นัทธีรู้ ว่าเธอกำลังกล่าวโทษเขา
โทษที่เขาดูแลเด็กน้อยทั้งสองคนได้ไม่ดีพอ โทษที่เขาขังนวิยาเอาไว้ไม่แน่นหนาพอ ดังนั้นจึงปล่อยให้นวิยามาทำร้ายเด็กๆเอาได้
“ไม่ใช่ความผิดของพ่อครับ หม่ามี๊ ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อเลย”นัทธียังไม่ทันได้ตอบ อารัณก็พูดแทนนัทธีออกมา
นัทธีก้มลงมองเด็กน้อยที่อยู่บนโซฟาแวบหนึ่ง
เจ้าเด็กคนนี้ ไม่เสียแรงที่พ่อทั้งรักและเอ็นดูเลย
“ไม่ใช่คุณพ่อ?”วารุณีขมวดคิ้ว
อารัณพยักหน้ายืนยัน “คุณพ่อไม่ได้ปล่อยนวิยาออกมา คนที่ปล่อยนวิยาออกมา คือคุณอาพิชิต”
“คุณอาพิชิต พิชิตงั้นเหรอ?”วารุณีมองไปที่นัทธี
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“เป็นเขา ผมไม่คิดว่าเขาจะโง่แบบนี้ รักนวิยาจนไม่มีสมองจะคิด ”
ก่อนหน้านั้น เพราะมิตรภาพที่มีมายาวนาน เขาจึงได้อนุญาตให้พิชิตไปเยี่ยมนวิยาได้วันละครึ่งชั่วโมง แต่เขาไม่คิดว่า แค่เวลาเพียงไม่กี่วัน พิชิตจะถูกนวิยาล้างสมอง แล้วปล่อยตัวนวิยาไปได้
แต่ที่น่าขันที่สุดก็คือ พิชิตในฐานะของคนเป็นหมอ กลับเชื่อคนที่เกิดมาไม่แม้แต่จะมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ว่าออกไปแล้วจะปรับปรุงตัว ไม่ทำเรื่องที่ผิดกับใครอีก ถ้าไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก
วารุณีกำหมัดแน่น “เป็นเขานี่เอง!”
“คุณพ่อยังทำร้ายคุณอาพิชิตด้วย”อารัณพูดต่อ
เมื่อวารุณีได้ยิน ความกรุ่นโกรธที่มีในใจก็พอจะคลายลงได้บ้าง “สมควรโดน แต่ฉันอยากรู้ เรื่องของพิชิต คุณจะจัดการกับเขายังไง ? เพราะเขาปล่อยตัวนวิยาออกมา จึงทำให้ลูกทั้งสองคนของฉันได้รับบาดเจ็บ ฉันขอให้คุณจะตัดขาดความสัมพันธ์กับพิชิตซะ ไม่งั้นเราก็หย่ากัน”
เมื่อได้ยินคำว่าหย่า ริมฝีปากของนัทธีก็เม้มเข้าหากัน เห็นชัดว่าไม่ชอบคำพูดนี้
ชายหนุ่มตอบเสียงเข้ม “ ผมตัดขาดกับพิชิตแล้ว ส่วนเรื่องจะจัดการกับพิชิตยังไง ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เขายังมีนัดผ่าตัดกับคนไข้อยู่อีกหลายราย หากผมทำอะไรเขาในตอนนี้ มันจะไม่ยุติธรรมกับคนไข้เหล่านั้น รอจับตัวนวิยาได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน วางใจเถอะนะ พิชิตไม่ใช่นวิยา เขารู้ว่าตัวเองทำผิด ไม่คิดจะหนีไปไหนหรอก”
เขาไม่ได้โกหกเธอ ทันทีที่รู้ว่าพิชิตปล่อยตัวนวิยาไป เขาก็ได้ตัดขาดความเป็นเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนานกับพิชิตแล้ว
ต่อให้พิชิตจะปล่อยตัวนวิยาไป และนวิยาเองก็ไม่ได้มาทำร้ายอะไรเด็กๆ เขาก็เลือกที่จะตัดขาดกับพิชิตเหมือนกัน
เพียงแค่การกระทำของพิชิตที่ปล่อยตัวนวิยาไป มันคือการทรยศหักหลังเขา และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ก็คือการทรยศหักหลังแบบนี้
วารุณีพยักหน้า“ ก็ดีค่ะ แล้วจะจับตัวนวิยาได้ไหม?”
เธอรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
เด็กทั้งสองคนเกิดเรื่องขึ้นเมื่อวาน หากจับตัวนวิยามาได้ เขาก็คงจะจับเธอมาแล้ว
แต่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ดังนั้นเธอจึงคิดว่า หากจะจับตัวนวิยาได้ในเวลาอันสั้นนี้ก็คงจะเป็นเรื่องยาก
คำถามของวารุณี ทำเอานัทธีถึงกับต้องเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า“ได้สิ ต้องได้”
ตราบใดที่นวิยายังอยู่บนโลกใบนี้ เขาก็จะจับตัวเธอมาให้ได้
มันแค่ต้องใช้เวลาหน่อยก็เท่านั้น
เมื่อวารุณีได้ยินที่เขาพูด ก็พยักหน้าให้ ไม่ได้ถามอะไรต่อ เดินไปนั่งลงที่ข้างเตียงคนป่วย จ้องมองลูกสาวด้วยแววตาที่เจ็บปวด
ในตอนนี้เอง ป้าส้มก็กลับมาจากการไปซื้ออาหารเช้า “คุณผู้หญิง คุณมาแล้ว ”
วารุณีเหยียดปาก ฝืนยิ้มออกมา“ ป้าส้ม”
“ป้าส้ม ไปยังที่โต๊ะแล้วจัดเตรียมอาหารเช้า
นัทธีอุ้มอารัณขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เดินไปด้านหลังของวารุณี “กินอาหารเช้ากันก่อนเถอะ ?”
วารุณีส่ายหัว“คุณกินเถอะ ฉันกินไม่ลง ฉันอยากจะอยู่เฝ้าไอริณ”
นัทธีขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงไอริณ แต่คุณอย่าลืม ในท้องของคุณยังมีอีกหนึ่งชีวิต หากคุณไม่กิน แล้วล้มป่วยไปอีกคน จะดูแลไอริณยังไง แล้วจะดูแลลูกในท้องยังไง ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น วารุณีก็อ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง หลังจากกินอาหารเสร็จ ผมมีอะไรจะเซอร์ไพรส์คุณ”
“เซอร์ไพรส์ ? เซอร์ไพรส์อะไรคะ ? ”วารุณีมองเขาด้วยความสงสัย
นัทธียิ้มให้และไม่ได้พูดอะไร
วารุณีก็ไม่ได้ถามต่อ เดินตามเขาไปกินอาหารเช้าอย่างว่าง่าย
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ
ป้าส้มก็พาอารัณไปล้างหน้าล้างปากที่ห้องน้ำ ไอริณเองก็ยังไม่ฟื้น
นัทธียื่นเอกสารซองหนึ่งให้วารุณี “นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่ผมให้คุณ เปิดดูสิ”
วารุณีรับมาด้วยความสงสัย ภายใต้การมองของเขา เธอเปิดซองเอกสารออกดู หยิบของด้านในออกมา เป็นผลตรวจอีเอ็นเอ
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น“ผลตรวจของปวิชกับพิชญาออกมาแล้วเหรอคะ?”
มุมปากของนัทธีกระตุก“ มันไม่ใช่ของพวกเขา ของพวกเขายังไม่ออกมา”
แต่ก็น่าจะเร็วๆนี้ ไม่วันนี้ ก็น่าจะเป็นวันพรุ่งนี้
“แล้วของใครคะ ?” วารุณีก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
นัทธีมองไปที่ไอริณ“เป็นของผมกับของเด็กๆ”
“หืม?”วารุณีคิ้วขมวด“ของคุณกับเด็กๆ ?”
“ใช่ เปิดไปที่หน้าสุดท้ายสิ”นัทธีเร่งรัดเธอ
วารุณีไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอาผลตรวจของเขากับเด็กๆมาให้แล้วพูดว่ามันคือเซอร์ไพรส์ แต่ก็ทำตามที่เขาพูด เปิดไปที่หน้าสุดท้าย
เมื่อเห็นคำว่า‘ความสัมพันธ์พ่อลูก’คำนี้ วารุณีก็ตกตะลึง ดีดตัวลุกยืนขึ้นอย่างเร็ว และอึ้งไป “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
นัทธีกับเด็กทั้งสองคน เป็นพ่อลูกกัน!
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?”นัทธีมองมาที่เธอ
วารุณีขยับมือไปมา ทำตัวไม่ถูก“คุณกับลูกๆไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนี่ คุณเองก็เคยบอก ตรวจไปแล้วสองรอบผลที่ออกมาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ ? อารัณก็ตรวจไปครั้งหนึ่ง ก็ไม่ใช่ และฉันเองก็เคยตรวจ ผลที่ออกมาก็ไม่ใช่เหมือนกัน แล้วผลตรวจนี้ ……”
“เป็นของจริง” นัทธีพูดตัดบทเธอ จากนั้นก็เล่าเรื่องเมื่อวานที่ไอริณมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกให้ฟัง
ริมฝีปากของวารุณีไหวสั่น พูดอะไรไม่ออก
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจะเกิดขึ้นกับเลือดของคนที่เป็นพ่อแม่ลูกกัน ดังนั้นผลตรวจนี้คือของจริง ?
“ในเมื่อเป็นของจริง แล้วทำไมผลตรวจที่ผ่านมาของเราถึงได้……” น้ำเสียงวารุณสะอื้น
“สองครั้งที่ผมทำ ผมสงสัยว่าขงเบ้งน่าจะมีสายอยู่รอบตัวผม จึงได้สับเปลี่ยนตัวอย่างDNAของเด็กๆ และของตอนที่อารัณเอาไปตรวจ เป็นฝีมือของพงศกร คุณก็รู้ว่าพงศกรเขาคิดยังไงกับคุณ เขากลัวว่าเด็กๆจะเข้าหาผม กลัวว่าผมจะแต่งงานกับคุณเพราะเรื่องของเด็กทั้งสองคน ในส่วนของคุณที่เอาไปตรวจ อันนี้ผมไม่รู้ ”นัทธีอธิบาย
นัยน์ตาวารุณีแดงก่ำ “ฉันนึกออกแล้ว วันที่ฉันจะไปตรวจ กระเป๋าของฉันถูกคนขโมยไป แล้วสับเปลี่ยนเส้นผมของคุณหรือไม่ก็ของเด็กๆ ดังนั้น……”
คำพูดหลังจากนั้น เธอไม่ได้พูดมันต่อ แต่ทุกคนต่างก็เข้าใจความหมายดี
เธอไม่คิดว่า เบื้องหลังของเรื่องนี้ จะมีคนมากมาย ที่ไม่ต้องการให้นัทธีกับเด็กๆได้ทำความรู้จักกัน
แต่สิ่งที่ทำให้วารุณีดีใจมากที่สุด นั้นก็คือ เธอไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น ผู้ชายของเธอ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มีเพียงนัทธีคนเดียวเท่านั้น
ตอนนั้นที่เธอตรวจเช็กกล้องวงจรปิดของโรงแรม ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร
“วางใจเถอะ คนพวกนี้ ผมไม่เก็บเอาไว้แน่ มารุตกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ให้อยู่ ไม่นานก็จะชี้ตัวพวกเขาได้ คนที่สับเปลี่ยนตัวอย่างDNAทั้งสองครั้ง จะใช่คนที่ขงเบ้งส่งมาหรือเปล่า”นัทธีกอดวารุณีเบาๆ แล้วจูบไปที่ผมของเธอ
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง
ทันใดนั้นนัทธีก็ถามขึ้นว่า“ ผมอยากรู้ เมื่อห้าปีที่แล้วของคืนนั้น มันเกิดอะไรขึ้น คืนนั้นเป็นคุณไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมตอนที่ผมตื่นขึ้นมา ข้างกายถึงได้กลายเป็นพิชญาไปได้ ”
คืนนั้น เขาถูกนิรุตติ์วางยา นิรุตติ์ได้จัดหาผู้หญิงมาด้วยสองคน แล้วยังได้ตามนักข่าวมาด้วย หวังให้นักข่าวเก็บภาพที่เละเทะของเขา แล้วเอาไว้ขู่กรรโชกเขา
เมื่อเขารู้ จึงไม่ได้เข้าไปในห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ แต่ไปเปิดเองอีกห้องหนึ่ง หวังจะใช้โทรศัพท์ภายในห้อง โทรหามารุต ให้มารุตตามหมอมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้โทร เขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ และในตอนนั้นเอง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาทนไม่ไหว เลยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนนั้น
หลังจากที่ฟื้น ข้างกายของเขาก็คือพิชญา แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้จักกับพิชญา และไม่ปฏิเสธคิดว่าพิชญาเป็นผู้มีพระคุณของเขา เพราะยาแบบนั้น หากไม่ได้หมอทำการรักษาอย่างทันท่วงที ลำพังเขาคนเดียว ก็คงจะหัวใจวายตายไปแล้ว