ในตอนที่เสวี่ยเทียนจงหยิบกระบี่หยกโลหิตออกมานี้เอง พลังขั้นสูงสุดนี่มันก็เปลี่ยนรอบๆไปในทันที
“อาวุธขั้นสุดยอด!” หลังจากสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้ สีหน้าของทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!
“ท่าไม่ดีแล้ว รีบหนีไป!” พวกเค้าไม่มีเวลาได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันเลย พวกเค้ารีบหนีไป
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เค้ากำลังจะไล่ตาม แต่เสี่ยวเทียนจงก็พูดขึ้นมาวว่า: “เต่าวิญญาณสำคัญกว่า”
ฉินเฉิงหยุด จากนั้นเค้าก็หันกลับมามองแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
สามคนนี้จะต้องเป็นคนของสำนักยุทธ์โบราณที่รอดชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างแน่นอน ครั้งนี้พวกเค้าต้องการที่จะใช้กระดองเต่าวิญญาณเพื่อชุบชีวิต เกรงว่าจะต้องเป็นคนที่สำคัญของสำนักยุทธ์
เสวี่ยเทียนจงก้าวไปข้างหน้า เค้าถ่ายทอดพลังปราณของเค้าให้กับกระบี่หยกโลหิต จากนั้นเค้าก็ใช้กระบี่ฟันเข้าไป!
กระดองเต่าชิ้นใหญ่มันก็แตกในทันที!
“เลือดนี้เป็นยารสายนเวทของยาเม็ดสวรรค์ มันไม่ควรสูญเปล่านะ” ฉินเฉิงรีบเก็บเลือดที่ไหลออกมาด้วย
“กระดูกนี่มันสามารถหลอมได้ ช่วยฉันตัดมันออกเป็นชิ้นๆ”
“แล้วก็ยังมีเนื้อนั่น อย่างอื่นก็กินได้ มันเป็นยาชูกำลังชั้นดี”
“กระดองเต่าช่วยตัดเป็นชิ้นหน่อย ฉันจะใช้มันทำเกราะ”
“…”
เสวี่ยเทียนจงยุ่งมาก พวกเค้าเก็บเลือดและเนื้อไม่ได้มากนัก มันเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะแบ่งปันกับทุกคน
หลังจากแบ่งกันเรียบร้อยแล้ว เสวี่ยเทียนจงก็รีบเก็บกระบี่หยกโลหิตอย่างเร็ว
“ได้ของกันแล้ว งั้นก็รีบแยกย้ายกันซะ” เสวี่ยเทียนจงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “อืม ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกมันจะฟื้นเมื่อไหร่”
พวกเค้าต่างก็รวบรวมของแล้วเตรียมที่จะออกไป
ก่อนออกไป จู่ๆเสวี่ยเทียนจงก็ตะโกนเรียกฉินเฉิงให้หยุด
เค้าพูดกับฉินเฉิงว่า: “นายเป็นหมอยา ถ้ามีโอกาส ฉันหวังว่านายจะสามารถช่วยฉันกลั่นยาได้ เมื่อถึงเวลาฉันจะบอก”
“ไม่มีปัญหา” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
“พี่ฉิน ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วหละก็ ทำไมไม่ไปที่บ้านตระกูลเซียงซะหน่อยหละ” เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่หละ ไว้โอกาสหน้าหละกัน”
“พี่ฉิน อีกไม่กี่วันฉันจะไปเหยียนเซี่ย” จู่ๆเซี่ยงเหม่ยเอ๋อก็พูดขึ้นมา
“ไปที่เหยียนเซี่ย? หรือว่าจะมีเจ้าแห่งโอสถถือกำเนิดขึ้นมาอีกแล้ว?” ฉินเฉิงพูดติดตลก
เซียงเหม่ยเอ๋อส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่ใช่เจ้าแห่งโอสถ แต่เป็นสุสานโบราณ งั้นฉันไปเหยี่ยนเซี่ยแล้วฉันจะติดต่อนายไป”
“อืม” ฉินเฉิงตอบตกลงแล้วเดินออกไปจากที่นี่
…
ในตอนนี้เอง เมืองจิงตูมันก็ไม่ได้เงียบสงบ
ที่ด้านในห้องโถงของเสิ่นหยุนวิลล่า
ซูหยู่เปล่งแสงสีดำออกมาทั่วร่างทั้งร่างกายของเค้า ร่างกายของเค้ามันแทบจะเน่าเปื่อยไปหมด! มันดูน่ากลัวมาก!
“อ๊า…” เสียงคำรามที่ออกมาจากปากของเค้ามันดูน่าตกใจ มันดูราวกับสัตว์เดรัจฉาน!
แต่ในอนนี้เอง พลังของซูหยู่ก็สูงขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! แม้แต่ซูฉีไห่ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเค้าก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย
“หยูเอ๋อ หรือว่าจะ… ลืมมันไปซะ” ซูฉีไห่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อเห็นท่าทีของซูหยู่ หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว แววตาของซูหยู่ก็ “ฉับ” แล้วจ้องมองไปที่ซูฉีไห่!
พลังแห่งการสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมซูฉีไห่ในทันที!
สีหน้าของซูฉีไห่เปลี่ยนไป เค้าก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว เค้าขมวดคิ้วขึ้นมา
ซูหยู่จ้องไปที่ซูฉีไห่อยู่นาน จากนั้นเค้าก็กำจัดพลังแห่งการสังหารของเค้าทิ้งไป
เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “พ่อ… นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา… มันจะจบลงเร็วๆ นี้ ทำไมตอนนี้พ่อถึงจะมายอมแพ้…”
ซูฉีไห่กัดฟันแล้วพูดว่า: “ถ้าการจะฆ่าฉินเฉิงมันจะต้องทำให้ลูกกลายเป็นแบบนี้ พ่อไม่อยากทำแล้ว!”
ซูหยู่หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า: “พ่อ ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก… ดีขึ้นกว่าเดิมมาก! วันนี้ผมอยู่ยงคงกระพันในโลกนี้ มันจะไม่มีใครฆ่าผมได้!”
“ฉินเฉิงมีร่างกายที่แข็งแรง แต่ร่างกายของผมแข็งแกร่งกว่ามัน!” ซูหยู่ตะโกนขึ้นมาแล้วเศษซากบนร่างของเค้าก็กลายเป็นกล้ามเนื้อที่น่ากลัวในทันที!
“ปู่ของผมแข็งแกร่งและทรงพลัง ผมเองก็ทำได้เหมือนกัน!” ซูหยูาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด “เพียงแค่สั่งเท่านั้น ทุกตระกูลในตอนเหนือจะต้องเชื่อฟังผม! จากนั้นเค้าจะต้องสละสมบัติทั้งหมดให้ผม!”
คิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งที่ซูหยู่คิด มันจะตรงกับฉินเฉิง! โชคดีจริงๆ!
“รอก่อนเถอะ รอผมฆ่าฉินเฉิงได้ ผมจะไปฆ่าไปแก่ที่ไม่รู้จักตายนั้นแล้วตระกูลซูจะกลายเป็นของเราสองคน!” ในตอนนี้เอง ความทะเยอทะยานขอซูหยู่ก็มีอยู่อย่างล้นหลาม หลังจากถูกวิญญาณนี้เข้าสิงแล้ว ซูหยู่ก็ไม่มีความกลัวอะไรในหัวใจของเค้าเลย!
สีหน้าของซูฉีไห่ดูไม่ได้เลย แต่เค้าไม่รู้จะพูดอะไร
ในตอนนี้เอง จู่ๆเค้าก็กำลังสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันถูกหรือผิด?
“อีกหนึ่งเดือน มันจะเป็นวันเกิดของปู่ของลูก” หลังจากลังเลอยู่นาน ซูฉีไห่ก็พูดออกมาว่า “หรือว่าลูกจะไม่ต้องไปแล้ว”
“ไปสิ ทำไมผมจะไม่ไป” ซูหยู่เยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมยังมีการแสดงสนุกๆด้วยนะ!”
หลังจากนั้น ซูหยู่ก็หันหลังแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ซูหยู่ที่ยืนอยู่ในห้อง ปากของเค้าก็บ่นพึมพำตลอด ในปากของเค้ามันก็มีเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นมา
ด้วยเสียงที่ดังขึ้นมานี้เอง นัยน์ตาของหัวหน้าตระกูลใหญ่หลายตระกูลที่พึ่งพาตระกูลซูในตอนเหนือของเหยียนเซี่ยก็ดูหม่นหมองลงเล็กน้อย
หลังจากนั้น ก็มีเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นมาในใจของพวกเค้า: ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกแกคือหุ่นเชิดของฉันซูหยู่
“ครับ…” พวกเค้าไม่ได้ตอบจากความรู้สึกของตัวเอง
…
ที่สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู
“เรื่องนี้ยังตรวจสอบไม่เจออีกเหรอ” เลขาเจิ้งนั่งอยู่ในห้องประชุม เค้ามองไปที่กรรมการหลายคนอย่างเย็นชา
ชางโจวปาดเหงื่อแล้วพูดช้าๆขึ้นมาว่า: “ไม่มี วิธีการของอีกฝ่ายมันแปลกเกินไป มันเหมือนกับ…”
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว!” เลขาเจิ้งตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมาพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ในเมื่อเย่อซิงหยุนกีดกันเราจากสถานะอย่างเป็นทางการ สถานะของเราก็แย่ลงเรื่อยๆทุกวัน! ตอนนี้ก็ยังมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก ข้างบนต่างก็คิดว่ายังจำเป็นต้องเก็บพวกเราไว้ไหม!”
“ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างก็อยู่ภายใต้ความกดดัน พวกแกกิน***กันเหรอ!” เลขาเจิ้งกำหมัดของตัวเองแล้วพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
ทุกคนต่างก็เหงื่อแตก พวกเค้าไม่กล้าเถียงอะไรเลย
“ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้เลย” ในตอนนี้เอง จู่ๆชางโจวก็พูดขึ้นมา
“แต่ว่าผมมีวิธี” ชางโจวยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของตัวเอง
เลขาเจิ้งเหลือบมองเค้าแล้วพูดอย่างไม่อดทนว่า: “พูดสิ”
ชางโจวค่อยๆพูด: “ตอนนี้เราไปหาแพะมารับบาป”
“แพะรับบาป?” เลขาเจิ้งขมวดคิ้วขึ้นในทันที “หมายความว่ายังไง?”
“ผมจะให้คุณดูเอกสารก่อน” ชางโจวหยิบไฟล์วิดีโอออกมาแล้วฉายขึ้นบนหน้าจอ
ฉากนี้ก็ฉายขึ้นมาบนหน้าจออย่างรวดเร็ว
ฉากนี้เป็นฉากที่ฉินเฉิงใช้วิชากลืนวิญญาณ
วิดีโอทั้งสามถูกแอบถ่ายโดยพวกเค้า
“ดูสิ เทคนิคของไอ่หมอนี่ มันต่างจากของฆาตกรตรงไหนกัน?” ชางโจวชี้ไปที่ฉินเฉิงที่อยู่บนหน้าจอแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย