ในห้องที่เรียบง่ายแบบนี้ ตอนนี้อ้ายชวนกับอ้ายหลิน แล้วก็หยางเฉินกับหม่าชาว ทั้งสี่คนกำลังนั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหาร
กับข้าวก็ธรรมดามาก กับสามซุปหนึ่ง
“นายมาได้ไง?”
จู่ๆอ้ายชวนก็พูดขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์
“พ่อ ผมมารับพ่อกลับบ้าน”
อ้ายหมิงซวี่จำต้องทำ แสดงรอยยิ้มที่ฝืนใจ แล้วเดินเข้าไปพูด
เขามองไปรอบๆอย่างตามใจ แล้วพูดว่า:”คุณคืออดีตผู้นำของตระกูลอ้ายเลยนะ ในตระกูลอ้าย ยังมีคฤหาสน์สุดหรูที่เป็นของคุณอีกด้วย ที่ๆขยะแบบนี้ จะเหมาะสมกับตัวตนของคุณได้อย่างไร?”
“พ่อครับ เก็บของกลับบ้านกับผมเถอะ!”
อ้ายหมิงซวี่พูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ว่า เขาไม่ทันได้สังเกตว่า ดวงตาของอ้ายชวนค่อยๆ เย็นชาลง
“อดีตผู้นำกลับบ้านกับเราเถอะ ตระกูลอ้ายอยู่ไม่ได้โดยไม่มีคุณ”
“ตระกูลอ้ายถึงจะเป็นที่ที่คุณควรอยู่ใช้ชีวิตในวัยชรา ที่ๆแบบนี้ ไม่เหมาะกับคุณเลย”
“นั่นสิ อดีตผู้ำใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตระกูลอ้าย หากคุณอาศัยอยู่ที่นี่โดยลำพัง อย่าว่าแต่ไม่ปลอดภัยเลย หากแพร่กระจายออกไป คนภายนอกก็จะหัวเราะเยาะรุ่นหลังของตระกูลอ้ายอกตัญญู”
ผู้อาวุโสของตระกูลอ้าย ที่มากับอ้ายหมิงซวี่ ตอนนี้เริ่มพูดเกลี้ยกล่อมกันหมด
คนเหล่านี้ฉลาดมาก ทั้งๆที่พวกเห็นอ้ายหลิน แต่กลับทำเหมือนมองไม่เห็น และไม่พูดว่าจะมารับอ้ายหลินกลับบ้าน
ระหว่างทางมาที่นี่ อ้ายหมิงซวี่ได้เตือนว่า ถ้าอ้ายหลินก็อยู่ อย่าเกลี้ยกล่อมเด็ดขาด เพราะเขารู้ดีว่าลูกสาวของเขามีนิสัยยังไง
ตอนนี้ต้องอาศัยอ้ายชวนเท่านั้น ถึงจะสามารถเกลี้ยกล่อมอ้ายหลินกลับตระกูลอ้ายได้
“เคร้ง!”
อ้ายชวนวางถ้วยลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง และพูดอย่างโกรธเคือง: “หุบปากซะ!”
อ้ายชวนที่เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่ จู่ๆก็เกิดพาลโกรธเองดื้อๆ
ทุกคนในตระกูลอ้ายเงียบกริบ ไม่กล้าพูดอะไร
อ้ายหมิงซวี่ก็ตกใจเช่นกัน หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็รีบพูดว่า:”พ่อ เลิกพูดเป็นเล่นเสียที รีบกลับบ้านกับผมเถอะ ทิ้งให้พ่ออยู่ที่นี่คนเดียว ผมจะสบายใจได้ไง?”
“แกตาบอดรึไง? ใครบอกแกว่าฉันอยู่คนเดียว”
อ้ายหมิงซวี่มีความหมายโดยนัยแอบซ่อนไว้ลึกสุดใจ
ทันใดนั้นอ้ายหลินยืนขึ้น มองอ้ายหมิงซวี่อย่างเรียบนิ่ง และพูดว่า:”ต่อไป ฉันจะอยู่ที่นี่กับคุณปู่ จะดูแลแกอย่างดี คุณเป็นผู้นำตระกูลอ้าย ยังมีหลายอย่างที่ต้องเครียด ทางคุณปู่ คงจะไม่รบกวนให้คุณมาสนใจอีก”
คำพูดของอ้ายหลินมีความประชดประชันนิดๆ
หยางเฉินและหม่าชาวไม่ได้พูดอะไร เฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ
ถ้าอ้ายหลินและอ้ายชวนอยากกลับตระกูลอ้ายจริง ๆ พวกเขาจะไม่ขวางแน่นอน และถ้าไม่อยาก งั้นตระกูลอ้ายจะเป็นจะตาย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
“เสี่ยวหลิน พ่อรู้ว่าลูกมีความแค้นกับพ่อลึกมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร พ่อก็ทำเพื่อตระกูล! ให้ตระกูลอ้ายรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ปู่ของลูกคาดหวังไว้ไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้การพัฒนาของตระกูลอ้ายเจอกับช่วงยกลำบาก มีเพียงคุณปู่ของลูกเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ตระกูลอ้ายเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ลูกรีบเกลี้ยกล่อมคุณปู่ของลูกสิ ให้เขากลับบ้านกับพ่อเถอะ!”
“และลูก พ่อรู้สึกผิดแล้วจริงๆ หวังว่าลูกจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า พาคุณปู่กลับบ้านกับพ่อ”
อ้ายหมิงซวี่อย่างจริงใจ
เขาเสียใจก็จริง แต่ยังไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
ความผิดหวังในดวงตาของอ้ายหลินยิ่งลึก
อ้ายชวนเยาะเย้ย:”แกเป็นลูกของฉัน แกคิดอะไร คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆเหรอ?”
“ให้ดีแกควรเก็บความคิดชั่วร้ายเอาไว้ แล้วพาคนออกไปซะ!”
“ให้ฉันกลับตระกูลอ้าย มันเป็นไปไม่ได้”
อ้ายชวนไล่อย่างไม่เกรงใจ
อ้ายหลินพูดอีกว่า:”คุณปู่ชอบที่นี่มาก ในเมื่อทิ้งทุกอย่างแล้วมาอยู่ที่นี่แล้ว นั่นก็คืออยากใช้เวลาช่วงวัยชราที่นี่ ไม่อยากให้ใครมารบกวน พวกคุณไปเถอะ!”
ทันใดนั้น คนของตระกูลอ้ายก็ร้อนรน
หากพวกเขาไปจริงๆ อ้ายชวนกับอ้ายหลินคงจะไม่มีวันกลับตระกูลอ้ายอีก ถ้าอย่างนั้นตระกูลอ้ายจะยืมใช้พลังของหยางเฉิน เพื่อทำให้ตระกูลอ้ายเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นได้อย่างไร?
“พ่อ ให้ตระกูลอ้ายแข็งแกร่งขึ้น นี่มันคือความฝันในชีวิตนี้ของพ่อไม่ใช่เหรอ? ทั้งๆที่พ่อก็รู้ว่าผมอยากทำอะไร และรู้ว่าที่ผมทำแบบนี้ ก็เพื่อตระกูลอ้าย ทำไมถึงเข้าใจผมไม่ได้? สนับสนุนผมไม่ได้?”
อ้ายหมิงซวี่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากทันที และพูดอย่างตาแดงว่า:”ผมรู้ คราวนี้ผมมองผิดไปเอง ผมขอโทษพ่อกับเสี่ยวหลิน แต่ว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถึงทำเช่นนี้!”
ดวงตาของอ้ายชวนเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขามองอ้ายหมิงซวี่ลึกๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา:”จนถึงตอนนี้ แกยังไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองเลย และเอาแต่พูดว่าแกทำเพื่อตระกูลอ้าย เป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ?”
“ฉันฝันอยากจะทำให้ตระกูลอ้ายแข็งแกร่งขึ้น แต่จะไม่เหมือนแก ที่โหดเหี้ยมส่งลูกสาวของตนไปตาย”
“แกไปเถอะ ในเมื่อฉันมอบตำแหน่งผู้นำให้แกแล้ว ดังนั้นความรุ่งเรืองและร่วงโรยของตระกูล แกต้องรับผิดชอบทั้งหมด แม้ว่าตระกูลอ้ายจะพังทลายในมือของแกจริงๆ มันก็เป็นความผิดของแก และฉัน ไม่ได้ทำให้บรรพบุรุษตระกูลอ้ายผิดหวัง”
พูดจบ อ้ายชวนก็พูดว่า:”ส่งแขก!”
หม่าชาวลุกขึ้น กำลังจะไล่ตระกูลอ้ายออกไป ทันใดนั้น หยางเฉินก็ลุกขึ้น และกดไหล่ของหม่าชาว เขาไม่ต้องการให้เพื่อนของเขาลำบากใจ
“พาคนในตระกูลอ้าย ไปเถอะ! ถ้าให้ฉันรู้ว่า พวกคุณยังกล้ามารังควานคุณปู่อ้าย ฉันจะทำสิ่งที่จะทำให้พวกคุณเสียใจมากขึ้น”
หยางเฉินพูดโดยมองสมาชิกตระกูลอ้ายอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการขู่:”อย่าสงสัยในคำพูดของฉัน เพราะในสายตาของฉัน อย่าว่าแต่ตระกูลอ้ายเลย แม้ว่าจะเป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ขอแค่ฉันเต็มใจ ก็สามารถทำให้พวกเขาพังทลายทันที!”
ทุกคนในตระกูลอ้ายอย่างกับมีเข็มแทงหลัง ตัวสั่นไปหมด
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ท่าทางที่เคารพนับถือของผู้นำทั้งหลายของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ที่มีต่อหยางเฉิน พวกเขาจะคิดว่าหยางเฉินกำลังขี้โม้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ พวกเขาเข้าใจดี ว่าสิ่งที่หยางเฉินพูดเป็นความจริง
ตอนนี้ ความเสียใจในใจของพวกเขารุนแรงยิ่งขึ้น เพราะผู้หญิงที่ถูกพวกเขาไล่ออกจากตระกูล และเพื่อนของเธอ ก็คือชายหนุ่มที่สามารถล้มล้างแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้
ภายใต้การขู่ของหยางเฉิน ตระกูลอ้ายทั้งหมดจากไปอย่างรวดเร็ว
เดิมทีอ้ายชวนและอ้ายหลินอารมณ์ดีอยู่ ก็ถูกแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ทำลายลง
อ้ายชวนถอนหายใจ:”เสี่ยวหลิน หนูว่าที่ปู่เคยแอบช่วยพ่อของหนู มันถูกหรือผิด?”
อ้ายชวนสงสัยในการเลี้ยงการสอนของเขาเป็นครั้งแรก
เมื่อก่อน ที่มอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลให้อ้ายหมิงซวี่ ก็เพื่อที่จะมอบอำนาจในมืออย่างช้าๆ
แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าอ้ายหมิงซวี่ไม่มีความสามารถทางการค้าเลย ถ้าเขาไม่แอบลงมือ ตระกูลอ้ายจะต้องพังทลายด้วยมือของอ้ายหมิงซวี่แน่นอน
อ้ายหลินส่ายหัว จับมืออ้ายชวนแล้วพูดว่า:”คุณปู่ คุณปู่ไม่ผิด พ่อของหนูต่างหากที่ผิด เอาล่ะ ในเมื่อคุณปู่ออกจากตระกูลแล้ว ก็อย่าไปกังวลเรื่องของตระกูลอีกเลย มาเถอะ เรากินข้าวกันต่อ”
ทุกคนอยู่ในลานบ้านเล็กจนถึงดึก ถึงจากไป
เมื่ออ้ายหลินส่งหยางเฉินและหม่าชาวถึงหน้าประตู หยางเฉินก็พูดขึ้นทันที:”เธอบอกคุณปู่อ้ายนะ ฉันจะไม่ให้ตระกูลอ้ายค่อยๆอ่อนแอลงไปหรอก”