ตอนที่ 538 ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?
มือถือดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมารับสายและจ่อไว้ข้างหู ปลายสายเองก็รายงานออกมา “เขาสั่งให้คนออกตามหาเยอะพอดู แต่ว่ายังไม่เจอร่องรอยอะไร”
“ดีมาก พวกคุณก็ซ่อนตัวดีๆ อย่างให้พวกมันจับได้เด็ดขาด” พอเขาได้ยินแบบนั้นแล้ว มุมปากมันก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย เหมือนว่าเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา แต่ทว่าพอสายตาของเขาเหลือบไปมองที่ประตูห้องนั่น สีหน้าของเขาก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม
ปลายสายเองก็เหมือนจะพอรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี จึงแค่รายงานให้เสร็จแล้วขอตัวไป
เขากดปิดมือถือ แล้วกลับไปอยู่ในท่าเหม่อลอยอย่างเดิม
ผ่านไปได้อีกไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออก หมอที่สวมชุดคลุมสีขาวหลายคนก็เดินออกมาจากห้อง และพวกเขาก็สังเกตเห็นหัวหน้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูพอดี เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการปะทะสายตากัน
หนึ่งในกลุ่มเดินออกมา และพูดต่อเขาอย่างสุภาพ “หัวหน้า”
เขาไม่ได้สนใจ ลุกขึ้นยืนแล้วถามออกไปทันที “เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หมอมีท่าทีลังเลไปครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังพิจารณาอารมณ์ของเขา จากนั้นจึงค่อยตอบกลับ “สถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ดีอยู่ครับ สภาพร่างกายของเธอยังโอเค อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีการดูแลรักษาร่างกายเป็นอย่างดี หลังจากที่พวกเราให้ยาไปแล้วอาการตกเลือดของเธอก็ดีขึ้น แต่ว่ายังต้องคอยดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าหากว่าเลือดหยุดไหลก่อนวันพรุ่งนี้ เด็กในท้องก็ยังปลอดภัยครับ”
แน่นอนว่ามีบางอย่างที่เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมา ถ้าหากว่าเลือดยังไหลไม่หยุดละก็ ก็คงมีทางเดียวก็คือเธอจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาเด็กออก
เขาเองก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดประโยคนั้นออกมา แน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนความคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าพอพูดจบ มองไปอีกที ก็พบว่าเจ้านายตัวเองพุ่งตัวเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว และไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสพูดอะไรอีก
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทุกคนได้แต่หันหน้ามองกันเอง จากนั้นก็ออกมาจากบริเวณนั้นทันที
ที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องกะทันหัน แต่สำหรับพวกเขาที่เป็นแพทย์ระดับสูงนั้นก็ไม่ได้อะไรมากกับเรื่องนี้ มันไม่ใช่การผ่าตัดหรือสถานการณ์ร้ายแรงอะไร มันก็แค่อาการทั่วๆไปของคนท้องเท่านั้นเอง แต่ก็ยังเรียกพวกเขามาด้วยเรื่องแค่นี้ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ใครให้เขาเป็นเขากันล่ะ?
แต่ละครที่พอได้มองตาก็รู้แล้วว่าในใจกำลังคิดอะไร ต่างก็พอกันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
ความรักนี่มันช่างน่ากลุ้มใจ มักทำให้ผู้คนเจ็บปวดเสมอ
ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปในห้อง เพิ่งจะหมุนตัวกลับไปปิดประตู หันมาอีกทีก็พบกับดวงตากลมโตกำลังที่กำลังมองมาทางนี้แล้ว
เขาชะงักนิ่ง นึกไม่ถึงว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้
เฉียวซือมู่เองก็นึกไม่ถึง ว่าตัวเองตื่นมาแล้วจะเจอกับเขา
“ฉีหย่วนเหิง? ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่?”
เธอตกตะลึง ใช้มือยันร่างของตนเองขึ้นมา เพื่อที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่ทว่าพอตัวเองแค่ออกแรงก็พบว่าร่างการมันไม่มีเรียวแรงเหลืออยู่เลย ร่างทั้งร่างล้มลงไป
ความปวดเล็กๆที่อยู่บนแขนดึงดูดให้เธอต้องหันไปมอง เธอถึงได้พบว่าบนแขนของตัวเองมันมีสายน้ำเกลืออยู่ เข็มเล็กๆนั่นกำลังลำเลียงยาเข้าสู่ร่างกายของเธอ
ความฉงนมากมายก่อตัวขึ้นในใจของเธอ
เธออ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนลำคอมันร้อนจนทรมานไปหมด แต่มันก็ยังห้ามให้เธอเปล่งเสียออกมาไม่ได้ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เธอควรที่จะอยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ? จิ้นหยวนล่ะ?
พอคิดถึงชื่อนี้ขึ้นมาหัวใจของเธอมันก็เจ็บปวดไปหมด และเพราะความเจ็บนั้นทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ เธอถูกคนที่นั่นไล่ออกมาแล้วนี่ เธอเดินออกมาตามทางลงภูเขาอย่างทรมาน แถมยังล้มลงอยู่ข้างทางอีก
ในใจของเธอมันเริ่มที่จะทำเรื่องต่างๆขึ้นมาได้ นึกถึงคำพูดที่แสนโหดร้ายของฉันเพ่ยหรงขึ้นมา มันเจ็บปวดทรมานหัวใจสุดๆ ขอบตามันเริ่มแสบร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนอยากจะร้องไห้อีกแล้ว
ตอนที่ 539 จะให้โทรไปบอกเขาไหม
ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในห้วงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดในก่อนหน้านี้ เธอก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นบนแขนของตัวเอง ตามมาด้วยแรงยกประคองที่แสนอ่อนโยน ทำให้เธอสามารถลุกขึ้นนั่งได้อย่างง่ายดาย จากนั้นอีกคนก็ช่วยนำหมอนนุ่มมาหนุนหลังให้
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ หันหนไปมองใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของฉีหย่วนเหิง “ขอบคุณค่ะ”
เขายิ้มให้ รอยยิ้มที่อยู่บนมุมปากของเขามันดูอบอุ่นมากๆ “ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ”
“ถึงจะแค่เล็กๆน้อยๆก็ต้องขอบคุณค่ะ ยังไงซะก่อนหน้านี้คุณเองก็ช่วยฉัน” เธอพยายามนั่งหลังตรงเพื่อพูดกับเขา “จริงๆนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจอคุณฉันก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไง”
ตอนนั้นเป็นเพราะเธอเป็นพวกแพ้ไม่เป็นจึงเดินลงมาจากเขาเองคนเดียว ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก ตอนนี้พอมาคิดๆดูแล้วก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน
เธอไม่ได้เอาอะไรมาเลยสักอย่าง แม้แต่มือถือหรือกระเป๋าเงินก็ไม่มี แล้วก็ยังตัดสินใจเดินออกจากบ้านมาทั้งแบบนี้ โชคดีที่ระหว่างทางได้เจอเข้ากับคนที่รู้จักกันดีอย่างฉีหย่วนเหิง ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เลยว่าชะตาชีวิตตัวเองมันจะน่ากลัวแค่ไหน
พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็หันไปพูดกับฉีหย่วนเหิงด้วยความจริงใจ “ช่างเป็นโชคดีของฉันจริงๆที่ได้รู้จักคุณ หย่วนเหิง”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ริมฝีปากขยับเล็กน้อยเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พอเธอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย ตัวเธอแค่กำลังแสดงความซาบซึ้งออกไปเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น
ทั้งสองคนตกอยู่ในบรรยากาศที่เงียบจนน่าอึดอัด สุดท้ายฉีหย่วนเหิงก็เป็นคนทำลายความเงียบนั้นลง “ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เธอขยับตัว และรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างบนร่างกายที่ผิดปกติ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที ยกมือขึ้นแตะหน้าท้องของตัวเอง
“เขา เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ
ทำไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้? ตัวเองเลือดไหลก็ยังไม่รู้ตัวอีกงั้นเหรอ? พระเจ้า
เธอจ้องมองริมฝีปากของเขาอย่างหวาดหวั่น เกิดความรู้สึกกลัวว่าจะได้ยินข่าวที่ตัวเธอไม่มีทางรับได้
โชคดีที่ฉีหย่วนเหิงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับความจริง จริงสามารถตอบเธอได้ตามตรง “ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เด็กก็ปลอดภัยดี”
เลือกที่จะปกปิดคำพูดอื่นๆที่หมอได้พูดกับเขาเอาไว้อีกส่วนใหญ่ “แต่ว่าคุณต้องพักผ่อนเยอะๆนะครับ อย่าคิดมาก ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองดีๆ เด็กก็จะแข็งแรงด้วย”
สิ่งที่เขาพูก็คือตอนนี้ตัวเธอสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าจิตใจของเธอจะยังคงรู้สึกแย่ หรือพูดได้ว่าถึงขั้นเลวร้าย แต่ทว่าความเป็นแม่ก็สามารถบอกตัวเธอได้ ว่าตอนนี้สภาพการเติบโตของเด็กนั้นไม่ค่อยดี เธอจะต้องรีบพยายามสร้างสภาพการเจริญเติบโตที่ดีให้กับเขา
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ และพยายามที่จะสงบจิตใจของตัวเองลง พยายามที่จะเอาเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจนั่นลืมไปก่อน
พอฉีหย่วนเหิงเห็นว่าสีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนแล้ว ก็แอบโล่งออกอยู่เงียบๆในใจ เพราะคำพูดนั้น ร่างกายที่มันกำลังสั่นไปทั้งร่างก็เหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว สีหน้าท่าทางก็ดีกว่าเมื่อครู่ขึ้นมาก
เฉียวซือมู่เรียกสติกลับมา และเอ่ยถามเขา “ต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะ โชคดีจริงๆทีได้เจอคุณ ไม่อย่างนั้น…”
พอคิดว่าถ้าความเอาแต่ใจของตัวเองอาจทำให้เกิดลัพธ์ที่ตัวเองก็คงไม่มีทางรับได้ขึ้นมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่
ฉีหย่วนเหิงส่ายหน้าเบาๆ “ก็แค่บังเอิญน่ะครับ ผมผ่านไปทางนั้นพอดี เห็นว่าคุณเดินเซแล้วล้มลงไปข้างทางก็เลยพาคุณกลับมา จริงสิ เด็กคนนี้เป็นลูกของจิ้นหยวนสินะครับ? จะให้ผมติดต่อเขาให้ไหม?”
ความคิดของเขาหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่ได้อย่างชาญฉลาด กลับกันเขากลับถามคำถามที่ยากสำหรับเธอออกมา ผลก็คือจิตใจของเธอมันกลับมาสนใจกับคำถามของเขาแทน พร้อมกับสีหน้าที่ดูลำบากใจ