ทุกผู้คนต่างหันไปมองจางถูด้วยใบหน้าสงสาร ตอนนี้ความหวังความภาคภูมิใดๆ ของเขาย่อมจะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี
ทุกผู้คนต่างเห็นได้ชัดเจนว่าหวู่ซ่งนี้ไม่ได้แสร้งทำแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้ผิวกายของหวู่ซ่งนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและปล่อยควันไอร้อนออกมาแล้ว
“ฮ่าๆ สดชื่น! สดชื่นเสียจริงๆ! น้องจี้ สุราของเจ้านี้มันสุราสวรรค์ชัดๆ!” หวู่ซ่งกล่าวด้วยเสียงหัวเราะลั่น
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “เมื่อดื่มสุรานี้ไปแล้วก็คงไม่ต้องใช้ปราณเทวะปัดเป่าความหนาวใดๆ ไปอีกนับครึ่งเดือนทีเดียว”
หวู่ซ่งพยักหน้ารับออกมา “ข้ารู้สึกได้ถึงสุราที่เผาไหม้อยู่ในท้องราวกับเป็นบ่อน้ำร้อนจากใต้ดินค่อยๆ ไหลส่งผ่านไปทั่วทั้งร่างกายข้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเช่นนี้แล้วต่อให้จะไม่ใช้ปราณเทวะช่วยใดๆ มันก็คงอยู่ได้สบายๆ ไปอีกเป็นสิบๆ วัน! สาดตะวันโอบ ฮ่าๆ สุรานี้มันช่างสมชื่อจริงๆ ตอนนี้ข้ารู้สึกราวกับว่ากำลังได้อยู่ในอ้อมกอดของดวงตะวันก็มิปาน!”
ที่ด้านข้างเวลานี้หวู่หลิงได้แต่นั่งน้ำลายย้อยอย่างอิจฉา
นางนั้นหันไปหาเย่หยวนด้วยท่าทางออดอ้อน “พี่จี้ ขอข้าดื่มบ้างสิ”
“เจ้า?” เย่หยวนได้แต่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
หวู่หลิงที่ได้เห็นนั้นจึงเข้าใจทันทีจนใบหน้าของนางนั้นแดงก่ำไปจนถึงใบหู
“ฮ่าๆ…”
เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่น
“สาวน้อย อย่าได้กังวล ถอดเลย เราจะถือว่าเราไม่เห็นก็แล้วกัน!”
“จะกลัวสิ่งใดเล่า สาวสุดอุดรเรามันก็ไม่ต่างอะไรจากชายหนุ่มหรอก!”
“ฮ่าๆ…”
…
เสียงหัวเราะเกิดขึ้นทั่วจนเวลานี้หวู่หลิงแทบจะอยากมุดหน้าลงกับพื้นดิน
แต่ในตอนนั้นเองที่กลับมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ข้าอยากดื่มมันบ้างจะได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็สะท้านไปทั้งกาย
“นั่นมันดาบสายฟ้าหวางเหิง! หากเจ้าเด็กคนนี้กล้าไม่เอาสุราให้เขาแล้ว ดูท่าคงไม่ได้รอดกลับออกไปแน่!” มีเสียงพูดขึ้น
“หึ หวางเหิงนั้นเป็นคนเถื่อนอย่างแท้จริง มีอะไรไม่ถูกใจก็ฟันทิ้งทันที ที่สำคัญคนทั้งหลายที่เคยประมือกับเขาไม่เคยจะรอดเกิดสามดาบด้วย!”
เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็เริ่มแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาอีกครั้ง
เด็กคนนี้มันสร้างเรื่องราวใหญ่โต สุดท้ายมันย่อมจะมีคนก้าวออกมาจัดการแน่นอน
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดจะหันไปมองหวางเหิงแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ เทขวดสุรานั้นออกมาใส่จอกจนเต็มเปี่ยมก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ชิ วางท่าใหญ่โต สุดท้ายก็ยอมแพ้มิใช่หรือ?” หวู่หวิงได้แต่กระซิบพูด
หวางเหิงเองที่ได้เห็นก็ยิ้มออกมาพร้อมน้ำลายที่ไหลย้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปเตรียมรับ
แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับยกจอกสุรานั้นดื่มเสียเอง
หวางเหิงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยมือที่ค้างเติ่ง ไม่อาจจะถอยหลังกลับได้
“เด็กน้อย เจ้าหลอกข้า?” หวางเหิงร้องถามขึ้น
“ข้าก็บอกไปแล้วว่าจะให้แค่พี่หวู่เขาดื่ม เจ้าว่าข้าล้อเล่นหรือ? ให้เจ้าดื่มตอนนี้ข้าก็เสียหน้าหมดสิ?” เย่หยวนตอบ
คนทั้งหลายที่คิดแต่มองดูไม่คิดช่วยเหลือใดๆ ตอนนี้ทุกผู้คนย่อมต่างจะอยากเข้ามาขอสุราดื่มบ้าง มีหรือที่เย่หยวนจะยอมให้ไปง่ายๆ เช่นนั้น
เมื่อได้เห็นสีหน้าของหวางเหิงดำมืดลงคนทั้งหลายก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เด็กคนนี้มันสร้างเรื่องได้เก่งจริงๆ
ไปหาเรื่องจางถูยังไม่พอ ตอนนี้ยังไปหาเรื่องหวางเหิงอีก
เจ้าหมอนี่มันคิดรนหาที่ตายจริงๆ หรือ?
“เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วใช่ไหม? ถึงกล้าไปท้าทายดาบสายฟ้าหวางเหิงเช่นนั้น!”
“หวางเหิงนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้สี่ดาว ว่ากันว่าเขาเคยปะทะกับเทพถ่องแท้ห้าดาวและรอดตัวกลับมาได้ด้วย เจ้าเด็กคนนี้คงเบื่อชีวิตแล้ว!”
…
เมื่อได้เห็นท่าทางรนหาที่ตายของเย่หยวนทุกผู้คนก็หน้าถอดสีลง
เมื่อหวู่ซ่งได้เห็นเช่นนั้นความมึนเมาใดๆ ของเขาก็สร่างขึ้นมาแทบจะทันที
“น้องจี้ อย่าเลย! แค่สุราจอกเดียว นี่มัน… นี่มันดาบสายฟ้าหวางเหิงเชียวนะ!”.ไอรีนโนเวล
หวางเหิงนั้นมีชื่อเสียงลื่อลั่นมาก หวู่ซ่งเองก็ย่อมจะเคยได้ยินนามนั้นมาก่อน
เย่หยวนและหนิงเทียนปิงทั้งสองคนในเวลานี้ได้ปกปิดพลังบ่มเพาะของตนเองอยู่ ทำให้ในสายตาของคนทั้งหลายนั้นพวกเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุไม่กี่พันปี มีหรือที่จะเก่งกาจมากมายได้?
เพราะฉะนั้นคนในโรงเตี๊ยมนี้จึงไม่คิดจะสนใจพวกเขามากมาย
“หึๆ สายไปแล้ว! กล้ามาขัดทำลายหน้าหวางเหิงผู้นี้ มันต้องตาย! ฆ่าเจ้าเด็กคนนี้แล้วข้าก็จะยังไม่ได้ดื่มสุรานั้นอีกหรือ?”
พูดจบหวางเหิงก็ชักดาบออกมาพร้อมใช้แนวคิดแห่งน้ำแข็งและแนวคิดแห่งสายฟ้าพร้อมกัน
หวางเหิงผู้นี้กลับสามารถผสานแนวคิดแห่งน้ำแข็งและสายฟ้าเข้าด้วยกันได้!
มันจึงทำให้ดาบนี้มีคลื่นพลังอันแสนรุนแรงหนักหน่วง
“จบแล้ว ตายแน่!”
“เจ้าเด็กคนนี้มันหัวรั้นจริงๆ!”
“ใช่ไหมเล่า? แค่สุราจอกเดียว”
…
ขณะที่ทุกผู้คนต่างแสดงความสงสารออกมาดาบนั้นมันก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเย่หยวน
จากนั้นมันกลับกลายเป็นความเงียบงันทั่วโรงเตี๊ยม
เพราะเย่หยวนนั้นกลับใช้มือรับดาบของหวางเหิงไว้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่การจับเบาๆ นี่มันกลับทำให้พลังแนวคิดอันรุนแรงใดๆ จางหายไปสิ้น
จางถูได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงไม่คิดอยากเชื่อสายตา
เพราะพลังของดาบสายฟ้าที่หวางเหิงใช้นั้นมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังของเขาเลย แต่ดาบนั้นมันกลับถูกเจ้าเด็กคนนี้จับไว้ง่ายๆ เช่นนั้น?
หวางเหิงเองก็ตกตะลึงอย่างมากด้วยความหวาดกลัว เขาได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างมึนงงพร้อมพยายามจะดึงดาบกลับ
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากมายปานใดมันก็ไม่อาจจะดึงดาบนี้ออกมามือของเย่หยวนได้เลย
“ป-ปล่อยนะ! หากยังไม่ปล่อยอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้ว!” หวางเหิงร้องขู่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ร้องขึ้น ‘โอ้’ ก่อนจะปล่อยมือออกทันที
ในตอนนี้หวางเหิงใส่แรงทั้งหมดไปกับการดึงดาบกลับ เมื่อจู่ๆ เย่หยวนกลับปล่อยดาบออกตัวเขาย่อมจะล้มหัวทิ่มหงายหลังตีลังกาลงทันที
“ก็เจ้าบอกให้ข้าปล่อยเองแท้ๆ เหตุใดไม่เตรียมตัวดีๆ เล่า?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยใบหน้ามึนงง
มีหรือที่ตัวหวางเหิงจะเคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน? เขารีบร้อนตะโกนขึ้นทันที “เด็กเวร เจ้ารนหาที่ตายแล้ว! ดาบแสงยะเยือก! ไปตายเสียเถอะ!”
ครั้งนี้หวางเหิงยิ่งปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาหนักแน่นกว่าเก่า
นี่มันคือสุดยอดวิชาเท่าที่เขาจะใช้ได้ในเวลานี้แล้ว
นั่นทำให้สีหน้าของทุกผู้คนซีดเผือดลง
ก่อนจะมีคนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง “นี่มันคือพลังที่แท้จริงของหวางเหิง! คลื่นพลังนี้มันคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพถ่องแท้ห้าดาวเลยใช่หรือไม่?”
แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าก็อุตส่าห์ไว้ชีวิตเจ้าแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าอยากจะตายลงจริงๆ ข้าก็จะส่งเจ้าไปให้”
จากนั้นภายใต้สายตาของทุกผู้คนเย่หยวนก็ใช้นิ้วชี้ออกมารับดาบสายฟ้าของหวางเหิงไว้
“อ่อก!”
คลื่นพลังแนวคิดผสานใดๆ ต่างจางหายไปในอากาศ
ตอนนี้ร่างของหวางเหิงได้แตกสลายกลายเป็นแค่หมอกเลือดสีแดง
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัดส่งหมอกนั้นจางหายไป
นั่นมันทำให้เกิดความเงียบงันเข้าปกคลุมภายในโรงเตี๊ยม ทุกผู้คนต่างมองมายังเย่หยวนราวกับได้เห็นผี
นี่คือดาบสายฟ้าหวางเหิง!
แต่เขากลับตายลงง่ายๆ เช่นนี้?
เจ้าหมอนี่มันจับสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำด้วยมือเปล่า เช่นนั้นแล้วร่างกายของมันจะต้องแข็งแกร่งปานใด?
ที่แท้แล้วเจ้าเด็กคนนี้มันไม่ได้อวดโม้ใดๆ เลยเรื่องที่ว่าไม่กลัวความหนาวเย็น
มีหรือที่ผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งถึงขั้นรับมือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำได้จะไปกลัวความหนาวใด?
จางถูได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง สีหน้าของเขานั้นเปลี่ยนสีไปมาไม่มีหยุดราวกับเป็นกิ้งก่าคาเมเลี่ยน
ตอนนี้เขาได้แต่คิดในใจว่าตนนั้นโชคดีมากเหลือ โชคดีที่ผู้โจมตีเมื่อสักครู่นี้มันเป็นหวางเหิงและไม่ใช่ตัวเขา
ไม่เช่นนั้นแล้วตัวเขาก็คงมีสภาพไม่ต่างจากหวางเหิง
เจ้าเด็กคนนี้… มันเก่งกาจปานนั้นได้อย่างไร?
“ข้าแค่มารอคน พวกเจ้าอย่าได้รบกวนข้า สุรานี้เองวันหน้าพวกเจ้าก็คงหาซื้อดื่มได้ เพียงแค่ว่าจะมีปัญญาจ่ายไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่ง” เย่หยวนหันไปบอกคนทั้งหลาย
เขานั้นรินสุราลงจอกของตนและหนิงเทียนปิงก่อนจะยกขึ้นดื่มลงไป
ทุกผู้คนที่เห็นต่างมึนงง ไหนเมื่อกี้ว่า… ดื่มจอกที่สองแล้วจะสลบไปไงเล่า?
………………………………….
ทุกผู้คนต่างหันไปมองจางถูด้วยใบหน้าสงสาร ตอนนี้ความหวังความภาคภูมิใดๆ ของเขาย่อมจะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี
ทุกผู้คนต่างเห็นได้ชัดเจนว่าหวู่ซ่งนี้ไม่ได้แสร้งทำแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้ผิวกายของหวู่ซ่งนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและปล่อยควันไอร้อนออกมาแล้ว
“ฮ่าๆ สดชื่น! สดชื่นเสียจริงๆ! น้องจี้ สุราของเจ้านี้มันสุราสวรรค์ชัดๆ!” หวู่ซ่งกล่าวด้วยเสียงหัวเราะลั่น
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “เมื่อดื่มสุรานี้ไปแล้วก็คงไม่ต้องใช้ปราณเทวะปัดเป่าความหนาวใดๆ ไปอีกนับครึ่งเดือนทีเดียว”
หวู่ซ่งพยักหน้ารับออกมา “ข้ารู้สึกได้ถึงสุราที่เผาไหม้อยู่ในท้องราวกับเป็นบ่อน้ำร้อนจากใต้ดินค่อยๆ ไหลส่งผ่านไปทั่วทั้งร่างกายข้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเช่นนี้แล้วต่อให้จะไม่ใช้ปราณเทวะช่วยใดๆ มันก็คงอยู่ได้สบายๆ ไปอีกเป็นสิบๆ วัน! สาดตะวันโอบ ฮ่าๆ สุรานี้มันช่างสมชื่อจริงๆ ตอนนี้ข้ารู้สึกราวกับว่ากำลังได้อยู่ในอ้อมกอดของดวงตะวันก็มิปาน!”
ที่ด้านข้างเวลานี้หวู่หลิงได้แต่นั่งน้ำลายย้อยอย่างอิจฉา
นางนั้นหันไปหาเย่หยวนด้วยท่าทางออดอ้อน “พี่จี้ ขอข้าดื่มบ้างสิ”
“เจ้า?” เย่หยวนได้แต่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
หวู่หลิงที่ได้เห็นนั้นจึงเข้าใจทันทีจนใบหน้าของนางนั้นแดงก่ำไปจนถึงใบหู
“ฮ่าๆ…”
เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่น
“สาวน้อย อย่าได้กังวล ถอดเลย เราจะถือว่าเราไม่เห็นก็แล้วกัน!”
“จะกลัวสิ่งใดเล่า สาวสุดอุดรเรามันก็ไม่ต่างอะไรจากชายหนุ่มหรอก!”
“ฮ่าๆ…”
…
เสียงหัวเราะเกิดขึ้นทั่วจนเวลานี้หวู่หลิงแทบจะอยากมุดหน้าลงกับพื้นดิน
แต่ในตอนนั้นเองที่กลับมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ข้าอยากดื่มมันบ้างจะได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็สะท้านไปทั้งกาย
“นั่นมันดาบสายฟ้าหวางเหิง! หากเจ้าเด็กคนนี้กล้าไม่เอาสุราให้เขาแล้ว ดูท่าคงไม่ได้รอดกลับออกไปแน่!” มีเสียงพูดขึ้น
“หึ หวางเหิงนั้นเป็นคนเถื่อนอย่างแท้จริง มีอะไรไม่ถูกใจก็ฟันทิ้งทันที ที่สำคัญคนทั้งหลายที่เคยประมือกับเขาไม่เคยจะรอดเกิดสามดาบด้วย!”
เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็เริ่มแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาอีกครั้ง
เด็กคนนี้มันสร้างเรื่องราวใหญ่โต สุดท้ายมันย่อมจะมีคนก้าวออกมาจัดการแน่นอน
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดจะหันไปมองหวางเหิงแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ เทขวดสุรานั้นออกมาใส่จอกจนเต็มเปี่ยมก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ชิ วางท่าใหญ่โต สุดท้ายก็ยอมแพ้มิใช่หรือ?” หวู่หวิงได้แต่กระซิบพูด
หวางเหิงเองที่ได้เห็นก็ยิ้มออกมาพร้อมน้ำลายที่ไหลย้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปเตรียมรับ
แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับยกจอกสุรานั้นดื่มเสียเอง
หวางเหิงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยมือที่ค้างเติ่ง ไม่อาจจะถอยหลังกลับได้
“เด็กน้อย เจ้าหลอกข้า?” หวางเหิงร้องถามขึ้น
“ข้าก็บอกไปแล้วว่าจะให้แค่พี่หวู่เขาดื่ม เจ้าว่าข้าล้อเล่นหรือ? ให้เจ้าดื่มตอนนี้ข้าก็เสียหน้าหมดสิ?” เย่หยวนตอบ
คนทั้งหลายที่คิดแต่มองดูไม่คิดช่วยเหลือใดๆ ตอนนี้ทุกผู้คนย่อมต่างจะอยากเข้ามาขอสุราดื่มบ้าง มีหรือที่เย่หยวนจะยอมให้ไปง่ายๆ เช่นนั้น
เมื่อได้เห็นสีหน้าของหวางเหิงดำมืดลงคนทั้งหลายก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เด็กคนนี้มันสร้างเรื่องได้เก่งจริงๆ
ไปหาเรื่องจางถูยังไม่พอ ตอนนี้ยังไปหาเรื่องหวางเหิงอีก
เจ้าหมอนี่มันคิดรนหาที่ตายจริงๆ หรือ?
“เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วใช่ไหม? ถึงกล้าไปท้าทายดาบสายฟ้าหวางเหิงเช่นนั้น!”
“หวางเหิงนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้สี่ดาว ว่ากันว่าเขาเคยปะทะกับเทพถ่องแท้ห้าดาวและรอดตัวกลับมาได้ด้วย เจ้าเด็กคนนี้คงเบื่อชีวิตแล้ว!”
…
เมื่อได้เห็นท่าทางรนหาที่ตายของเย่หยวนทุกผู้คนก็หน้าถอดสีลง
เมื่อหวู่ซ่งได้เห็นเช่นนั้นความมึนเมาใดๆ ของเขาก็สร่างขึ้นมาแทบจะทันที
“น้องจี้ อย่าเลย! แค่สุราจอกเดียว นี่มัน… นี่มันดาบสายฟ้าหวางเหิงเชียวนะ!”.ไอรีนโนเวล
หวางเหิงนั้นมีชื่อเสียงลื่อลั่นมาก หวู่ซ่งเองก็ย่อมจะเคยได้ยินนามนั้นมาก่อน
เย่หยวนและหนิงเทียนปิงทั้งสองคนในเวลานี้ได้ปกปิดพลังบ่มเพาะของตนเองอยู่ ทำให้ในสายตาของคนทั้งหลายนั้นพวกเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุไม่กี่พันปี มีหรือที่จะเก่งกาจมากมายได้?
เพราะฉะนั้นคนในโรงเตี๊ยมนี้จึงไม่คิดจะสนใจพวกเขามากมาย
“หึๆ สายไปแล้ว! กล้ามาขัดทำลายหน้าหวางเหิงผู้นี้ มันต้องตาย! ฆ่าเจ้าเด็กคนนี้แล้วข้าก็จะยังไม่ได้ดื่มสุรานั้นอีกหรือ?”
พูดจบหวางเหิงก็ชักดาบออกมาพร้อมใช้แนวคิดแห่งน้ำแข็งและแนวคิดแห่งสายฟ้าพร้อมกัน
หวางเหิงผู้นี้กลับสามารถผสานแนวคิดแห่งน้ำแข็งและสายฟ้าเข้าด้วยกันได้!
มันจึงทำให้ดาบนี้มีคลื่นพลังอันแสนรุนแรงหนักหน่วง
“จบแล้ว ตายแน่!”
“เจ้าเด็กคนนี้มันหัวรั้นจริงๆ!”
“ใช่ไหมเล่า? แค่สุราจอกเดียว”
…
ขณะที่ทุกผู้คนต่างแสดงความสงสารออกมาดาบนั้นมันก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเย่หยวน
จากนั้นมันกลับกลายเป็นความเงียบงันทั่วโรงเตี๊ยม
เพราะเย่หยวนนั้นกลับใช้มือรับดาบของหวางเหิงไว้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่การจับเบาๆ นี่มันกลับทำให้พลังแนวคิดอันรุนแรงใดๆ จางหายไปสิ้น
จางถูได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงไม่คิดอยากเชื่อสายตา
เพราะพลังของดาบสายฟ้าที่หวางเหิงใช้นั้นมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังของเขาเลย แต่ดาบนั้นมันกลับถูกเจ้าเด็กคนนี้จับไว้ง่ายๆ เช่นนั้น?
หวางเหิงเองก็ตกตะลึงอย่างมากด้วยความหวาดกลัว เขาได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างมึนงงพร้อมพยายามจะดึงดาบกลับ
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากมายปานใดมันก็ไม่อาจจะดึงดาบนี้ออกมามือของเย่หยวนได้เลย
“ป-ปล่อยนะ! หากยังไม่ปล่อยอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้ว!” หวางเหิงร้องขู่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ร้องขึ้น ‘โอ้’ ก่อนจะปล่อยมือออกทันที
ในตอนนี้หวางเหิงใส่แรงทั้งหมดไปกับการดึงดาบกลับ เมื่อจู่ๆ เย่หยวนกลับปล่อยดาบออกตัวเขาย่อมจะล้มหัวทิ่มหงายหลังตีลังกาลงทันที
“ก็เจ้าบอกให้ข้าปล่อยเองแท้ๆ เหตุใดไม่เตรียมตัวดีๆ เล่า?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยใบหน้ามึนงง
มีหรือที่ตัวหวางเหิงจะเคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน? เขารีบร้อนตะโกนขึ้นทันที “เด็กเวร เจ้ารนหาที่ตายแล้ว! ดาบแสงยะเยือก! ไปตายเสียเถอะ!”
ครั้งนี้หวางเหิงยิ่งปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาหนักแน่นกว่าเก่า
นี่มันคือสุดยอดวิชาเท่าที่เขาจะใช้ได้ในเวลานี้แล้ว
นั่นทำให้สีหน้าของทุกผู้คนซีดเผือดลง
ก่อนจะมีคนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง “นี่มันคือพลังที่แท้จริงของหวางเหิง! คลื่นพลังนี้มันคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพถ่องแท้ห้าดาวเลยใช่หรือไม่?”
แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าก็อุตส่าห์ไว้ชีวิตเจ้าแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าอยากจะตายลงจริงๆ ข้าก็จะส่งเจ้าไปให้”
จากนั้นภายใต้สายตาของทุกผู้คนเย่หยวนก็ใช้นิ้วชี้ออกมารับดาบสายฟ้าของหวางเหิงไว้
“อ่อก!”
คลื่นพลังแนวคิดผสานใดๆ ต่างจางหายไปในอากาศ
ตอนนี้ร่างของหวางเหิงได้แตกสลายกลายเป็นแค่หมอกเลือดสีแดง
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัดส่งหมอกนั้นจางหายไป
นั่นมันทำให้เกิดความเงียบงันเข้าปกคลุมภายในโรงเตี๊ยม ทุกผู้คนต่างมองมายังเย่หยวนราวกับได้เห็นผี
นี่คือดาบสายฟ้าหวางเหิง!
แต่เขากลับตายลงง่ายๆ เช่นนี้?
เจ้าหมอนี่มันจับสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำด้วยมือเปล่า เช่นนั้นแล้วร่างกายของมันจะต้องแข็งแกร่งปานใด?
ที่แท้แล้วเจ้าเด็กคนนี้มันไม่ได้อวดโม้ใดๆ เลยเรื่องที่ว่าไม่กลัวความหนาวเย็น
มีหรือที่ผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งถึงขั้นรับมือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำได้จะไปกลัวความหนาวใด?
จางถูได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง สีหน้าของเขานั้นเปลี่ยนสีไปมาไม่มีหยุดราวกับเป็นกิ้งก่าคาเมเลี่ยน
ตอนนี้เขาได้แต่คิดในใจว่าตนนั้นโชคดีมากเหลือ โชคดีที่ผู้โจมตีเมื่อสักครู่นี้มันเป็นหวางเหิงและไม่ใช่ตัวเขา
ไม่เช่นนั้นแล้วตัวเขาก็คงมีสภาพไม่ต่างจากหวางเหิง
เจ้าเด็กคนนี้… มันเก่งกาจปานนั้นได้อย่างไร?
“ข้าแค่มารอคน พวกเจ้าอย่าได้รบกวนข้า สุรานี้เองวันหน้าพวกเจ้าก็คงหาซื้อดื่มได้ เพียงแค่ว่าจะมีปัญญาจ่ายไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่ง” เย่หยวนหันไปบอกคนทั้งหลาย
เขานั้นรินสุราลงจอกของตนและหนิงเทียนปิงก่อนจะยกขึ้นดื่มลงไป
ทุกผู้คนที่เห็นต่างมึนงง ไหนเมื่อกี้ว่า… ดื่มจอกที่สองแล้วจะสลบไปไงเล่า?
………………………………….