถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ
“เพราะข้าโตขึ้นมาในวังมารตั้งแต่เด็ก เสด็จพ่อพาข้าเดินผ่านทุกเส้นทางลับภายในวัง พูดได้อย่างไม่เกรงใจเลยว่า ทั้งโลกมารแล้วไม่มีใครรู้เรื่องทางลับในพระราชวังมารเท่าข้า” เยี่ยซิงเจ๋อพูดอย่างมั่นใจ
“อสูรร้ายที่เจ้าพูดถึงคืออะไร?” หลิวหลีรู้สึกว่าหากขึ้นชื่อว่าเป็นอสูรร้าย น่าจะเป็นลูกหลานของอสูรร้ายในตำนานทั้งสี่ ฉงฉี เทาเที่ย อะไรพวกนั้น
“ไม่แน่ใจนัก น่าจะเป็นลูกหลานของมังกรกับหงส์ ข้าพอจะฟังเสียงร้องของมังกรและหงส์ออกอยู่บ้าง แต่ข้ากลัวจะถูกจับได้จึงไม่กล้าเดินไปใกล้” เยี่ยซิงเจ๋อพูดพลางส่ายหัว
“ลูกหลานของมังกรกับหงส์ ตามตำนานมังกรมีบุตร 9 หงส์มีบุตร 9 มังกรหยาจื้อกับหงส์ต้าเฟิ่งถือว่าเป็นอสูรร้าย หากว่าพวกเขาสองตัวโตเต็มที่ จะต้องนำความหายนะมาสู่โลกนี้อย่างแน่นอน” หลิวหลีนึกไปถึงแต่ก่อนที่เคยดูบุตรทั้ง 9 ของมังกรกับบุตรทั้ง 9 ของหงส์ด้วยความสนใจ หากเป็นอสูรร้ายสองตัวนี้จริง ๆ จะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่
“หากเป็นอสูรสองตัวนี้ล่ะก็เป็นไปได้มากทีเดียว” หลงจิ่งหลินก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้างเช่นกัน
“ท่านลุง ถ่ายทอดคำสั่งไปที่โลกอสูรเทพ ให้บ้านสกุลหลงกับบ้านสกุลหนานกงหามังกรกับหงส์ที่เป็นตัวแทนแห่งความเป็นสิริมงคลมา พวกเราจะต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าไปกลัวในเรื่องที่ต้องเกิด แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันนั้นน่ากลัวนัก” หลิวหลีพูดกับหลงจิ่งอู๋
“ลุงก็คิดเช่นนี้ เพียงแต่เพลิงหยินหยางที่อยู่อันดับที่สองในการจัดอันดับเพลิงอัคคีนั้น…” สีหน้าหลงจิ่งอู๋ไม่สู้ดีนัก
“เป็นปัญหายิ่งกว่าสินะ เพลิงอัคคีทั้งหมดของข้ารวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงหยินหยาง ดูท่าแล้วข้าจะต้องรีบหาเพลิงนพเก้ามอดนภาเสียแล้ว” หลิวหลีอยากร้องตะโกนออกมาอย่างอดไม่ได้ เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร ทั้งๆที่นางมีเพลิงดวงใจพสุธาที่เป็นเพลิงอัคคีอันดับสามแล้วแท้ๆ แต่กลับมีเพลิงหยินหยางโผล่มา ทำไมถึงมีปัญหาเร่งด่วนมากมายเช่นนี้ ชีวิตคนเรายืนยาวขนาดนี้ จะสงบสุขบ้างไม่ได้เลยหรือ
“ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาเพลิงอัคคีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีเบาะแสเลย” หลงจิ่งอู๋พูดพลางส่ายหัว เพลิงอัคคีอันดับหนึ่งลึกลับซับซ้อน สามารถออกไปไหนก็ได้ ไม่แตกต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป ตามหาได้ค่อนข้างยาก
“ปล่อยไปตามโชคชะตาแล้วกัน” หลิวหลีต้องการจะปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา เมื่อมีวาสนาต่อกันจะต้องได้เจอกันแน่นอน เพียงแต่เพลิงหยินหยางทำให้นางใจเต้นน้อยๆ เป็นเพลิงอัคคีเหมือนกันแต่เท่ากับว่าเป็นเพลิงอัคคีคนละประเภทเรียกถึงขั้นว่าคนละขั้วทีเดียว
“นำองค์ชายเยี่ยซิงเจ๋อองค์นี้ส่งกลับไปที่โลกอสูรเทพ ให้ปรมาจารย์ทั้งหลายคุ้มครองเข้าให้ดี” หลงจิ่งอู๋กล่าว
“ก็ดีเหมือนกัน องค์ชายองค์นี้จะเป็นตัวแปรสำคัญ” หลิวหลีรู้สึกว่าองค์ชายผู้นี้จะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต
“ผู้อาวุโสหลิวหลี ได้โปรดปล่อยแม่ทัพคนสำคัญของโลกมารด้วย ถึงโลกมารจะกระหายสงคราม แต่เราก็มีข้อปฏิบัติของเรา ตอนนี้แม่ทัพมารทั้งหมดถูกเยี่ยซิงหวงควบคุม หนำซ้ำเขายังค่อนข้างจะพิเศษด้วย” เยี่ยซิงเจ๋อพยายามขอร้องหลิวหลี
“เขาค่อนข้างพิเศษ? ทำไมล่ะ จะบอกว่าเพราะเขาซุกซ่อนพลังบำเพ็ญเพียร และใช้มันสังหารพ่อกับพี่ชายของเจ้าหรือ หรือว่าเพราะเขาพิชิตเพลิงหยินหยางได้ ธรรมะกับอธรรมรวมอยู่ในร่างเดียว” หลิวหลีวิเคราะห์
“เป็นดังคำพูดท่านผู้อาวุโสหลิวหลีกล่าว พี่รองของข้าเป็นบุตรของเสด็จพ่อกับผู้บำเพ็ญธรรม เขาสามารถบำเพ็ญธรรมได้ บำเพ็ญมารก็ได้ การจะพิชิตเพลิงหยินหยางได้จะต้องบำเพ็ญทั้งสองทาง ตอนนี้เขาได้บำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชาต้องห้ามของเผ่ามาร บำเพ็ญสายมารเป็นหลักจะเสียสมดุล อาจจะทำให้ถึงขั้นเสียสติ สุดท้ายจะไม่ได้ตายดี” เยี่ยซิงเจ๋อพูดขึ้นด้วยอารมณ์ทั้งเศร้าทั้งโมโห
“เอาเถอะ ข้ารู้แล้ว” หลิวหลีบอกว่ารู้แล้ว ไม่ได้ตายดี เฮ้อ ก่อนจะไม่ตายดีเขายังจะทำลายสรรพชีวิต กรรมจากการทำลายล้าง จะสามารถตายดีได้หรือ โลกนี้มีกฏแห่งกรรม อยู่ที่เวลาเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่จะทำได้ก็คือเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทำให้คนตายน้อยที่สุด
“นังหนู ลุงขอตัวไปก่อนแล้วกัน การสนทนาในครั้งนี้จำเป็นต้องแจ้งให้ดินแดนอื่นรู้ด้วย ข้าจะให้ท่านพ่อดำเนินการลับๆ เรื่องนี้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี” หลงจิ่งอู๋กล่าว
“ท่านลุงเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ” หลิวหลีส่งหลงจิ่งอู๋กลับ ก็มองดูขวดต่างๆ เฮ้อ นางจะต้องเร่งมือหน่อย ทำไมอัตราส่วนถึงยังไม่ถูกต้อง หรือว่าไปลองอย่างอื่นดูดีนะ
คราวนี้หลิวหลีกลับมายังจุดรวมตัวของนักปรุงยา ทุกคนทำตัวแปลกไปจามเดิม นักปรุงยาทุกคนปรุงยาอย่างเร่งรีบ บรรยากาศดูสามัคคีกันไม่น้อย
“บรรยากาศไม่เลวเลย” หลิวหลีกล่าว
“ศิษย์น้อง เจ้ามาแล้วหรือ” เทียนเย่าได้ยินเสียงพูด จึงหันกลับมาเห็นหลิวหลีทำใบหน้าพอใจ
“ศิษย์พี่เทียนเย่า บรรยากาศไม่เลวเลย แต่เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ไม่มีเสียงเตาระเบิดแล้ว” หลิวหลีกล่าว ไม่มีเสียงเตาระเบิด แล้วนางจะทดลองได้อย่างไร
“เสียงเตาระเบิด” เทียนเย่ารู้สึกสับสน เสียงเตาระเบิดเป็นเรื่องดีหรือ
“ตูม” ราวจะตอบเสียงหลิวหลี อยู่ๆก็มีเตาระเบิดขึ้น แต่ยังไม่ระเบิดทั้งหมด หลิวหลีรีบเดินเข้าไปและใช้เพลิงอัคคีห่อเตาที่กำลังจะระเบิด ย่อขนาดให้เล็กลง จนกลายเป็นลูกกลมขนาดเล็ก แล้วหลิวหลีก็เก็บมันเข้าไป
“ศิษย์น้อง เจ้าเอาเตาระเบิดนี้ไปใช้ทำอะไรหรือ” เทียนเย่าไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของหลิวหลีเท่าไหร่นัก
“ของดีจริง ไปกันเถอะ ศิษย์พี่ ไปดูกับข้าว่าได้ผลอย่างไรบ้าง” หลิวหลีพาเทียนเย่าที่งุนงงไปที่แนวหน้า
“ถอยกลับมาให้หมด” หลิวหลีพูดตะโกนออกมา เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ถอยกลับมา เหลือเพียงผู้บำเพ็ญมารที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรไว้ แล้วก็เห็นหลิวหลีใช้ลูกกลมลูกหนึ่ง และต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิด ตูม ผู้บำเพ็ญมารทั้งหมดถูกระเบิดจนเหลือแต่ซาก กระทั่งคนที่อยู่ห่างไกลออกมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
“อืม เวลาใช้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อย เหมาะกับสังหารคนจำนวนมาก หากมีคนที่เชี่ยวชาญด้านริ้วลายศักดิ์สิทธิ์กับยันต์คงจะดี” หลิวหลีไม่ค่อยพอใจกับผลที่ได้มาก
“ศิษย์น้อง เจ้าใช้มันมาทำสิ่งนี้หรือ” เทียนเย่ารู้สึกตกใจกับประสิทธิภาพกับเตาระเบิด ใช้ประโยชน์แบบนี้ได้ด้วยหรือ ศิษย์น้อง กระทั่งสิ่งนี้เจ้ายังนำมาใช้ได้ ตอนนี้เขาเริ่มถอดใจแล้ว การที่ศิษย์น้องก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้ไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ เตาระเบิดที่พวกเขาคิดว่าเป็นความผิดพลาด นางยังสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ด้วย
“ใช่ แต่ว่ายังขาดอะไรไป ยังไม่สมบูรณ์นัก” หลิวหลีบอกว่านี่เป็นของที่ยังไม่สมบูรณ์ ประเด็นคือนางคงไม่สามารถทำให้เตาระเบิดทุกครั้งได้ทุกวันได้หรอกจริงไหม ไม่เช่นนั้นก็สิ้นเปลืองพืชศักดิ์สิทธิ์แย่ นางกลับไปทำการทดลองสารเคมีของนางต่อจะดีกว่า
“สมบูรณ์แบบ ศิษย์น้อง ของชิ้นนี้นักปรุงยาก็สามารถใช้ได้” เทียนเย่าเห็นว่าของสิ้งนี้นักปรุงยาก็สามารถใช้ได้ เป็นของป้องกันตัวชั้นดี
“ใช่ แต่ของชิ้นนี้เหมาะสำหรับการสังหารหมู่ ไม่แน่ว่าอาจโดนคนของตัวเองก็ได้ เพราะฉะนั้นช่างมันเถอะ ฆ่าคนแล้วก่อให้เกิดความเสียหายกับฝ่ายเราคงไม่เหมาะเท่าไหร่” หลิวหลีส่ายหัว เหมาะสำหรับนักปรุงยาที่ทำอะไรไม่เป็นก็จริง แต่ของสิ่งนี้ไม่แยกแยะ มีผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ใช้น่าจะดีกว่า
“ก็จริง” เทียนเย่ารู้สึกว่าหลิวหลีพูดมีเหตุผล ผู้บำเพ็ญเพียรข้างๆที่กำลังดีใจก็ได้สติขึ้นมา ของสิ่งนี้หากไม่จำเป็นจริงๆห้ามใช้โดยเด็ดขาด
“อีกอย่าง เตาปรุงยา เอาไว้ปรุงยาช่วยคนจะดีกว่า” อะไรที่เป็นไปตามธรรมชาติก็จะยั่งยืน หากฝืนธรรมชาติก็ต้องรับผลที่จะตามมา
“ศิษย์น้องพูดถูก เมื่อครู่ศิษย์พี่ไม่ทันได้คิด” เทียนเย่าเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งทำให้ละอายใจน้อย ๆ
“ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาคนอื่นเลย” หลิวหลีดึงเทียนเย่าก้าวเท้าเล็กน้อยก็หายวับไม่เหลือแม้แต่เงาแล้ว
“ผู้อาวุโสหลิวหลีมีพลังบำเพ็ญเพียรลึกล้ำนัก” มีผู้บำเพ็ญพูดขึ้นด้วยความตกใจ
“ข้าจะต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิม”
ณ โลกมาร ตำหนักพญามาร
“เจ้าจะบอกว่า อาวุธที่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมฝ่ายตรงข้ามคิดค้นขึ้นมาใหม่นั้นร้ายกาจเหลือเกิน แค่โยนออกไปกำลังพลของโลกมารก็จะบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมากหรือ” เยี่ยซิงหวงนึกว่าตัวเองฟังผิด
“ขอรับ ฝ่าบาท เป็นอาวุธที่ไม่ธรรมจริงๆ พี่น้องที่ไม่ตาย เนื้อตัวจะไหม้เกรียม  น่ากลัวเป็นที่สุด”
“น่าสนใจจริงๆ ไปได้แล้ว ทนต่อไปอีกสักพักแล้วกัน แล้วข้าจะแก้แค้นให้กับผู้เสียสละด้วยตัวของข้าเอง” เยี่ยซิงหวงไล่นายทหารของตนออกไป
“หลงหลิวหลี เจ้าเป็นคนน่าสนใจจริงๆ รอก่อนเถอะ ข้าจะไปเล่นสนุกเป็นเพื่อนเจ้า หวังว่าเจ้าจะรับมือข้าไหว” เยี่ยซิงหวงมองตำแหน่งที่หลิวหลีอยู่ แล้วพึมพำ
หลิวหลีหันหน้ากลับมา ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนมองตนอยู่ แต่ก็ไม่มี หรือว่านางจะคิดไปเอง
…………………………

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset