ป่ายฉี: “……”
เขากัดฟันกรอด กำลังจะตอบโต้กลับไป แต่พอจะพูดนั้นกลับเหลือบไปเห็นคนเดินผ่านตรงหน้าต่าง
เห็นแค่แวบเดียว ป่ายฉีก็ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว
หานจื่อ!
จากกันครั้งนี้ ก็ไม่เจอกันตั้งสามปี เขาคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้มีโอกาสได้เจอกับหญิงแกร่งคนนี้แล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่เลย
ในใจเขามีความรู้สึกแปลกๆที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ป่ายฉีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินออกไปด้านนอก
“นี่ ป่ายฉี นายจะไปไหนน่ะ? ไปจับผู้หญิงแปลกหน้ามาไม่นับนะ”
เย้นหว่านตะลึงมาก แล้วก็รีบตามออกไปด้วย
ป่ายฉีเดินเร็วมากจริงๆ เขารีบเดินออกจากร้านกาแฟ เดินหาหานจื่อตลอดทาง แค่เพียงพริบตาเดียว หานจื่อก็หายไปแล้ว
เขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่สักพัก ตามหาเธอรอบๆ แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี
เหมือนภาพนอกหน้าต่างที่เขาเห็นเมื่อกี้ เป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นจากคำพูดกระตุ้นของเย้นหว่าน
เป็นภาพหลอนจริงเหรอ?
นั่นสิ ตอนนั้นหานจื่อหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไปใช้ชีวิตของคนธรรมดา ไม่มีทางมาอยู่ในเมืองหนานที่มีแต่เรื่องแบบนี้หรอก
เขารู้สึกผิดหวังมาก
“ป่ายฉี เป็นอะไรไปเหรอ นายหาใครอยู่น่ะ?”
เย้นหว่านตามป่ายฉีออกมาจากด้านหลัง เห็นท่าทางเขาแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ป่ายฉีอึ้งจนไม่ได้สติ เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรจริงเหรอ?” เย้นหว่านสงสัย ท่าทางเขาแบบนี้ดูแล้วเหมือนจะมีปัญหาเลยนะ
“ก็ได้ๆ บอกความจริงเธอก็ได้”
ป่ายฉีถอนหายใจ “เมื่อกี้ฉันเห็นผู้หญิงสวยมากคนหนึ่งเดินผ่าน ตอนแรกว่าจะจับมาเป็นแฟน สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นหายไปเสียก่อน น่าเสียดายจริงๆ”
เย้นหว่าน: “……”
เธอล้อเขาเล่นแล้ว เขายังล้อตัวเองกลับแบบนี้อีก โหดจริงๆเลยตาหมอนี่
ป่ายฉีขยับเข้าไปใกล้เย้นหว่านสองก้าว แล้วกระซิบข้างหูเธอเบาๆว่า:
“เรากำลังเปิดคอมของเก่อหรูซวน ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก ถ้ามีข่าวฉันจะรีบมาบอกเธอ ส่วนเรื่องอื่นกำลังดำเนินการไปตามกระบวนการ ช่วงนี้เธอก็รอหน่อยแล้วกัน ปกป้องตัวเองให้ดีก็พอ ฉันไปก่อนล่ะ”
ป่ายฉีพูดจบก็เดินไปข้างหน้าต่อทันที
เย้นหว่านยังยืนอยู่กับที่ มองดูแผ่นหลังของเขา ยังไงเธอก็ยังรู้สึกแปลกมากอยู่ดี
ตั้งแต่ที่เขารีบพุ่งออกจากร้านกาแฟ เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เขาปกปิดอะไรไว้กันแน่?
เย้นหว่านได้แต่ตั้งคำถามภายในใจ
แต่ว่า ป่ายฉีไม่พูด เธอเดาไปก็ไม่มีประโยชน์ เลยเลิกคิดเรื่องนี้ไป
หลังจากที่ป่ายฉีกับเย้นหว่านแยกย้ายแล้ว ป่ายฉีที่ควรไปสนามบินแล้วบินกลับไปตระกูลเย้น แต่เขากลับเดินบนถนนอย่างไม่รู้ตัว
เดินรอบร้านกาแฟอยู่หลายรอบมาก
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะเจอใคร ตามหาใคร แต่ในใจกลับเหมือนมีแมวที่กำลังใช้กรงเล็บข่วนหัวใจอยู่ รู้สึกกระสับกระส่ายมาก
แต่ว่า เขาเดินจนฟ้าเริ่มมืด ไฟบนถนนก็เริ่มสว่างขึ้น เขาก็ยังไม่เจอใครเลย
เขายืนอยู่ตรงถนน มองดูผู้คนเดินไปมา ตรงหน้าก็มีภาพที่เคยพาหานจื่อเดินเล่นตามถนน ตอนนั้นเขาพาหานจื่อทดลองใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา
ตอนนี้เขายังจำสีหน้าและท่าทีของเธอได้ดี เธอทั้งเย็นชาและรำคาญเล็กน้อย ท่าทางเหมือนไม่อยากมา แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้
นึกถึงภาพนั้นทีไร ป่ายฉีก็อดไม่ได้กระตุกยิ้มมุมปากทุกที
ต่อมา ภาพตรงหน้าก็หายไป ตรงหน้าก็มีคนแปลกหน้าเดินผ่านไปผ่านมา พวกเขาเดินด้วยกัน พูดคุยยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา และรู้สึกครั้งแรกว่า การที่ยืนอยู่ข้างถนนคนเดียวมันรู้สึกโดดเดี่ยวมากแค่ไหน
……
ด้วยการที่อำนาจของตระกูลเย้นเข้ามาแทรกแซง และทะลวงเข้าบริษัท ตี้เหา จำกัดลึกขึ้นเรื่อยๆ และระเบิดก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ก่อนที่จะเกิดพายุครั้งนี้ ทันใดนั้นเย้นหว่านก็เกิดเลือดร้อน พาโห้หลีเฉินออกไปเที่ยวด้วยกัน
โห้หลีเฉินมองเธออย่างตกตะลึง “เลขาของฉัน ช่วงนี้ร่วมงานกับตระกูลเย้น แถมยังเพิ่งทำให้ฟีเจ๊กมอนล้มละลาย บริษัทกำลังยุ่งจนไม่มีใครมีเวลาพักเลย ตอนนี้เธอจะให้ประธานเลิกงาน ถามจริง?”
เย้นหว่านครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ก็ต้องแอบขี้เกียจบ้างสิ ช่วงนี้ฉันเอาแต่ทำงานจนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันปวดใจที่เห็นนายนั่งทำงานอยู่แบบนี้ทั้งวัน พวกเราออกไปเที่ยวกันสองวันเถอะนะ แค่สองวันเอง บริษัทไม่ล้มหรอก”
ประธานกับเลขาออกจากบริษัทสองวัน บริษัทคงไม่ล้มหรอก มีแค่เรื่องใหญ่บางเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ กลับมางานคงได้กองเป็นภูเขาแน่
แต่ว่าเห็นท่าทีที่คาดหวังของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็ลูกคางและครุ่นคิด
“ถ้าออกไปเที่ยวสองวันละก็ กลางคืนต้องไปนอนโรงแรมแน่นอน แต่ตอนนี้ด้านนอกไม่ปลอดภัย ฉันไม่วางใจถ้าเธอไม่อยู่ในสายตาฉันตลอด”
เย้นหว่านกะพริบตา “ดังนั้น?”
“ดังนั้น ถ้าจะไปล่ะก็ ตอนกลางคืนเธอต้องนอนห้องเดียวกับฉัน ห้ามแยกกันนอน”
โห้หลีเฉินพูดอย่างมีเหตุผล ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาที่คิดเพื่อความปลอดภัยของเย้นหว่าน
เย้นหว่านรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณโห้คิดจะฉวยโอกาส คงอดใจรอไม่ไหวแล้วสิท่า?
เธอลูบคางตาม “นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง”
เธอครุ่นคิดอย่างละเอียด จากนั้นก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ได้
“งั้นกลางคืนก็เปิดห้องใหญ่ที่มีสองเตียงสิ”
ห้องสองเตียงนอน นอนคนละเตียง แยกกันอย่างชัดเจน
โห้หลีเฉิน: “……”
เย้นหว่านอมยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นยังไง คุณโห้ยังมีข้อชี้แนะไหมคะ?”
มี มีอยู่แล้ว ปัญหาใหญ่ด้วย
โห้หลีเฉินพูด: “ความคิดนี้ดี ที่รัก งั้นพวกเราเดินทางพรุ่งนี้แล้วกัน?”
“ได้เลย” เย้นหว่านพยักหน้าตกลงอย่างเร็ว “เดี๋ยวฉันไปจัดเตรียมงานให้พวกเว่ยชีก่อนนะ นายก็จัดการงานตัวเองด้วยล่ะ ฉันจะได้มอบหมายงานได้”
มองดูเย้นหว่านออกจากห้องทำงาน โห้หลีเฉินก็มองไปที่ประตูด้วยแววตาที่มืดมน และแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ห้องเตียงคู่งั้นเหรอ?”
เหอะ จะมีประโยชน์อะไร?
วันที่สอง โห้หลีเฉินขับรถก็พาเย้นหว่านออกเดินทาง พวกเขาขับรถไปที่ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหนาน
พวกเขาพักอยู่ในโรงแรมเจ็ดดาวข้างชายหาด
ตอนแรกโห้หลีเฉินว่าจะจองห้องทั้งชั้นไว้ เย้นหว่านกลับบอกว่า ออกมาเที่ยวก็ต้องทำเหมือนทุกคน ต้องทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมาก
ดังนั้น ตอนที่พวกเขาถือกระเป๋าเดินเข้าห้องไป โห้หลีเฉินกำลังจะเปิดประตู ข้างๆก็มีคู่รักเดินผ่านมาพอดี
ผู้หญิงเห็นโห้หลีเฉินแล้วก็อดไม่ได้อุทานออกมาว่า “ว้าว หล่อจังเลย ดูหน้าคุ้นๆนะ คุณคือดาราเหรอคะ?”
แฟนของเธอเป็นผู้ชายผิวดำตัวสูงใหญ่ เห็นแฟนตัวเองกรี๊ดและทำท่าหลงใหลผู้ชายคนอื่น ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
เขาบีบเอวเธอ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า: “หล่อแล้วจะทำให้เธออิ่มเหรอ? เมื่อกี้ยังเหนื่อยไม่พอเหรอ?”
ผู้หญิงถูกบีบจนเจ็บและร้องออกมา “โอ๊ย~ คนอื่นยังดูอยู่เลยนะ อย่าบีบสิ ฉันอายคนอื่นเขานะ”
“เห็นหนุ่มหล่อเธอก็อายเลยเหรอ? ดูแล้ว ฉันคงยังสั่งสอนเธอได้ไม่ดีสินะ”
ผู้ชายโกรธจนแบกตัวผู้หญิงขึ้นมาไว้บนบ่า แล้วเดินกลับเข้าห้องไป
แม้ประตูจะปิดลงแล้ว แต่เสียงกรีดร้องที่ดุเดือดและร่าเริงของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
เย้นหว่านยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู รู้สึกเขินจนหน้าแดงระเรื่อ
แล้วมองไปที่โห้หลีเฉิน ทันใดนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้จองห้องทั้งชั้น……