ตอนที่ 662 ขู่มู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่นึกไม่ถึงว่าหรงเอ๋อร์จะรับความผิดทั้งหมดไว้เอง เดิมทีนางก็อยากรับความผิดทั้งหมด แต่จู่ๆ ก็ชะงัก ไม่ได้พูดต่อ นางไม่อยากตาย
“คุณหนู ไม่จำเป็นต้องปกป้องบ่าว ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของบ่าว บ่าวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจนทำให้คุณหนูพลอยเดือดร้อน วันหลังคุณหนูดูแลตัวเองให้ดี บ่าวไม่อาจอยู่รับใช้คุณหนูแล้ว”
หรงเอ๋อร์พูดจบก็เตรียมลุกขึ้นพุ่งชนกำแพงฆ่าตัวตาย อาหลานห้ามไว้ บังคับให้นางคุกเข่าที่พื้นต่อ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะตายที่นี่ ทำให้ห้องพระชายารัชทายาทเปรอะเปื้อน”
ซูจิ่วซือดูออกว่ามู่ซืออวี่กลัวตาย ได้แต่ยิ้มน้อยๆ “บ่าวคนนี้จงรักภักดีต่อเจ้านาย แต่เสียดายไม่ได้อยู่กับนายที่ดี พอถึงเวลาสำคัญนายกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา”
“พระชายารัชทายาท หรงเอ๋อร์ทำผิดครั้งแรก โปรดปล่อยตัวหรงเอ๋อร์เถิดเพคะ!” มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้น ตาแดง น้ำเสียงน่าสงสาร คำพูดนี้เท่ากับยกความผิดทั้งหมดให้หรงเอ๋อร์
ท่าทางอย่างนี้อาจจะใช้ได้กับผู้ชาย แต่ไม่ได้ผลสำหรับซูจิ่วซือ นางสีหน้าไม่เปลี่ยน ยกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง “ประหารไม่ต้องคำนึงถึงว่าเป็นความผิดครั้งแรก อาหลาน สาวใช้คนนี้จงรักภักดีต่อเจ้านาย ให้ศพอยู่ในสภาพครบถ้วน ส่วนซืออวี่…”
ซูจิ่วซือหยุดพูด วางถ้วยชาในมือลง ราวกับไม่ได้คิดให้ดีว่าจะจัดการกับมู่ซืออวี่อย่างไร มู่ซืออวี่คุกเข่าที่พื้นด้วยความตึงเครียด
ด้วยความกลัว ทั่วแผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดออกมา จนชุดที่ใส่ข้างในเปียกโชก ในใจเต็มไปด้วยความหวาดผวา ซูจิ่วซือซึ่งสีหน้าผ่อนคลายดื่มชาอยู่เบื้องหน้า สำหรับนางแล้วช่างน่ากลัวจริงๆ
“แม้อารองไม่รู้จักอบรมลูกสาว แต่ข้ายังเห็นแก่หน้าอารอง อาหลาน ที่ตู้เครื่องประดับชั้นล่างมีกล่องไม้ เจ้าหยิบออกมา ในนั้นมีขวดเคลือบสีขาว เจ้าเอาขวดยานี้ให้ซืออวี่ จัดการให้นางกิน”
“เพคะ พระชายารัชทายาท”
อาหลานรับคำ แล้วหยิบขวดเคลือบสีขาวออกมาทันที นางเดินมาหามู่ซืออวี่ ถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุณหนูมู่จะกินเองหรือให้บ่าวช่วย”
มู่ซืออวี่มือสั่น ถามเสียงสั่น “ยาอะไรหรือ”
“พอกินแล้วคุณหนูมู่จะรู้เอง” พอเห็นว่ามู่ซืออวี่ไม่คิดจะกิน อาหลานก็บีบคางมู่ซืออวี่อย่างไม่เกรงใจ บังคับให้นางกลืนยาลูกกลอนสีดำลงไป
มู่ซืออวี่ไออย่างรุนแรง หวังจะไอเอายาออกมา แต่ยาลูกกลอนถูกกลืนลงท้องไปแล้ว
“นี่เป็นความเมตตาของพระชายารัชทายาทที่มีต่อคุณหนูมู่ พอกินยาไปแล้ว สุขภาพของคุณหนูมู่จะไม่ค่อยดี ต้องรักษาตัว คุณหนูมู่เป็นคนฉลาด ถ้าอยากออกไปอย่างปลอดภัยวันหลัง ก็ควรรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ”
มู่ซืออวี่สีหน้าขาวเผือดเหมือนขี้เถ้า ทรุดลงไปนั่งที่พื้นอย่างอ่อนแรง นางกลัวมาก เข้าใจแล้วว่าตนช่างไม่รู้จักประมาณตนจริงๆ
“พวกเจ้า…” หรงเอ๋อร์อยากด่าแต่ไม่กล้าด่า นางกลัวว่าต่อไปมู่ซืออวี่จะตายด้วย
อาหลานให้คนลากหรงเอ๋อร์ออกไป เพื่อไม่ให้คุณหนูของนางพลอยเดือดร้อน หรงเอ๋อร์บอกแต่ว่าคุณหนูดูแลตัวเองให้ดี ไม่ได้ด่าว่าขอร้อง
มู่ซืออวี่ตะลึง รู้สึกว่าวังตะวันออกน่ากลัวเหลือเกิน ถ้าแต่งกับฟู่เฉินหรงจริงๆ ไม่รู้ว่าซูจิ่วซือจะทรมานนางอย่างไร ซูจิ่วซือเป็นคนโหดเหี้ยมอย่างนี้เอง
เมื่อมีโอกาสรอดชีวิต นางไม่คิดอะไรแล้ว ได้แต่หวังว่าฟู่เฉินหรงจะส่งนางกลับจิ่นโจว วันหลังนางไม่มีวันอยู่ที่วังตะวันออกอีก
“ปิงซิน ให้คนพาซืออวี่กลับไปเถอะ!”
“เพคะ พระชายารัชทายาท”
ปิงซินพยักหน้า แล้วพามู่ซืออวี่ออกไปจากห้องทันที
“ทำไมพระชายารัชทายาทไม่ฆ่ามู่ซืออวี่เสียเลย ฆ่านางทำได้ง่ายๆ”
ตอนที่ 663 เหมือนคนราชตระกูล
“นางอยู่ในตระกูลมู่ ถ้านางตาย นายรองตระกูลมู่คงจะมาหาเรื่องพี่ใหญ่ ฝ่าพระบาทก็จะมาหาเรื่องข้า พอถึงตอนนั้นคงจะหาคนอื่นเข้าวังแทน และส่งคนมาเฝ้าดูตำหนักฟังเสียงฝน นางได้รับบทเรียนครั้งนี้แล้ว คงจะรู้จักทำตัวให้ดี”
ซูจิ่วซือเองก็ไม่ได้ใส่ใจมู่ซืออวี่ มู่ซืออวี่พอถูกขู่ก็ตกใจและกลัวตายมาก เด็กสาวอย่างนี้ แม้จะฉลาด แต่ไม่มีอะไรน่าวิตก
“ครั้งนี้พระชายารัชทายาทขู่คุณหนูมู่ได้สำเร็จ บ่าวเห็นคุณหนูมู่ตัวสั่นไปหมด”
อาหลานเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของซูจิ่วซือ มู่ซืออวี่เป็นคนที่ทำการใหญ่ไม่ได้ ถ้านางทำอะไรอีก ก็เท่ากับรนหาที่ตาย ในเมื่อนางกลัวตาย ก็คงจะรู้ว่าอะไรที่เป็นภัยต่อชีวิต
จากนั้นอีกไม่กี่วันมู่ซืออวี่ก็ป่วย อยู่รักษาตัวในตำหนักฟังเสียงฝนไม่ไปไหน ซูจิ่วซือเอาใจใส่มู่ซืออวี่มาก มาพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุข ให้ปิงซินเอายาบำรุงมาให้
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้เป็นการทำให้หมัวมัวเถียนดู
หลังจากเหตุการณ์สงบได้ไม่กี่วัน
วันนี้ ขณะที่ซูจิ่วซือกำลังตรวจบัญชีวังตะวันออกอยู่ที่ห้องหนังสือ ปิงซินก็เข้ามารายงานด้วยสีหน้าดีใจ “พระชายารัชทายาท คุณชายกู้กับฮูหยินมา เวลานี้รอพระชายารัชทายาทอยู่ที่ห้องโถงเพคะ”
พอได้ยินซูจิ่วซือก็รีบวางบัญชีลงแล้วลุกขึ้น สีหน้ามีรอยยิ้มเห็นได้ชัด นึกไม่ถึงว่าทั้งสองจะมาถึงตูเฉิงเร็วอย่างนี้
นางไม่ชักช้า รีบไปที่ห้องโถง กู้หลียวนกับเผยปิงปิงกำลังนั่งอยู่ที่นั่น พอเห็นซูจิ่วซือเข้ามา ทั้งสองก็ลุกขึ้น
เผยปิงปิงในชุดสีแดงท้อ อวบขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย สีหน้าดีมาก ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส
“จิ่วซือ ไม่ได้เจอกันนานมาก”
เผยปิงปิงรีบวิ่งเข้ามาหาซูจิ่วซือ มองซูจิ่วซือตั้งแต่หัวจดเท้า ยิ้มกว้างขึ้นอีก “พอเป็นพระชายารัชทายาทก็เปลี่ยนไป เหมือนคนราชตระกูลมากขึ้น”
“เดิมทีนางก็เป็นคนในราชตระกูลอยู่แล้ว” กู้หลียวนเดินเข้ามา ชี้หน้าผากเผยปิงปิง
“กู้หลียวน บอกเจ้าไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อย่าแตะหัวข้า”
“ช่วยไม่ได้ ใครให้ข้าชอบ…หัวเจ้า” กู้หลียวนมองหน้าเผยปิงปิง ยิ้มอย่างเอ็นดู
“ขืนเจ้าแตะต้องหัวข้า คืนนี้ข้าจะเอาแมงมุมมาใส่ในผ้าห่มเจ้า”
กู้หลียวนหัวเราะร่า “ฮูหยิน ข้าลืมบอกเจ้า เวลานี้ข้าไม่กลัวแมงมุมแล้ว”
“หึ…”
เผยปิงปิงร้องหึ แล้วไม่ใส่ใจกู้หลียวนอีก
พอเห็นทั้งสองทะเลาะหยอกเย้ากัน ซูจิ่วซือก็อดหัวเราะไม่ได้ อย่างนี้นางก็วางใจแล้ว กู้หลียวนได้พบความสุขอย่างแท้จริง
กู้หลียวนพอถึงตอนนี้จึงนึกขึ้นได้ว่าซูจิ่วซืออยู่ด้วย เขาเห็นซูจิ่วซือมองหน้าตนยิ้มๆ ก็กระแอมขึ้น “จิ่วซือ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าเองก็เห็นแล้ว มีความสุขดี”
“ข้าได้ยินว่าฝ่าพระบาทพระราชทานพระชายารอง และให้มาอยู่วังตะวันออก เด็กผู้หญิงคนนั้นซื่อตรงหรือไม่”
“เด็กผู้หญิงที่ไม่มีความรู้ความสามารถจะเอาอะไรมาให้เฉินหรงรัก เอาอะไรมาสู้กับจิ่วซือ ถึงคิดไม่ซื่อก็ต้องซื่อ วางใจ นางทำอะไรจิ่วซือไม่ได้หรอก ขืนทำคงถูกจิ่วซือจัดการ”
กู้หลียวนพูดอย่างรู้ดี ไม่วิตกเรื่องที่พระชายารองจะคุกคามฐานะของซูจิ่วซือ
“หลียวนช่างรู้ใจข้าจริงๆ”
ซูจิ่วซือยิ้มอย่างอ่อนโยน บางทีอาจจะเป็นเพราะความผูกพันแม่ลูก พอเห็นลูกชายมีครอบครัว นางก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก