ใช่แล้ว!
ศึกสงครามครั้งนี้ เป็นเพียงแค่แผนชั่วร้ายที่จัดฉากไว้
ทหารเป่ยฝางที่เต็มใจสู้สุดชีวิตหลั่งเลือดเนื้อในสนามรบ แม้กระทั่งทหารต้าฉินก็อาจไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าศึกสงครามที่เกิดขึ้นอย่างงุนงงครั้งนี้เกิดขึ้นจากข้อตกลงของราชวงศ์เท่านั้น
คำพูดลู่เจี้ยทำให้ลู่ซิ่งเฉายิ้มจางๆ
ในรอยยิ้มมีความสงบและความโศกเศร้าที่มีต่อแผนชั่วร้ายอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าลู่ซิ่งเฉาไม่ใช่คนดีอะไรมากนักและไม่เคยยกย่องตนเป็นวีรบุรุษ แต่ว่าข้าก็ไม่เคยทำเพื่อกิเลสของตัวเอง ยอมสละชีวิตของเหล่าทหารเป่ยฝาง”
“ท่านพ่อ” ลู่เจี้ยเงยหน้ามองใบหน้าท่านพ่อที่ผ่านลมผ่านหนาวของชายแดนอย่างโชกโชน
ลู่ซิ่งเฉาเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของลู่เจี้ย เขายืนขึ้นเดินไปที่แผงป้อมปราการของชายแดนพลันเอามือไขว้หลัง พลันพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์มามากว่า “เจี้ยเอ๋อร์ ตระกูลลู่เราประพฤติเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากว่าร้อยปี ทำไมเขาถึงยังไม่ไว้วางใจอีก กลัวร่วมมือกับศัตรูเพื่อกำจัดประชาชนใต้หล้าของตนเอง เขาไม่กลัวจะโดนคนทั้งแผ่นดินหัวเราะ เยาะเย้ยดูถูกเอาหรืออย่างไร”
คำพูดเหล่านี้เต็มไปด้วยความโกรธอัดอั้นตันใจ
ลู่เจี้ยก้มหน้าลง ขนตายาวปกปิดอารมณ์ในดวงตาไว้ “สำหรับเขา การกำจัดตระกูลลู่ถึงจะทำให้แผ่นดินมั่นคงได้ นอกเหนือจากนั้นคือ ผู้ที่กระทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย”
ลู่ซิ่งเฉาหันตัวมองลู่เจี้ยด้วยสายตาเฉียบคม
ทันใดนั้น เขาก็หัวเราะออกเสียงดัง “ผู้ที่กระทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย จุดนี้ข้าสู้เขาไม่ได้จริงๆ เจี้ยเอ๋อร์ เจ้าต้องเรียนรู้ให้ดีๆ ล่ะ”
ลางสังหรณ์บางอย่างแพร่ออกมาจากก้นบึ้งจิตใจของลู่เจี้ย
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท่านพ่อ “ท่านพ่อคิดจะทำอะไรขอรับ”
ลู่ซิ่งเฉาเดินมาหาเขาช้าๆ มือที่ควบม้าผ่านสนามรบมานัดต่อนัด ค่อยๆ วางไว้บนไหล่ ความกดดันของน้ำหนักนี้ทำให้ลู่เจี้ยรู้สึกเหมือนได้รับมอบภาระที่หนักเป็นพันกิโล “เจี้ยเอ๋อร์ ตระกูลลู่ไม่ใช่พวกที่จงรักภักดีจนโง่เขลาแผ่นดินนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเรา เช่นนั้นเราจะเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน การที่จะทำถึงจุดนี้ได้ต้องรอโอกาสที่เหมาะสม”
“และนี่เป็นโอกาสเหมาะสมที่เขายื่นมาให้” ลู่เจี้ยรีบขัดจังหวะเมื่อเขารับรู้ถึงการตัดใจที่ซ่อนในคำพูดต่อมาของท่านพ่อ
ลู่ซิ่งเฉาส่ายหัวช้า “มันยังไม่พอ ยังไม่พอที่จะทำให้คนทั่วแผ่นดินเงียบปากยังไม่พอที่จะทำให้ตระกูลลู่มีชื่อเสียง”
“ไม่ ท่านพ่อ เท่านี้ก็พอแล้ว” ลู่เจี้ยลุกขึ้นยืนโต้กลับคำพูดของพ่อ
“เจี้ยเอ๋อร์ นั่งลง” ลู่ซิ่งเฉาใช้แรงฝ่ามือกดลู่เจี้ยนั่งลงไปใหม่
ใบหน้าที่มีแววตาตื่นตกใจเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย ลูกชายคนโตของเขา ช่างฉลาดยิ่งนัก เขายังไม่ทันได้กล่าวถึงการตัดสินใจออกมาเลยเขาก็เดาถูกแล้ว หลังจากนั้นค่อยก้าวเดิน สันหลังที่ยืนตระหง่านภายใต้แสงไฟสลัวกลับยากที่จะอธิบาย
ลู่เจี้ยนั่งอยู่ที่เก้าอี้แต่ไม่สามารถจะสงบสติอารมณ์ได้
ราชวงศ์โฮ่วจิ้นสมรู้ร่วมคิดกับต้าฉินเพื่อใส่ร้ายตระกูลลู่ เพื่อจะมีเหตุผลมากพอมาเอาผิดลู่ซิ่งเฉา
การออกทัพครั้งนี้เป็นแค่แผนใส่ร้ายลู่ซิ่งเฉาในการกำจัดตระกูลลู่ให้พ้นทาง
สงครามที่เกิดเขตเป่ยฝางระหว่างโฮ่วจิ้นและต้าฉิน ฮ่องเต้เชื่อมั่นในความสามารถของลู่ซิ่งเฉา จึงได้ส่งกลุ่มสังเกตการณ์ไปยังแนวหน้าเพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้
ในระหว่างที่สังเกตการณ์อยู่หากเหล่าผู้ถูกเลือกตกอยู่ในสนามรบ ได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจะเกิดความเสียหายต่อเสาหลักของประเทศ
ต่อมาก็จะเปิดโปงว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างอ๋องลู่กับต้าฉิน ใช้วิธีถอนฟืนใต้กระทะฆ่าล้างผู้ถูกเลือกแห่งโฮ่วจิ้นและจะตั้งข้อหากบฏใส่ตระกูลลู่
หลังจากนั้นให้ผู้ถูกเลือกที่เป็น ‘ผู้รอดชีวิต’ ผ่านอุปสรรคอันตรายมากมายจนกลับมาถึงซั่งตูเป็นพยานชี้ความโหดเ**้ยมอำมหิตของอ๋องลู่ว่าเขาเป็นล่อให้เหล่าผู้ถูกเลือกติดกับดักของศัตรู เห็นกับตาว่าลู่อ๋องกับแม่ทัพศัตรูพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพื่อให้ข้อกล่าวหากบฏเป็นจริง ทำให้ลู่ซิ่งเฉาแก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหาดังกล่าว
แล้วสุดท้ายฮ่องเต้ก็จะมีข้ออ้างในการลงมือจัดการตระกูลลู่ คนทั่วแผ่นดินจะถูกความชั่วร้ายปิดตาคิดว่าตระกูลลู่ทรยศต่อโฮ่วจิ้นมีแผนที่จะแย่งชิงบัลลังก์นั้นเป็นเรื่องจริง
ควรแก่ฆ่า!
สมควรประหาร!
สมควรถูกประหารเก้าชั่วโคตร!
เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ลู่เจี้ยมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้วางแผนซ้อนแผน เพื่อให้ข้อกล่าวหาที่ฮ่องเต้ยัดเยียดให้ตระกูลลู่เป็นจริง การที่ตระกูลลู่จะยกธงเพื่อความเป็นธรรม เพียงแต่
ตอนนี้พ่อเขากลับบอกว่ายังไม่เพียงพอ!
“ท่านพ่อ ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ หากท่านยังยืนยันเรื่องนี้ ท่านแม่จะทำเช่นไร แล้วเสี่ยวเสวียนเล่าจะทำอย่างไร” เวลาผ่านไปชั่วครู่ ลู่เจี้ยถึงจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นมา
แต่ทว่าน้ำสียงเขาตอนนี้กลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
มือซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างกำหมัดแน่จนเล็บจิกฝ่ามือ
เมื่อได้ยินลู่เจี้ยเอ่ยถึงภรรยาที่รักกับลูกชายคนเล็ก ลู่ซิ่งเฉาที่หันหลังให้ลู่เจี้ยหลับตาซ่อนความรู้สึกอาลัยอาวรณ์และความเจ็บปวดใจไว้ใต้ดวงตา “ข้าในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลลู่ ทั้งยังเป็นถึงท่านอ๋องลู่จึงมีเรื่องบางเรื่องที่ข้าต้องทำ ส่วนแม่เจ้าและน้องชายเจ้าจงดูแลพวกเขาแทนพ่อด้วย”
“ท่านพ่อ” ลู่เจี้ยตะเบ็งเสียงออกมา เขาเงยคอที่แข็งทื่อมองไปยังท่านพ่อ ภายใต้แสงโคม เงาจากแผ่นหลังถูกปกคลุมด้วยแสงสีเหลืองจนดวงตาของเขาแสบร้อน “จะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ”
ลู่ซิ่งเฉาหันกลับมามองยังลู่เจี้ย
อยู่ต่อหน้าลูกชายคนโตที่คนภายนอกต่างบอกว่าอ่อนแอ เขาเผยรอยยิ้มแล้วสอนว่า “เจี้ยเอ๋อร์ เจ้าจงรู้ไว้ว่าเรื่องบางอย่างมันต้องเห็นเลือดถึงจะจำเข้ากระดูกดำ ถึงจะสยบให้สถานการณ์มั่นคงได้”
ลู่เจี้ยปากสั่นเล็กน้อย เขาพยายามจะควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง เขาเข้าใจเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเห็นเลือดของของตนแล้วสถานการณ์ถึงจะมั่นคง
“ลูกอยากให้ตระกูลลู่ปลอดภัย หากท่านพ่อตัดสินใจเยี่ยงนี้ จะให้ลูกผิดจากความตั้งใช่หรือไม่”
“เพื่อตระกูลลู่แล้ว เสียสละข้าคนเดียวก็ไม่เป็นไร” ลู่ซิ่งเฉากล่าวแน่วแน่
ลู่เจี้ยนิ่งเงียบ
แผนเดิมของเขาคือทำทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ฮ่องเต้วางเอาไว้ แต่ลึกๆ แล้วเขาจะปกป้องเหล่ากลุ่มสังเกตการณ์เทียนเจียวหาหลักฐานที่ฮ่องเต้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูเพื่อใส่ร้ายข้าราชบริพาร
ระหว่างที่ฮ่องเต้เอาผิดตระกูลลู่เขาจะเอาหลักฐานพยานออกมา ข้อหาจักรพรรดิไม่เป็นธรรม ประชาชนล้วนต่อต้านได้พลิกฟ้าดินโฮ่วจิ้น
แต่ว่าคำพูดของท่านพ่อทำให้เขาพูดไม่ออก
อันที่จริงถ้าหากเสียสละลู่ซิ่งเฉาจะทำให้แผนการทุกอย่างดำเนินได้ราบรื่นอีกทั้งยังช่วยเร่งแผ่นดินของโฮ่วจิ้นให้สิ้นสุดลง ทว่า…
“เจี้ยเอ๋อร์ ตระกูลลู่เราไม่ยอมให้ใครมากดขี่ ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดใคร ไม่ยอมให้ถูกกระทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้แผ่นดินเกิดความโกลาหล ประชากรล้วนประสบความทุกข์ระทม มีเพียงถือดาบคม ถึงจะใช้ความเร็วดั่งสายฟ้ายุติความวุ่นวายนี้ได้ คืนความสงบสุขให้แผ่นดิน และยังเป็นการเริ่มต้นใหม่ของตระกูลลู่อีก ทั้งหมดนี้มันคุ้มค่ายิ่งนัก ผู้เป็นฮ่องเต้ ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในยามวิกฤต ไม่เช่นนั้นจะเป็นเคราะห์ร้ายได้”
ใต้แสงไฟ ลู่ซิ่งเฉามองไปยังลูกชายคนโตด้วยแววตายากที่จะอธิบาย พลันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นความใจจริงกับแฝงความหมายที่ลึกซึ้ง ช่วงที่ลู่เจี้ยนิ่งเงียบเขากลับหัวเราะเสียงดัง “เจ้าพยายามทำเพื่อตระกูลลู่อย่างเต็มที่ พ่อของเจ้าก็ยอมเสียสละเพื่อตระกูลลู่ได้เช่นกัน!”