ถือว่าไม่ขายหน้าจวนตระกูลเจี่ยจริงๆ มู่อวิ๋นซียอมแพ้อย่างสิ้นเชิง
นางหน้าไม่อาย!
“ท่านย่า” นางลุกขึ้น “เรื่องแดงดุจท้อเมื่อคืนยังจัดการไม่เสร็จ ข้าขอตัวไปดูก่อนนะเจ้าคะ”
“เจ้าไม่ปวดท้องแล้วหรือ? สักพักให้หมอหลวงจ้าวไปดูอาการให้เจ้า……”
“ท่านย่า!” มู่อวิ๋นซีหัวเราะขัดจังหวะคำพูดขององค์หญิงใหญ่ “อาจเป็นเพราะเมื่อกี้ข้าทานเร็วไปหน่อยถึงได้รู้สึกปวดท้อง ตอนนี้หายแล้ว ไม่ปวดแม้แต่นิดเดียว สักพักหมอหลวงจ้าวก็จะมาแล้ว ยังไงก็ให้เขาดูอาการให้ท่านพี่เถิด แผลของนางไม่อาจจะยื้อต่อไปได้แล้ว”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้าและจับมือของมู่อวิ๋นซีอย่างไม่สบายใจแล้วกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย แม้แต่หมอหลวงจากสำนักหมอหลวงก็ไม่สามารถที่จะรับรองว่ายาจะได้ผลทุกครั้ง กับพี่สาวของเจ้าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ”
แต่ยาสร้างเนื้อ ไม่เคยเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย ในใจมู่อวิ๋นซีนิ่งเงียบ
“ยาสร้างเนื้อเป็นยาวิเศษจริงๆ”
ที่เรือนซือสุ่ย มู่จื่อหลัน มู่จื่อหลันมองไปที่ใบหน้าเรียบๆ ของมู่จื่อโหรวแล้วพูดด้วยความจริงใจ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันใบหน้าของมู่จื่อโหรวถูกผึ่งต่อยกลายเป็นหัวหมู แต่ตอนนี้ บนใบหน้าของนางไม่มีแม้แต่ร่องรอยที่เคยถูกผึ้งต่อย อีกอย่างผิวยังขาวก่อนหน้าที่จะได้รับบาดเจ็บเสียอีก ดูอ่อนเยาว์ไปมาก
“ครั้งนี้ ต้องชมความช่วยเหลือจากคุณหนูรอง” หากไม่ใช่นางที่ทำให้มู่ซิ่วเสียหน้า มู่อวิ๋นซีจะนำยาสร้างเนื้อออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร
หลิ่วเย่ขยิบตาให้มู่จื่อโหรว
มู่จื่อโหรวไม่ยอมที่จะลุกขึ้น พูดฉาบฉวยใส่มู่จื่อหลัน “ขอบคุณพี่รองเจ้าค่ะ”
“พี่น้องตัวเอง สมควรแล้ว” มู่จื่อหลันหัวเราะแล้วพยุงมู่จื่อโหรว จากนั้นเหลือบมองไปที่หลิ่วเย่ “มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ วันนี้จึงได้มาถามฮูหยินเล็ก”
“เรื่องอะไร คุณหนูรองพูดมาเถิด”
มู่จื่อหลันถอนหายใจเบาๆ มองไปที่หลิ่วเย่นิ่งๆ “ฮูหยินเล็กก็เป็นสนม ความขมขื่นของเรื่องนี้น่าจะชัดเจนกว่าข้า ทำไมยังต้องส่งน้องจื่อโหรวให้ไปเป็นสนมอีกล่ะเจ้าคะ?”
หลิ่วเย่แม้จะพยายามอดทน แต่สีหน้ากลับมีความลำบากใจ หากมีวิธีอื่น นางจะนอมให้มู่จื่อโหรวไปเป็นสนมแล้วทำไม?
แต่แทนที่จะปล่อยให้มู่จื่อโหรวแต่งงานไปเมืองนอกและในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอกันอีก ทำไมไม่เอาไว้ให้อยู่ตรงหน้า แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น นางก็ยังจะสามารถช่วยเหลือได้
“คุณหนูรองไม่ใช่รู้แต่ยังจงใจถามหรือ?”
มู่จื่อหลันยิ้ม “หากว่าฮูหยินเล็กไม่อยากให้น้องจื่อโหรวไปเป็นสนมจริงๆ ข้าก็ยังพอมีวิธีอยู่”
“วิธีอะไร เจ้า……”
หลิ่วเย่เหล่ตามองมู่จื่อโหรว เพื่อบอกให้นางหุบปาก จากนั้นมองไปที่มู่จื่อหลัน ในสายตามีความระแวดระวัง “คุณหนูรองต้องการให้ข้าทำอะไร?”
“ฮูหยินเล็กไม่ต้องตกใจไป ไม่ใช่ข้าจะให้ท่านไปทำอะไร แต่ท่านจะยินยอมทำเพื่อน้องจื่อโหรวทำอะไร หากท่านยอม ข้าจะยอมช่วยท่านอีกแรง”
นางค่อยๆ เดินเข้าใกล้หลิ่วเย่ น้ำเสียงทั้งเบาทั้งอ่อนโยน “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ ฮูหยินเล็กก็ไม่ใช่ไม่เคยทำ”
“อะไร?” หลิ่วเย่ประหลาดใจ
มู่จื่อหลันค่อยเอนกายเข้าไปใกล้ๆ ข้างหูหลิ่วเย่ “กำจัดคนที่อยู่ลานหย่งเหอนั้น”
เดิมที นางไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเช่นนี้ แต่มู่อวิ๋นซีกลับกระสับกระส่าย อีกอย่างเมื่อกี้ท่าทีของนางที่มีต่อหล่อน ก็เหมือนนางรู้อะไรเข้าแล้ว ดังนั้นมู่อวิ๋นซีไม่อาจจะปล่อยได้
แต่หากมู่อวิ๋นซีเป็นอะไรไป องค์หญิงใหญ่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่ ดังนั้นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยต้องกำจัดองค์หญิงใหญ่
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!”
สีหน้าหลิ่วเย่แข็งทื่อ ถอยหลังสองก้าว รักษาระยะให้ห่างจากมู่จื่อหลัน “ท่านพ่อของท่านเคยบอกไว้ว่า นางมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีอะไร แต่หากนางตายไป ทางวังหลวงต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดอย่างแน่นอน”
เรื่องขององค์หญิงใหญ่ในครั้งนั้น ถึงแม้นไม่ได้ตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่ที่ตัวนางก็มีความสงสัยอยู่แล้ว
หากมีปัญหาอะไรกับองค์หญิงใหญ่ ก็ถือว่านางเป็นคนทำ นางก็จะเป็นคนแรกที่น่าสงสัย และตอนนี้จะไปแตะต้ององค์หญิงใหญ่ นั้นหมายถึงว่าได้รนหาที่ตายเอง
“ใครบอกจะให้นางตายล่ะ?”
มู่จื่อหลันขวดแก้วออกมาจากแขนเสื้อ ขวดโปร่งใสด้านในสีจุดสีดำจางๆ หนึ่งจุด
“นี่คืออะไร?” หลิ่วเย่ขมวดคิ้ว
“เหาดำ!”
มู่จื่อหลันได้ยื่นขวดแก้วให้กับหลิ่วเย่ “เพียงแค่นางถูกเหาดำกัดเข้าไปหนึ่งที ไม่เกินหนึ่งวันก็จะเกิดอาการหดตัวของหลอดเลือด ฮูหยินเล็กเพียงแค่ดึงเหาดำออกจากร่างกายของนางก่อนที่หมอหลวงจะมาถึง แม้จะเป็นเซียนก็คงคิดว่านางแค่มีอาการหลอดเลือดหดตัวกะทันหันเท่านั้น”
“ถึงตอนนั้น นางคงรักเตียงนอนเป็นคนป่วยติดเตียง ตาเขปากเบี้ยว ดูว่าจะสามารถจัดการเรื่องงานแต่งของน้องจื่อโหรวต่อได้หรือไม่?” นางเหลือบไปมองมู่จื่อโหรว “ถ้านางล้มแล้ว มู่อวิ๋นซีก็ไม่มีที่พึ่งพาอีกต่อไป จากนั้นจะกลั่นแกล้งอย่างไรก็ตามแต่ใจพวกเจ้าหรือ?”
“ดีเลย!” มู่จื่อโหรวตื่นเต้นรีบเข้ามาแย่งขวดแก้วที่อยู่ในมือของหลิ่วเย่แล้วหันหลังเดินออกไป “ข้าจะไปหายายเฒ่านั้น”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
หลิ่วเย่เรียกมู่จื่อโหรวให้หยุด แล้วหยิบเอาขวดแก้วที่อยู่ในมือของมู่จื่อโหรวกลับมา พร้อมหันไปมองมู่จื่อหลัน “วิธีดีขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่ลงมือทำเองล่ะ?”
“ฮูหยินเล็กก็ระแวดระวังเกินไปแล้ว ถึงจะเห็นว่ามีเหาดำ ทุกคนคงต่างคิดว่าคนที่ดูแลนางไม่ระวังเท่านั้น นอกจากนี้ฮูหยินเล็กก็รู้ว่าตอนนี้ฐานะข้าที่อยู่ในตระกูลเจี่ยหากถูกองค์หญิงใหญ่รู้เข้า คงไม่มีผลดีอะไรแน่นอน ครั้งนี้ฮูหยินเล็กไม่ต้องเป็นห่วง เพราะจุดประสงค์ของเราเหมือนกัน”
“ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นเจ้ามาลงมือเอง!”
หลิ่วเย่ยื่นขวดแก้วส่งให้มู่จื่อหลัน “หลังจากทำสำเร็จ ข้าจะขอบคุณมาก”
มู่จื่อหลันหัวเราะเบาๆ “ข้าก็อยาก เพียงแค่เวลาที่เหาดำกัดคนมันเจ็บมาก เมื่อถูกมันกัดจะรู้ตัวทันที ดังนั้นคือต้องการใช้จังหวะ แต่ข้า ไม่มีเวลามากพอที่จะรอให้ถึงจังหวะนั้น”
“จังหวะอะไร?”
“องค์หญิงใหญ่โมโห!”
“ฮูหยินเล็ก!” มีสาวใช้รีบเร่งเดินเข้าประตูมา พร้อมเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูหลิ่วเย่ “คุณหนูรองพาไป่หลิงออกไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลิ่วเย่มองไปที่ขวดแก้วในมือ พร้อมมองมู่จื่อหลัน “โอกาสมาแล้ว”
มู่อวิ๋นซีที่ออกไปแล้ว พร้อมพาไป่หลิงไปที่ตลาดตงซื่อ
ความเร่งรีบและความคึกคักของผู้คน เสียงโห่ร้องดังสนั่น หุ่นไม้ที่เล่นเครื่องดนตรี หน้ากากแปลกๆ ถังหูลู่ที่หวานอมเปรี้ยว ซาลาเปาร้อน……ความทุกข์ในใจของนางค่อยๆ ได้หายไป
“คุณหนู แดงดุจท้อ” ไป่หลิงตรงเข้าไปด้านหน้าของแดงดุจท้อทำปากจู๋ “พวกเราไม่เข้าไปหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ล่ะ ก็แค่เดินเล่นรอบๆ ดูๆแป้งประทินโฉมก็พอแล้ว”
มู่ซิ่วคนนี้ นางจัดการไม่ไหวแล้ว แต่แดงดุจท้อ ของตายพวกนี้ นางคงไม่ยอมสูญเสียไปแม้แต่น้อยแน่นอน
“ทุกท่าน! ที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่าพลาดโอกาส เข้ามาดูก่อนได้ แป้งประทินโฉมชั้นดี ขายราคาถูกๆ”
พ่อค้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเขม่าควันตะโกนเสียงเรียก “แม่นาง ท่านชาย ท่านป้า ท่านลุงทุกๆ ท่านเชิญเข้ามาดู แป้งชาดคุณภาพชั้นดี เหลือเพียงสิบตลับเท่านั้น โอกาสนี้มีแค่ครั้งเดียวในชีวิต มาก่อนได้ก่อน ช้าหมดอดได้นะขอรับ”
มู่อวิ๋นซีเหลือบมองไปที่ไป่หลิง ทั้งสองคนเดินตามคลื่นผู้คนเข้าไป
อยู่บนแผงขายเล็กๆ มีขวดแก้ววางไว้สิบตลับตามที่พ่อค้าบอกจริงๆ แต่ละตลับเป็นสีดำน่าเวทนายิ่งนัก ราวกับว่าเพิ่งแกะออกมาจากขี้เถ้าอย่างไรอย่างนั้น
“ฮึ! นี้ เจ้ายังกล้าบอกว่าแป้งชาดชั้นดี?”
ผู้หญิงคนหนึ่งใช้นิ้วแหย่ไปที่ตลับแป้งชาดด้วยท่าทางรังเกียจ และตอนนี้ปลายนิ้วก็ดำแล้ว