อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของเขาก็ทำให้หลัวเขอตี้ประหลาดใจมาก สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทักษะการยิงลูกศรต่อเนื่องที่หลัวเขอตี้ใช้อยู่ในขณะนี้ขึ้นอยู่กับการคำนวณที่แม่นยำของเขา ทว่าในช่วงเวลาที่โจวเหว่ยชิงถอดเกราะเทพอมตะออกจนร่างของเขาไม่อาจทนรับแรงกระแทกของลูกศรและกระเด็นออกไปไกลเกินกว่าที่หลัวเขอตี้ได้คำนวณไว้ นั่นหมายความว่าลูกศรที่เขายิงออกไปก่อนหน้านี้จะต้องพลาดเป้าไปเช่นกัน
ในเวลานี้ลูกศรดอกที่ 11 เพิ่งจะจู่โจมโจวเหว่ยชิงไป ส่วนลูกศรดอกที่ 12 และ 13 ก็กำลังลอยอยู่กลางอากาศแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหลังจากองศาของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไป พวกมันก็กำลังจะพุ่งพลาดเป้าไปด้วย
ในที่สุด เวลานี้หลัวเขอตี้ก็ได้เปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมา เขายิงลูกศรดอกที่ 14 ออกไปทันที ลูกศรดอกนั้นพลันเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าบ่งบอกว่าเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ ลูกศรดอกนี้เร็วมาก เร็วกระทั่งทำให้ทำให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ชมรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ลูกศรนั้นพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าศรติดตามไร้เสียงของเธอ หรือแม้กระทั่งลูกศรจากธนูราชันของโจวเหว่ยชิงด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เห็นได้ชัดว่าหลัวเขอตี้ใช้เพียงแค่ลูกธนูธรรมดาๆ กับธนูอุษาม่วงเท่านั้น
ลูกศรที่อาบย้อมไปด้วยแสงสีขาวเจิดจ้านั้นไม่ได้พุ่งออกไปเป็นเส้นตรงแต่กลับโค้งผ่านอากาศและตรงเข้าไปเบียดลูกศรดอกที่ 12 และ 13 ก่อนที่จะทะยานเข้าไปชนบั้นท้ายของโจวเหว่ยชิงอีกครั้งอย่างแรง สิ่งที่น่าเหลือเชื่ออีกอย่างก็คือ เมื่อลูกศรดอกนั้นพุ่งเข้าไปถึงตัวของโจวเหว่ยชิง แสงสีขาวเจิดจ้าบนร่างของมันกลับอันตธานหายไปทันที
ผลที่ตามมาก็คือลูกศรทั้ง 3 ดอก ที่ถูกชนจนเปลี่ยนทิศทางก็พุ่งทะยานตามมาซ้ำรอยเดิมบนบั้นท้ายของโจว เหว่ยชิงทันทีก่อนจะส่งเขากระเด็นออกไปไกลมากกว่า 12 เมตร คราวนี้หลัวเขอตี้หยุดยิงลูกศรต่อเนื่องของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าการยิงของเขาถูกขัดจนเสียจังหวะ โจวเหว่ยชิงจึงร่วงลงบนพื้นบริเวณด้านหน้าของเขาทันที
พระเจ้า! นั่นมันทักษะการยิงธนูแบบไหนกัน? ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหลัวเขอตี้ไม่ได้สนใจจะโจมตีเธอเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ทำเช่นนี้เพื่อแก้แค้นอ้วนน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็
ไม่ได้มุ่งร้ายต่อโจวเหว่ยชิงจนถึงขั้นเอาชีวิตเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่เขาจะหักหัวลูกศรออกและใช้แค่ธนูอุษาม่วง เขายังไม่ใช้ปราณสวรรค์เพื่อทำร้ายโจวเหว่ยชิงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ลูกศรดอกสุดท้ายนั้นก็ยังน่าทึ่งมากอยู่ดี นอกจากมันจะแก้ไขเส้นทางของลูกศร 2 ดอกก่อนหน้า มันก็ยังพุ่งเข้าชนเป้าหมายได้อีกด้วย! ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จ้องมองหน้าฉากตรงหน้าด้วยสายตาสับสน ไม่รู้ว่าจะนิยามความสามารถของหลัวเขอตี้ไว้ว่าอย่างไร
ตั้งแต่อายุยังน้อย ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้ตัวว่าตนเองชอบคลุกคลีกับธนูและลูกศรแล้ว เธอตกหลุมรักการยิงธนูจนหมดหัวใจ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าทุกสิ่งที่เธอเรียนรู้มาก่อนหน้าไม่อาจเปรียบเทียบได้กับการยิงธนูที่หลัวเขอตี้เพิ่งแสดงออกมาเมื่อสักครู่ได้เลย หากชายคนนี้ต้องการเอาชีวิตพวกเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้มณียุทธ์หรือแม้แต่พลังปราณสวรรค์เลยแม้แต่น้อย อาศัยเพียงแค่ทักษะการยิงธนูของเขา เขาก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งคู่ได้แล้ว
“หึๆ เด็กน้อย นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย จงรับไป 6 ดอกเท่าเลขมงคล[1] เจ้าจะได้โชคดีเป็นสองเท่า!!” หลัวเขอตี้ขยับธนูอุษาม่วงลูกศรของเขา จากนั้นลูกศร 6 ดอกก็พลันปรากฏขึ้นพาดบนสายธนู เขากำพวกมันไว้ด้วยกันจากนั้นก็ง้างขึ้นด้วยแรงมหาศาลจนร่างของเขาบิดเป็นเกลียว ในเสี้ยววินาทีลูกศรทั้ง 6 ดอกก็พุ่งทะยานออกไปพร้อมๆกัน!
ครั้งนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยายามเพ่งมองการกระทำของหลัวเขอตี้ แต่ทว่าพอทำเช่นนั้นเธอก็ทันได้เห็นเพียงแค่ลูกธนูที่พุ่งออกไปเสียดสีกับอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว มือขวาของหลัวเขอตี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเพียงภาพสั่นๆ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาทำให้เกิดภาพเงาติดตาหลายภาพก่อนที่ลูกศรทั้ง 6 จะพุ่งทะยานออกไป
ในบรรดาลูกศรทั้ง 6 ดอกนั้นไม่มีดอกใดที่เดินทางเป็นเส้นตรงเลย พวกมันทั้งหมดพุ่งไปในทิศทางที่ต่างกัน แต่ทว่าก็ยังมุ่งตรงไปยังเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือโจวเหว่ยชิงนั่นเอง
ด้วยสายตาอันชาญฉลาดของหลัวเขอตี้ เขาจะไม่เห็นได้อย่างไรว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นไม่มีพลังปราณสวรรค์เหลือเพียงพอจะหลบหลีกลูกศรของเขาได้แม้แต่ดอกเดียว นอกจากนี้เขายังใช้ทักษะอันยอดเยี่ยมของเขาด้วยความแม่นยำสูงสุด ปิดเส้นทางหลบหนีที่เป็นไปได้ทั้งหมดของโจวเหว่ยชิงเอาไว้แล้ว หากร่างของเขาปะทะเข้ากับลูกศรดอกแรก ลูกศร 5 ดอกที่เหลือก็ย่อมเข้าเป้าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้โจวเหว่ยชิงก็มุทะลุไปแล้ว
หลังจากโดนลูกศร 14 ดอกพุ่งเข้าใส่บั้นท้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกศร 4 ดอกสุดท้ายที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงเกิดผุดความโกรธแค้นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นี่เป็นแค่ความโกรธเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ชัดเจนว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย! ข้าจะไม่ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาอีกต่อไป!
แม้ว่าร่างกายของโจวเหว่ยชิงจะชาหนึบจากความเจ็บปวด แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่หลัวเขอตี้ยังไม่รู้ แน่นอนว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงกำลังเจ็บหนักจนแทบขยับไม่ได้ แต่ทว่าขาขวาของเขากลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย! หลังจากถูกลูกศร 3 ดอกพุ่งเข้าใส่เขาอย่างต่อเนื่องจนกระเด็นออกไป เขาไม่ได้พยายามจะลุกขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดคิด ในทางกลับกัน วินาทีนั้นเขากลับเงื้อขาขวาขึ้นสูง หมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ที่เหลือทั้งหมดไปที่ขาขวาปีศาจของเขา จากนั้นก็กระแทกมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็ฟาดมือทั้งสองข้างลงกับพื้นสุดแรงเกิด
ในชั่วพริบตานั้นพื้นที่ตรงนั้นก็เกิดการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ บริเวณที่เขาเคยนอนอยู่ก็ถล่มลงไปกลายเป็นหลุมลึก 2 เมตร ปากหลุมกว้าง 1 เมตร และนั่นก็เป็นผลมาจากแรงปะทะจากขาข้างนั้นล้วนๆ!
ด้วยแรงโน้มถ่วง เขาจึงร่วงลงไปในหลุมนี้อย่างรวดเร็ว
*ฉึก* *ฉึก**ฉึก**ฉึก* *ฉึก**ฉึก*…เสียงลูกศร 6 ดอกสุดท้ายพุ่งเข้าชนกันในบริเวณที่เคยมีร่างของโจวเหว่ยชิงนอนอยู่ ส่วนตัวจริงนั้นกลับหายวับไปจากแนวสายตาของหลัวเขอตี้และซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว
ดวงตาของหลัวเขอตี้เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แม้เขาจะมีประสบการณ์และความรู้มากมาย แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นใครหลบเลี่ยงลูกศรในลักษณะเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศร 6 ดอกที่เขายิงออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจก็ยังกลับกลายเป็นพลาดเป้าไปเสียอย่างนั้น ดังนั้นแม้โจวเหว่ยชิงจะตกอยู่ในสถาณการณ์ยากลำบาก เขาก็ยังพึ่งพาพละกำลังของตัวเองเพื่อหลบลูกศรชุดสุดท้าย
“อ้วนน้อย! ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าหาเขา จากนั้นก็ดึงเขาออกมาจากหลุมในพื้นดิน
นอกจากขาขวาของเขาแล้ว โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าร่างกายทุกส่วนกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งหลัวเขอตี้ในใจ บ้าเอ้ย! ตาแก่นั่นร้ายกาจจริงๆ! ก้นของข้า!
แน่นอนเขารู้ว่าหลัวเขอตี้ไม่ได้พยายามจะเอาชีวิตเขา มิฉะนั้นเขาคงจะไม่เล็งมาที่บั้นท้ายที่มีเนื้อมากเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้กับเขาต่อหน้าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ทำให้เขาเสียหน้าเป็นอย่างมาก!
“เจ้าบ้า! นี่เจ้าเป็นช้างหรือ? ช่างแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!? เอาล่ะ นั่นนับว่าเป็นชัยชนะของเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าทั้งคู่ก็ถือว่าผ่านการทดสอบด่านที่ 2 แล้ว” หลัวเขอตี้เดินไปหาพวกเขาทั้งคู่ ทว่าเมื่อเห็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ฉับพลันนั้น หัวน้อยๆที่ดูน่ารักน่าชังของลูกเสือขาวก็โผล่ออกมาจากอ้อมอกของโจวเหว่ยชิงในสภาพเปื้อนคราบฝุ่นและสิ่งสกปรกทั่วตัว มันกระโดดขึ้นไปยืนบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงและคำรามเสียงต่ำไปทางหลัวเขอตี้เพื่อแสดงความไม่พอใจ
ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างยากลำบาก ร่างกายทุกส่วนของเขาร้าวระบมไปหมด ขณะนี้เขาพลันรู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดที่กำลังบุกรุกเข้ามาในจิตใจของเขา ไม่ หรือว่านี่จะเป็นสถานะปีศาจกลายร่างที่ปรากฏขึ้นมาเพราะบาดแผลของเขา! โจวเหว่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก เขาพยายามควบคุมสติและอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง เขาพร่ำบอกซ้ำๆว่านี่เป็นเพียงด่านทดสอบ จนกระทั่งในที่สุดความรู้สึกกระหายเลือดของเขาก็เริ่มสงบลง
มีเพียงเสือขาวตัวน้อยบนไหล่ของเขาเท่านั้นที่มองเห็นประกายสีแดงเลือดที่ผุดขึ้นมาในดวงตาของเขา มันกระพริบตาขึ้นถี่ๆ หากใครอยู่ใกล้มากพอก็จะสังเกตเห็นความตื่นเต้นที่ปรากฏขึ้นในดวงตาคู่น้อยของมัน
“เอ๊ะ เจ้าตัวน้อยนี้ ช่างน่ารักน่าชังจริงๆ ลูกเสือขาวตัวน้อยหรือ? อืม นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเรื่องแบบนี้ มันคืออสูรสวรรค์ที่เจ้าเลี้ยงไว้หรือ?” หลัวเขอตี้มองดูเสือขาวตัวน้อยบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงอย่างสงสัย
โจวเหว่ยชิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ใช่ มันเป็นของข้า”
หลัวเขอตี้ยิ้มแย้มและพูดว่า “เฮ้ เด็กน้อย เจ้าอย่าอารมณ์ไม่ดีไปเลย มีเพียงคนที่ประสบกับความยากลำบากเท่านั้นจึงจะกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นได้ ดูสิ ขนาดข้าถูกลูกศรของเจ้ากระแทกจนกระเด็นออกไปตั้งไกล ข้ายังไม่โกรธ เลย! ในอนาคตเราอาจจะกลายเป็นสหายในหน่วยเดียวกันก็ได้ ข้าก็แค่ทำไปตามกฎ นั่นไม่ถูกต้องหรอกหรือ?”
ทำตัวตามกฏงั้นรึ! หึ! ระดมยิงใส่ข้าคนเดียวเนี่ยนะ!? โจวเหว่ยชิงขึงตาใส่เขา แม้ความเป็นจริงเขาจะยังหลงเหลือความโกรธอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งเขายังรู้สึกเคารพในความสามารถของหลัวเขอตี้ด้วย เขาอาจมองเห็นไม่ชัดเจนว่าการยิงธนูของหลัวเขอตี้เป็นเช่นไร แต่เพียงแค่วิธีการที่หลัวเขอตี้ใช้ตรึงเขาไว้ในอากาศด้วยลูกศรต่อเนื่องนั้นก็ทำให้เขาตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างหลัวเขอตี้กับพวกเขาได้แล้ว แน่นอนว่าระดับของพวกเขาห่างชั้นกันเกินไป
หลัวเขอตี้เดินเข้ามาตบหลังโจวเหว่ยชิงแล้วกระซิบเบาๆ เพื่อให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว “เฮ้ เจ้าหนู เรามาต่อรองเรื่องนี้กันดีไหม? พอพวกเราไปถึงหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ หากเจ้าไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าจะช่วยให้เจ้าสอบผ่านด่านทดสอบครั้งที่ 3 ข้อเสนอนี่ฟังดูดีไหม?”
โจวเหว่ยชิงสับสนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เข้าใจความนัยได้ทันที ตาแก่นี่ก็แค่กลัวจะเสียหน้า! แน่นอนว่าคนระดับเขา การถูกโจวเหว่ยชิงที่อ่อนแอกว่าหลอกลวงได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก อีกทั้งยังมีเหตุการณ์น่าอับอายที่เขาอาเจียนเพราะได้เห็น ‘สุดยอดอาวุธสังหาร’ ก่อนหน้านี้อีกด้วย
โจวเหว่ยชิงยกมือขึ้นลูบไหล่หลัวเขอตี้ด้วยใบหน้ายิ้มๆและพูดว่า “ทักษะการยิงธนูของท่านอาวุโสนั้นไม่มีใครเทียบเทียมได้ ที่พวกเราสามารถผ่านด่านทดสอบได้นั้นต้องเป็นเพราะโชคช่วยแน่นอน! ด่านทดสอบของท่านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย! ท่านอาวุโส ท่านต้องเป็นบุคคลที่พวกเราอยากจะเรียนรู้ด้วยแน่นอนขอรับ!”
พวกเขาทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยท่าทางแฝงความนัย ราวกับจะบอกกันและกันว่า เจ้าก็รู้ว่าข้าหมายถึงอะไร
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะจ้องมองพวกเขาจากด้านข้างพร้อมกับอ้าปากกว้าง 2 คนนี้เป็นอริต่อกันตั้งแต่ที่พวกเขาพบกัน จากนั้นพวกเขาก็แก้แค้นกันไปมา แต่ตอนนี้พวกเขากลับดูเหมือนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน? จะเปลี่ยนนิสัยกันเร็วเกินไปหน่อยแล้วเจ้าพวกนี้! ด้วยนิสัยตามธรรมชาติของเธอ เธอจึงไม่เข้าใจการสื่อสารระหว่างคนเจ้าเล่ห์ทั้ง 2 คนเลยแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ น้องชายคนนี้เป็นเด็กที่มีพรสวรค์และควรค่าที่จะได้รับคำแนะนำจากแม่ทัพโจวให้เข้าร่วมหน่วยเกา ทัณฑ์สวรรค์ของเรา มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าทั้งสองคนกลับไปที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ การทดสอบครั้งสุดท้ายของพวกเจ้าจะถูกจัดขึ้นที่นั่น”
สิ่งที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่เคยรู้มาก่อนคือซ่างกวนปิงเอ๋อร์สามารถไปที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ได้โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ 2 ครั้งแรก อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ อีกทั้งซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ได้พิสูจน์ให้แม่ทัพโจวเห็นถึงความจงรักภักดีต่ออาณาจักรมานานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดของเธอ เธอยังต้องทดสอบอยู่อีกหรือ? การทดสอบเพียงอย่างเดียวที่จำเป็นก็คือด่านทดสอบครั้งที่ 3 นั่นก็เพื่อดูว่าความสามารถในปัจจุบันของเธอเพียงพอหรือไม่
สำหรับการทดสอบ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นโดยหลัวเขอตี้เพื่อใช้แก้แค้นโจวเหว่ยชิงที่แกล้งทำให้เขาอับอายโดยเฉพาะ อย่างไรซะ หากพวกเขาไม่ได้ถูกกำหนดให้เข้าร่วมหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์อยู่แล้ว หลัวเขอตี้ก็คงจะไม่ทดสอบพวกเขาและนำพวกเขาไปยังหน่วยธนูสวรรค์ด้วยตัวเอง เพราะสถานที่แห่งนั้นถือว่าเป็นความลับระดับสูงสุดในอาณาจักรเลยทีเดียว! เพราะฉะนั้น แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยอย่างโจวเหว่ยชิงก็ยังไม่อาจจะต่อสู้กับกลอุบายของปีศาจจิ้งจอกแก่ๆอย่างหลัวเขอตี้ได้
ภายใต้การนำของหลัวเขอตี้ พวกเขาทั้ง 3 คนก็เข้าสู่ป่าดาราอย่างรวดเร็ว หลัวเขอตี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังบริเวณแนวป่าลึก ทักษะความยืดหยุ่นของมณียุทธ์ของเขาช่างน่าประทับใจจริงๆ ใช้เพียงปราณสวรรค์จำนวนเล็กน้อย เขาก็สามารถเดินผ่านต้นไม้ระเกะระกะรวมถึงพุ่มไม้หนาๆในป่าดาราได้อย่างสบายๆราวกับกำลังเดินอยู่ในที่โล่งๆ ทว่าทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลับต้องใช้ทักษะธาตุลมของพวกเขาเพื่อไล่ตามหลัวเขอตี้ให้ทัน อีกทั้งโจวเหว่ยชิงก็ยังจำเป็นต้องใช้ขาขวาของเขาเพื่อเสริมความเร็วอีกด้วย
โจวเหว่ยชิงคุ้นเคยกับป่าดาราเป็นอย่างมาก หลังจากเดินทางได้ไม่นานเขาก็เดาได้ว่าหลัวเขอตี้กำลังมุ่งหน้าไป ที่ใด
ประมาณ1ปีที่ก่อนหน้านี้ เขาเคยเข้ามาสำรวจบริเวณป่าลึกแห่งนี้มาก่อน แต่ทว่าเมื่อไปถึงจุดหนึ่ง เขากลับถูกกองทหารหยุดเอาไว้ ในเวลานั้นเขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมจึงมีกองทหารประจำการอยู่ที่นั่น แต่เขาก็ไม่ได้ทำการสำรวจอะไรเพิ่มเติม ตอนนี้ดูเหมือนว่าหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่ลึกลับจะถูกส่งไปประจำการอยู่ที่นั่น หรืออย่างน้อยก็พื้นที่ใกล้ๆ กับที่นั่น
……………………………………………………..
[1]เลข 6 เลขมงคลของคนจีน เสียง 6(ลิ่ว) นั้นพ้องกับคำในภาษาจีนที่แปลว่าราบรื่น เป็นตัวแทนของความร่ำรวยในภาษาจีนกวางตุ้ง
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 29.2 ทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้า (2)
Posted by ? Views, Released on December 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment