ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 452 ความรักเป็นเรื่องที่ทำให้คนเป็นบ้า

เขาไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เกิดความเข้าใจผิดของเจียงฉยงฉยงในตอนนี้ เขาต้องถามให้ชัดเจน

“ฉยงฉยง คุณบอกว่าผมรับโทรศัพท์กับส่งข้อความหาคนอื่นลับหลังคุณตลอด ผมปิดบังคุณไม่ได้หรอก เรื่องพวกนั้นผมเคยทำจริงๆ”

คำพูดของเจียงอี้ฝานเบาลง สายตาของเจียงฉยงฉยงเปลี่ยนเป็นผิดหวังและเจ็บปวด

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีเจียงอี้ฝานเสริมขึ้นมาทันที: “นั่นเป็นเพราะโทรศัพท์กับข้อความเหล่านั้นผมส่งให้ไอ้ซัง”

ในขณะที่เขาพูดเขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อหาบันทึกการสนทนาเหล่านั้นอย่างรวดเร็วและส่งโทรศัพท์ให้เจียงฉยงฉยงโดยตรงเพื่อให้เธอดู

เจียงฉยงฉยงอยากจะดู แต่กังวัลว่าพวกเขาจะเตรียมการกันมาก่อนแล้ว

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกลายเป็นภรรยาที่จู้จี้จุกจิก ทั้งๆที่แต่ก่อนเรื่องพวกนี้แม้แต่คิดเธอก็ไม่กล้า

ความรักมันเป็นเรื่องที่ทำให้คนบ้าได้จริงๆ

เจียงอี้ฝานเห็นน้องสาวไม่มีท่าทีจะดูมัน เขาไม่สนใจว่าจะถูกเธอผลักหรือไม่ เขารีบวิ่งไปข้างหลังเธอจับไว้ในอ้อมแขนและยื่นโทรศัพท์ให้ต่อหน้าเธอ

“ฉยงฉยงดูสิ ข้อความนี้ตอนคุณเพิ่งท้อง เฉียวเฉียวเป็นคนส่งมาแต่ตอนนั้นหมอบอกว่าทางที่ดีอย่าสัมผัสพวกของอิเล็กทรอนิกส์มากผมเลยย้ายข้อมูลของคุณมาที่โทรศัพท์ผม หลังจากนั้นคุณบอกว่าเฉินเฉียวไม่ได้โทรมาหานานแล้วนั่นก็เพราะว่าผมแอบตอบกลับให้คุณ”

เธออ่านข้อความโทรศัพท์ตรงหน้าเมื่อเธอเห็นทุกอย่างก็เข้าใจว่าเธอเข้าใจผิด

เพียงแค่เธอก็ยังคงรู้สึกไม่มีความสุข

ถึงขนาดเธอคิดว่ามันไร้สาระ

“คุณทำไมทำแบบนี้ ถ้าบอกฉันเร็วกว่านี้ฉันก็จะทำเพื่อลูกจะคุยโทรศัพท์กับเฉียวเฉียวน้อยลง คุณปลอมเป็นฉันแอบไปคุยกับเฉียวเฉียวได้รู้ว่าความลับระหว่างฉันกับเฉินเฉียวตั้งเยอะ ฉันคิดว่าแบบนี้คุณล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของฉัน”

โชคดีที่คำถามของฉยงฉยงไม่ได้โดยซังหลินจวิน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะกลายเป็นเหยื่อ

ทุกครั้งที่เฉินเฉียวตอบเจียงอี้ฝาน เขาก็ดูอยู่ข้างๆด้วย

เขาถือว่ารู้ทุกเรื่อง

เจียงอี้ฝานรู้อยู่แล้วว่าทำแบบนี้มันไม่ดี เขาสับสนอยู่พักหนึ่งพอได้สติข้อความก็ถูกส่งออกไปแล้ว

“ถึงแม้คุณจะเถียงข้างๆ คูๆเพื่อตัวเองแบบนี้ฉันก็จะไม่ให้อภัยคุณ”เจียงฉยงฉยงรู้สึกว่าเธอต้องให้เจียงอี้ฝานเห็นว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ไม่อย่างนั้นวันหลังอี้ฝานจะฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่ทันระวังทำแบบนี้อีก แบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆ

ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเธอรักเขาเลยกล้าทำเรื่องแบบนี้

เจียงอี้ฝานไม่รู้ว่าในใจเจียงฉยงฉยงคิดอะไรอยู่ เขาได้แต่รู้สึกผิดในใจเขาไม่เคยคิดว่าเจียงฉยงฉยงจะโกรธขนาดนี้

หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดมากเกินไป

ฉยงฉยงไม่ใช่คนที่อ่อนแอเหมือนตอนแรกที่ต้องมีคนดูแลอีกต่อไป

ตอนนี้เธอแข็งแกร่งมากและเธอก็มีความคิดของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาควรจะมีความสุขถึงจะถูก

ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเศร้าแต่ก็ยังฝืนพูด: “โอเค ฉยงฉยงคุณมาเฝ้าดูผมได้เลย หลังจากนี้ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก ผมสาบาน”

เหลือเพียงเจียงอี้ฟานที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

ในห้องสีชมพูบนเตียงนุ่มๆในขณะนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีอาการบวมบนใบหน้าของเธอตื่นขึ้นอย่างเวียนหัว

เหมิงเหมิงลืมตาไม่ขึ้นเธอใช้มือขยี้ตาด้วยความงุนงง หลังจะฟื้นเธอก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน

ผ่านไปสักครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอถูกลักพาตัวไปจากข้างทางของโรงเรียน

เธอพึมพำว่าการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนไม่ดีทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู

“ฟื้นแล้วเหรอ”เสียงที่คุ้นเคยเข้ามาในหูของเหมิงเหมิงที่กำลังโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม

แม้ว่าเหมิงเหมิงยังเด็กแต่เธอก็จดจำผู้คนได้

ดังนั้นเธอฟังออกได้อย่างรวดเร็วว่าเสียงข้างนอกเป็นคุณลุงในวันนั้น

ในใจรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

ถ้าคราวที่แล้วเธอไม่ได้ขึ้นรถของลุงคนนั้น ตอนนี้เธอก็คงไม่โดนจับมาหรอก

เมื่อนึกถึงละครทีวีที่ฆ่าเด็กและแอบโยนทิ้งไป ดวงตาที่หวาดกลัวของเหมิงเหมิงมีน้ำตาล่วงลงมา

คนข้างนอกกำลังคุยกันอยู่และคราวนี้เป็นเสียงที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ยังเลยค่ะหัวหน้าอยากให้ฉันโทรหาเธอไหม”

เสียงที่หยาบกระด้างราวกับเสียงรถไฟที่ส่งเสียงดังกึกก้องและมันดังจนน่าสะพรึงกลัว

เหมิงเหมิงถึงกับหลับตาด้วยความตกใจ

ผ่านไปซักระยะไม่ได้ยินเสียงอะไรมาจากนอกประตู เหมิงเหมิงคิดว่าคนพวกนั้นหายไปแล้วและร่างสีดำก็เข้ามาจับเธอไว้

“ดูเหมือนยังไม่หลับนะ เด็กน้อย”ปู้อี้เฉินสวมหน้ากากสีเขียวที่มีเขี้ยวดูแล้วน่ากลัว

ปกติดูแล้วเป็นคนกล้าหาญแต่ในความเป็นจริงแล้วเหมิงเหมิงสะพรึงกลัวจนตัวสั่น

ร้องไห้เรียกหาแม่

ปู้อี้เฉินตบไปทีหนึ่ง: “ยังจะร้องอีก”

เห็นได้ชัดว่าตีบนผ้าห่มแต่ดวงตาของเหมิงเหมิงแดงและบวมเหมือนตีโดนเธอ ดวงตาของเธอเริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆแต่เธอก็ยังจำได้ว่าต้องเชื่อฟัง

ส่ายหัวอย่างซื่อๆพลางพูด”ไม่ร้องแล้ว”

แต่มีเสียงสะอื้นทำยังไงก็หยุดไม่ได้

ปู้อี้เฉินเป็นคนไม่ชอบเด็ก ก็เหมือนกับเด็กที่ไม่มีชะตากรรมร่วมกับเขาในตอนแรก

แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักๆที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังร้องไห้อยู่ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ฝังอยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน

ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อสามปีก่อน ถึงแม้เขาเกือบจะสูญเสียทุกอย่าง แต่เขาก็คิดเสมอว่าเขาลุกขึ้นได้

เพียงแค่มีคนที่สามารถให้โอกาสเขาได้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงขอให้ผู้หญิงของเขาไปขอความช่วยเหลือ

“เป็นยังไงบ้าง ครอบครัวคุณตกลงที่จะลงทุนหรือไม่”ปู้อี้เฉินถามด้วยความดีใจอย่างมีความหวังเมื่อมองไปที่โหยวจิ้งหลีที่เพิ่งกลับบ้านตอนดึก

เธอวางกระเป๋าในมือลงหลังจากดื่มน้ำเสร็จ แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแต่จริงๆในใจก็รู้สึกเศร้าเธอพูดว่า: “แม่ของฉันบอกว่าขอคิดดูก่อน ยังไงซะก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ”

“เด็กเป็นอย่างไรบ้าง? คุณเติมนมผงให้เธอหรือยัง”โหยวจิ้งหลีจำเด็กคนนี้ได้เสมอ และสิ่งแรกที่หลังจากดื่มน้ำคือถามถึงเด็กคนนั้น

วันนี้เธอยุ่งกับการไปยืมเงินเพื่อนมาหมุนเงินบริษัท เธอจะมีเวลาเลี้ยงลูกได้ยังไง

เมื่อรู้ว่าโหยวจิ้งหลีไม่ได้เงินมาลงทุน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “ผมไม่รู้คุณไปถามพี่เลี้ยงเด็กดู”

ร่องรอยของความไม่พอใจแวบเข้ามาในดวงตาของโหยวจิ้งหลีแต่เธอก็รีบปกปิดมันไว้และเดินไปที่ห้องนอนของเด็กน้อย

เธอจะสนใจเขาหรือไม่ปู้อี้เฉินไม่ได้ใส่ใจนัก

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset