ปากขององค์หญิงใหญ่สั่นสักพัก ก็ไม่ได้มีเสียงอะไรแต่มีน้ำลายที่ไหลออกมาจากปาก
“ท่านพูดอะไร?” มู่เซิ่งเอียงไปข้างหน้าๆ หูเข้าไปองค์หญิงใหญ่ พยักหน้าบ่อยครั้งแล้วมองดูแววตาที่ตึงเครียดไม่นิ่งของมู่อวิ๋นซี
“ใต้เท้าโจว!”
ได้ฟังคำพูดขององค์หญิงใหญ่ เขาได้มองไปด้านที่ใต้เท้าโจวอยู่ด้วยใบหน้าที่มีแต่ความหวัง “องค์หญิงกล่าวแล้วว่า หวังว่าใต้เท้าโจวจะพิจารณาอย่างเป็นกลาง หากมู่อวิ๋นซีได้ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้จริงๆ และต้องการฆ่าก็ให้ลงโทษตามกฎหมาย”
เขาเหลือบมองมู่อวิ๋นซี “องค์หญิงยังบอกว่า หากเรื่องพวกนี้เจ้าเป็นคนทำจริงๆ นางจะตัดขาดความสัมพันธ์ย่าหลานกับเจ้า และเจ้าจะไม่ใช่คนของตระกูลมู่อีก”
มู่อวิ๋นซีได้ปล่อยมือที่กุมแก้มลง มองมู่เซิ่งด้วยสายตาที่เย็นชา ท่านย่าของนางจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าอย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนี้ เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ถึงแม้ข้าต้องการที่จะพูดช่วยอะไรเจ้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” มู่เซิ่งมองหลิ่วเย่และได้พยุงองค์หญิงใหญ่คนละข้างเพื่อออกไปข้างนอก
องค์หญิงใหญ่เดินโซซัดโซเซ เหมือนกับว่าถูกพวกเขาจับไว้เป็นตัวประกัน
“ท่านย่า!”
หัวใจของมู่อวิ๋นซีเหมือนมีใครจับไว้อย่างโหดร้าย จากนั้นได้ก้าวเท้าที่จะตามไป
“มู่อวิ๋นซี เจ้าคิดที่จะหลบหนีความผิดหรือ?” หลิ่วเย่มองย้อนกลับมามองมู่อวิ๋นซีอย่างเย็นชา มุมปากเต็มไปด้วยการเสียดสีและความสุข จากนี้ต่อไปตระกูลมู่จะต้องเป็นของนางแล้ว
“มู่อวิ๋นซี การพิจารณาคดีนี้ยังไม่จบ” ใต้เท้าโจวก็เอ่ยขึ้น
“ใต้เท้า!” มู่อวิ๋นซีหันกลับมาพร้อมกับคุกเข่าเสียงดังต่อหน้าใต้เท้าโจว “อวิ๋นซีขอร้องใต้เท้าส่งคนไปดูแลองค์หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”
เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกหลิ่วเย่หรือว่ามู่เซิ่งต้องการคร่าชีวิต
ปัง!
มู่อวิ๋นซีโขกศีรษะแรงๆ ทำให้หน้าผากแดงขึ้นมา “ใต้เท้า ขอร้องท่านล่ะ!”
หากรู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ นางคงไม่ยื่นให้เปิดศาลพิจารณาคดีอยู่ที่ลานหย่งเหอแน่
ปัง!
มู่อวิ๋นซีโขกศีรษะแรงๆ หน้าผากช้ำเป็นวงกว้าง “ใต้เท้า! ขอร้องท่านล่ะเจ้าค่ะ!”
หลังจากที่นางได้รู้จักกับองค์หญิงใหญ่นั้น องค์หญิงใหญ่รักและทะนุถนอมนางทุกอย่าง แต่นางยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อท่านเลย
ปัง!
มู่อวิ๋นซีโขกศีรษะแรงๆ ไปอีกหนึ่งที ได้มีเลือดไหลออกจากหน้าผาก “ใต้เท้า ข้าขอร้องท่าล่ะ!”
ชาติที่แล้ว องค์หญิงใหญ่ได้สิ้นพระชนม์ต่อหน้านาง ชาตินี้นางไม่ยอมที่จะให้สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ใต้เท้าโจวใจอ่อน มองดูเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆ “ก่อนที่มู่อวิ๋นซีจะกลับมา ดูแลองค์หญิงใหญ่ให้ดีๆ”
“ขอบคุณใต้เท้ามาก! ขอบคุณใต้เท้ามาก!” มู่อวิ๋นซีพูดขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า และได้หันไปมองไป่หลิงที่ขอบตาแดงก่ำ “ไปดูเฝ้าองค์หญิง”
“คุณหนู?” สีหน้าของไป่หลิงที่เป็นห่วงมองไปที่มู่อวิ๋นซี “ท่านจะทำอย่างไร?”
“คนอื่นไม่เข้าใจข้า หรือว่าเจ้าเองก็ไม่เข้าใจข้าคิดว่าข้าก็ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นได้? ไม่ต้องห่วง ใต้เท้าโจวต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้าอย่างแน่นอน” และยังกระซิบอีกว่า “ไม่ว่าใครให้ของอะไร จะต้องผ่านมือเจ้าก่อน นอกจากเจ้าแล้ว ข้าก็เชื่อใจใครไม่ได้”
“คุณหนูวางใจเถิดเจ้าค่ะ”
เมื่อรอให้ไป่หลิงออกไป ใต้เท้าโจวได้ตีไม้ปลุกสติ มองมู่อวิ๋นซีเพื่อที่จะดำเนินการต่อหลังจากที่ถูกขัดขวางการพิจารณาคดีก่อนหน้านั้น “เนื่องด้วยคำให้การของข่งซานฟาง เจ้ามีข้อโต้แย้งหรือไม่?”
“แน่นอน!” มู่อวิ๋นซีจ้องมองข่งซานฟาง “เจ้าเห็นข้าฉุดกระชากลากจูงกับผู้ชายคนหนึ่ง?”
เป็นความจริงข้อหานี้จำเป็นต้องมี ที่จะให้หลิ่วเย่ได้ผลักเรือไหลไปตามน้ำและหวางเอ้อร์กับเรื่องของพี่ชายของนางก็ได้ผลักไสใส่ตัวนาง ถึงทำให้ท่านย่าของนางป่วยได้
“ใช่!” เอวของข่งซานฟางได้ยืดตรงขึ้นเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่เพียงแค่ฉุดกระชากลากถูเท่านั้น ยังมีทั้งการกอดจูบด้วย อ้อ ใต้เท้ายังมีอีกอย่างหนึ่ง ข้านึกออกแล้ว……”
ข่งซานฟางเหลือบไปมองใต้เท้าโจว “ชายผู้นั้นเรียกตัวเองว่าท่านชายฮั่ว ท่านสามารถส่งคนไปสอบถามที่ตลาดตงซื่อ……”
“เจ้าว่าเขาชื่อว่าอะไร?” นี้เป็นครั้งแรกที่ใต้เท้าโจวขัดจังหวะการพูดของคนอื่น
“ท่านชายฮั่วขอรับ!” ข้าจำได้อย่างชัดเจน
“ทหาร เบิกตัวท่านชายฮั่ว!” ใต้เท้าโจวสั่งการทันที
ใช้เวลาเพียงแค่ดื่มชา ท่านฮั่วได้เดินโซเซเข้ามา เมื่อมองเห็นท่าทีของมู่อวิ๋นซี ก็ได้ร้องออกมาต่อหน้านาง “เอ๊ย เกิดอะไรขึ้น? บนใบหน้านี้ไอ้สารเลวตัวไหนตบเข้า? ทำไมถึงลงมือได้เช่นนี้”
เขาแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างเป็นห่วง แล้วมองไปเห็นที่หน้าผากของนางมีเลือดไหล “แล้วนี่เป็นอะไร? คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้าๆ นี้ทรมานเจ้าแล้ว?”
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว” มู่อวิ๋นซีตะคอกใส่
ท่านชายฮั่วหัวเราะเฮอๆ จากนั้นได้นำเอาผ้ามาจากถุงในแขนเสื้อออกมา เพื่อที่จะเช็ดเลือดที่หน้าผากให้กับมู่อวิ๋นซีอย่างระวัง
“ไร้ยางอาย!”
หลิ่วเย่ที่ไปส่งองค์หญิงใหญ่กลับมา ยืนอยู่หน้าประตูก็พูดขึ้นมา “มู่อวิ๋นซี ที่นี่คือศาลพิจารณาคดี! เจ้ายังไม่ไว้หน้า?”
“ใต้เท้า ท่านเห็นหรือยังขอรับ?” ข่งซานฟางใช้สายตามองดูทั้งสองคนในเชิงลบ “ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง”
“คู่ชู้สุนัข!” หลิ่วเย่เดินเข้ามาข้างๆ มู่อวิ๋นซีพร้อมกับด่าไปหนึ่งประโยค
ในขณะที่เดินไปข้างหน้า ที่คอได้แน่นขึ้น คือได้ถูกท่านรองมู่ได้จับคอเสื้อแล้วดึงกลับมา “เจ้าว่าอะไร?”
“คู่ชู้สุนัข!”
หลิ่วเย่มองเขาและมู่อวิ๋นซีอย่างยั่วยุ “กล้าทำยังกลัวว่าคนอื่น……”
“เพี๊ยะ!”
มู่อวิ๋นซียกยกมือตบไปขัดคำพูดของนาง “นี้คือศาลพิจารณาคดี!”
นางมองหลิ่วเย่ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นพร้อมพูดเบาๆ ว่า “ตบนี้ไม่ใช่เพราะท่านด่าข้า แต่เป็นเพราะท่านที่ทำกับองค์หญิงใหญ่”
“พวกเจ้า……”
หลิ่วเย่โกรธมาก เบิกตากว้าง คำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก ท่านฮั่วได้บีบมือนางไว้บนหน้าอกของเขา “สมแล้วที่เป็นของเล่นที่ออกมาจากหอนางโลม ปากถึงได้ไม่สะอาดเช่นนี้”
เขาได้ปล่อยมือกะทันหัน หลิ่วเย่จึงล้มลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าที่ซีดขาว
ข่งซานฟางเมื่อเห็นว่าสายตาของท่านฮั่วมองมาที่ตัวเองก็สั่นขึ้น “ใต้เท้า ท่านดูพวกเขากำเริบเสิบสานมากแล้ว”
“ข่งซานฟาง ข้าถามเจ้าอีกครั้ง” ใต้เท้าโจวไม่ได้สนใจคำพูดของเขา แต่กลับจ้องเขาอย่างนิ่งๆ “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไปเห็นพวกเขาสองคนเป็นชู้กัน มู่อวิ๋นซีถึงได้ให้ดอกท้อเสาวภาคย์ที่มีพิษแก่เจ้า?”
“ใช่ขอรับ ข้ายืนยัน!”
“บังอาจ!” ใต้เท้าโจวตีไม้ปลุกสติไปหนึ่งที “ไร้สาระ”
ข่งซานฟางตะลึง เหลือบมองท่านฮั่วกับมู่อวิ๋นซีอย่างงงงวย “ใต้เท้า ข้าพูดนั้นเป็นความจริง คือ……”
“หลิ่วเย่!” ใต้เท้าโจวไม่สนใจคำพูดของข่งซานฟางที่กำลังพูดเหลวไหล จึงมองไปที่หลิ่วเย่ “ถึงตอนนี้ เจ้ายังยืนยันว่าท่านฮั่วคือชู้ของมู่อวิ๋นซีไหม?”
“ไม่” ความคิดของหลิ่วเย่เปลี่ยน “ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ข้าเพียงแค่คิดว่า……”
“เพียงแค่คิดว่าข้าสับสนหรือ?” ใต้เท้าโจวสีหน้าไม่ดี
“ข้าไม่กล้า!” หลิ่วเย่เลิกคิ้ว และตัดสินใจ แม้ว่าเรื่องของข่งซานฟางจะถูกเปิดเผยยังมีฮูหยินฉิน ข้อหานี้อย่างน้อยก็สามารถทำให้เจ้าสารเลวนี้เข้าคุกได้ จากนั้นนางค่อยหาทางทำให้นางตาย
“ไม่กล้า?” ใต้เท้าโจวตีไปที่ไม่ปลุกสติ สายตาอันเฉียบคมเหลือบมองทุกคนในศาล “ท่านฮั่วคือผู้หญิง จะเป็นชู้กับมู่อวิ๋นซีได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาไม่มีการคบชู้กัน ทำไมต้องมอบดอกท้อเสาวภาคย์ที่มีพิษให้เจ้าด้วย”
ข่งซานฟางสีเปลี่ยนสี แล้วรีบมองไปที่มู่อวิ๋นซีกับท่านฮั่ว จากนั้นเหลือมองไปที่หลิ่วเย่และมองไปยังใต้เท้าโจว “จะเป็นไปได้อย่างไร?”
วันนั้นเขาเห็นชัดๆ ว่าท่านฮั่วได้ใช้หมัดชกไปที่ชายผู้แข็งแกร่งลอยในอากาศ จะเป็นผู้หญิงไปได้อย่างไร?