“กะ……กะ แกเป็นใครกันแน่?”
อวี๋เหวินปิงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เฉียนเปียว คุณช่วยบอกเขาทีสิ ว่าผมเป็นใคร!”
หยางเฉินพูดออกมาอย่างเฉยชา
พอเฉียนเปียวได้ยินอย่างนั้น ก็รู้ในทันทีว่าตอนนี้หยางเฉินต้องการปิดปากอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแน่นอน
เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองอวี๋เหวินปิงด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วถามไปว่า “คุณรู้จัก ชายแดนเหนือที่หนาวเย็นในตอนนี้มั้ย?”
พอได้ยินแบบนั้น รูม่านตาของอวี๋เหวินปิงก็หดเล็กลง จะบอกว่า หยางเฉินมาจากที่แห่งนั้นอย่างนั้นเหรอ?
“คนในประเทศจิ่วโจว มีใครบ้างที่ไม่รู้จักสถานที่ที่หนาวเย็นอย่างชายแดนเหนือกัน?”
“จิ่วโจวนั้นแบ่งเป็นห้าเขตใหญ่ๆ ถูกปกป้องโดยราชวงศ์แห่งจิ่วโจว แต่ว่า นอกจากห้าเขตปกครองนี้แล้ว ยังมีชายแดนเหนือใต้ออกตกอีกสี่ชายแดน ชายแดนที่ส่วนต่างก็อยู่กันอย่างยากลำบาก ต้องมีทหารกล้าเป็นล้านคนคอยปกป้องเอาไว้”
“ในบรรดาชายแดนทั้งสี่นั้น ชายแดนเหนือที่หนาวเย็นถือเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด และเป็นชายแดนที่ป้องกันการรุกรานได้ยากลำบากที่สุด แต่ชายแดนเหนือกลับเป็นชายแดนที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศจิ่วโจว”
“เป็นเพราะที่นั่น ได้มีจอมพลที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมีมาของประเทศจิ่วโจวปรากฏตัวขึ้น มีสมญานามว่า เทพสงครามผู้ชนะ เป็นจอมพลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาชายแดนทั้งสี่”
“เคยมีผู้นำของประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า หยางปูไป้แห่งประเทศจิ่วโจว (มีอายุเท่ากับประเทศ) เพียงคนๆเดียวก็สามารถต่อกรกับทหารกล้านับล้านได้!”
อวี๋เหวินปิงนั้นรู้จักชายแดนทั้งสี่ของจิ่วโจวเป็นอย่างดี ตอนที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา แววตาก็ดูนับถือมาก
หลังจากที่เขาพูดจบ จึงได้จ้องมองหยางเฉินและพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ “หรือจะบอกว่า แกเองก็มาจากชายแดนเหนือเหมือนกัน เป็นทหารที่อยู่ใต้บัญชาของจอมพลหยางปูไป้?”
พูดจบ ไม่รอให้เฉียนเปียวพูด เขาก็หัวเราะออกมาทันที “ในที่สุดฉันก็เข้าใจสักที ว่าทำไมห้าปีที่แกหายตัวไป ต่อให้ค้นหายังไงก็หาไม่เจอ ที่แท้ แกก็ไปอยู่ที่ชายแดนเหนือนี่เอง”
” และฉันก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมแกถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้”
“นั่นก็เพราะว่า แกเป็นทหารของหยางปูไป้ มีหยางปูไป้คอยให้ท้าย แกถึงได้ไม่กลัวอะไรเลย ต่อให้เป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แกก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด”
“หยางเฉิน ต่อให้แกฆ่าฉันไป ฉันก็ไม่พอใจ เพราะแกแค่ใช้ประโยชน์จากฐานะของหยางปูไป้ทำให้ตระกูลอวี๋เหวินไม่กล้าทำอะไรแก”
“แล้วมันจะยังไงล่ะ? ถ้าแกฆ่าฉัน ตระกูลของแม่ฉันก็ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่นอน นอกจากว่าแกจะเป็นหยางปูไป้เองไม่อย่างนั้นก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว”
อวี๋เหวินปิงหัวเราะออกมาเสียงดัง ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างแล้ว และไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวความตายอะไรอีกแล้ว
โจวยู่ชุ่ยที่นั่งอยู้ข้างๆ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับอวี๋เหวินปิง จึงไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดมาสักนิด รู้เพียงแค่ว่าเบื้องหลังของหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังไม่เกรงกลัว
หยางเฉินจ้องมองอวี๋เหวินปิงด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ โดยไม่ได้พูดอะไร รู้สึกแค่ว่าอวี๋เหวินปิงนั้นน่าสงสารมาก เป็นแค่คุณชายที่คิดเองเออเองของตระกูลเศรษฐีเท่านั้น
ทันใดนั้น เฉียนเปียวก็ได้ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดไปว่า “คุณผิดแล้ว!”
“ผิดเหรอ?”
อวี๋เหวินปิงหยุดหัวเราะลง กัดฟันแล้วถามไปว่า “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? มันก็แค่อาศัยว่าตัวเองเป็นทหารของชายแดนเหนือ มีหยางปูไป้คอยหนุนหลัง ตระกูลอวี๋เหวินไม่กล้าทำอะไรมัน เลยกล้าเหยียบเข้ามาในเยี่ยนตู ถึงกล้าที่จะฆ่าฉัน”
“ถ้าไม่ได้อยู่กับหยางปูไป้ มันก็ไม่มีอะไรเลย เป็นได้แค่มดปลวกตัวหนึ่ง ถ้าตระกูลอวี๋เหวินต้องการฆ่ามัน ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!”
“หยางปูไป้เป็นแค่หนึ่งในฉายาของจอมพลแห่งชายแดนเหนือที่ผู้คนมากมายเรียกขานด้วยความเคารพนับถือเท่านั้นคุณรู้แค่ว่า หยางปูไป้นั้นเป็นจอมพลที่อายุน้อยที่สุดที่ประเทศจิ่วโจวเคยมี แล้วคุณรู้รึเปล่าว่า หยางปูไป้นั้นมีชื่อจริงๆ ว่าอะไร?”
เฉียนเปียวถามออกมาเสียงดัง
คำพูดนี้ของเฉียนเปียวทำให้อวี๋เหวินปิงใจเย็นลงไปทันที จู่ๆ ในหัวของเขาก็มีความเป็นไปได้ที่น่าตกใจผุดขึ้นมา
“หยางปูไป้จะชื่ออะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
อวี๋เหวินปิงไม่กล้าคิดต่อ พูดพร้อมกับกัดฟันว่า “ฉันรู้แค่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเขา หยางเฉินมันก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
“เทียบกับฉันแล้ว หยางเฉินมันก็แค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่ง เป็นลูกที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง มันจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน? เอาอะไรมาแข่งกับฉัน?”
อวี๋เหวินปิงคำรามออกมาด้วยความโมโห
“แสงจากหิ่งห้อยรึจะสู้แสงจากดวงจันทร์ได้?”
เฉียนเปียวขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“นี่แกคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
อวี๋เหวินปิงกัดฟันแน่น
“เมื่อเทียบกับท่านจอมพลแล้ว คุณมันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ท่านจอมพลนั้นเป็นเทพที่อยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้า แล้วคนอย่างคุณ จะเอาอะไรมาเทียบกับท่านจอมพลกัน?”
เฉียนเปียวพูดออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความโมโห
และคำพูดของเขา ก็เป็นดั่งสายฟ้าที่ดังอยู่ในหัวของอวี๋เหวินปิง
“ฉะ……ฉันเอาตัวเองไปเทียบกับหยางปูไป้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันแค่กำลังเปรียบเทียบกับหยางเฉินเท่านั้น
น้ำเสียงของอวี๋เหวินปิงกำลังสั่นเครือ
ความจริง เขานั้นเข้าใจคำพูดของเฉียนเปียวแล้ว และคาดเดาตัวตนของหยางเฉินออกแล้วด้วย เขาแค่ไม่อยากยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี่เท่านั้น
“ไม่ว่าจะเป็นมดปลวก ลูกนอกสมรสหรือว่าจะเป็นลูกที่ถูกตระกูลทอดทิ้งที่คุณพูดถึง หรือก็คือชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณอยู่ที่ชายแดนเหนือ ยังมีอีกฉายาหนึ่งที่ถูกเรียกว่า หยางปูไป้!”
สีหน้าของเฉียนเปียวดูมีความเคารพนับถือขึ้นมาทันที แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ แล้วพูดกับอวี๋เหวินปิงอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่าว่า “ในตอนนี้ จอมพลแห่งชายแดนเหนือ หยางปูไป้แห่งประเทศจิ่วโจว หยางปูไป้ที่ได้รับความเคารพนับถือจากทหารกล้านับล้าน ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณนี่ไง!”
“แต่คุณกลับบอกว่าเขาไม่มีค่าที่จะไปเทียบกับคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“ต่อให้ราชวงศ์แห่งจิ่วโจวที่คุณพูดถึงมาอยู่ตรงนี้ ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาเด็ดขาด”
“กับคุณที่เป็นแค่คุณชายของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังกล้ามาเทียบกับเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“แล้วคุณ มีค่ามากพอรึเปล่า?”
ทุกๆ คำพูดของเฉียนเปียวได้ถูกกลั่นกรองออกมาอย่างตั้งใจ
อวี๋เหวินปิงนั้นตกใจจนไม่รู้จะตกใจยังไงแล้ว นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ห้าปีก่อนมันเพิ่งไปที่ชายแดนเหนือ ในเวลาแค่ห้าปี มันจะกลายเป็นจอมพลได้ยังไง?”
“แกตั้งใจร่วมมือกับไอ้สาระเลวหยางเฉินมาหลอกฉัน ใช่มั้ย?”
“พวกแกตั้งใจที่จะเล่นสนุกกับฉันก่อนที่จะฆ่าฉันใช่มั้ย?”
อวี๋เหวินปิงนั้นสติแตกไปแล้ว ระหว่างที่พูดอย่างสติแตก เขาก็ก้าวถอยหลังไม่ยอมหยุด
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ไปถึงที่ขอบระเบียงแล้ว ถ้ายังถอยอีกก้าว เขาก็จะตกลงไปทันที
หยางเฉินนั้นเห็นแล้วว่าถ้าอวี๋เหวินปิงถอยไปถึงตรงขอบระเบียงแล้ว และรู้ว่าถ้าถอยอีกก้าวก็จะตกลงไปจากดาดฟ้าของชั้นหก แต่เขาก็ไม่ได้เตือน
เขานั้นอยากที่จะฆ่าอวี๋เหวินปิงให้ตาย แต่ไม่ว่ายังไง อวี๋เหวินปิงก็ยังเป็นพี่ชายที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่แม่ของเขาจะเสีย ยังบังคับให้เขาสาบานว่าจะไม่ไปแก้แค้นตระกูลอวี๋เหวิน และห้ามไปแก้แค้นกับคนของตระกูลอวี๋เหวินเด็ดขาด
แล้วถ้าอวี๋เหวินปิงตกตึกไปตายเอง เขาก็ไม่ได้ผิดคำสาบานใช่มั้ย?
“อ้า!”
แล้วอวี๋เหวินปิงก็ก้าวไปข้างหลังอีกก้าวจริงๆ สองขานั้นยืนอยู่บนขอบระเบียง เมื่อกี้เขาก็เอาแต่ถอยหลัง และลืมไปว่านี่คือดาดฟ้าที่อยู่บนชั้นหก
ในตอนที่เขาตั้งใจจะรักษาสมดุลของร่างกายนั้น มันก็ได้สายไปแล้ว สองขาเหยียบไปในอากาศแล้วตกลงไปจากดาดฟ้าของชั้นหก
ชานเมืองที่เวิ้งว้าง เสียงตะโกนที่ไม่พอใจก็ได้ดังขึ้น “หยางเฉิน ต่อให้ฉันเป็นผี ฉันก็ไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
หัวใจของหยางเฉินนั้นสงบมาก มันแค่รู้สึกแย่อย่างแปลกๆ เท่านั้น
ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ยังไงก็ตายเพราะเขาอยู่ดี
โจวยู่ชุ่ยที่อยู่ข้างๆ ได้เห็นทุกอย่างกับตา ถ้าไม่ใช่เพราะตกใจจนร่างกายอ่อนแรงไปก่อน เธอคงจะวิ่งหนีไปนานแล้ว
แม้แต่ผู้สืบทอดของตระกูลอวี๋เหวินแห่งแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังถูกกดดันจนตาย แล้วหยางเฉินจะปล่อยเธอไปได้ยังไงล่ะ?